ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ เล่ม 3 บทที่ 67 – 68
เมื่อพูดถึงทางสุยอ๋อง เดิมทีเขารู้สึกว่าการรับหลิ่วเหมียนถังเป็นอนุคือเรื่องที่ง่ายดายมาก ในเมื่อไม่ว่าอย่างไรทุกวันนี้นางไม่มีตำแหน่งหัวหน้าภูเขาหยั่งซานอีก ยิ่งไม่มีอำนาจอะไรคอยช่วยเหลือ ก็แค่หลานสาวของชายแก่ที่เปิดสำนักคุ้มภัยคนหนึ่ง
เขาไปสู่ขอ เดิมสกุลลู่ควรจะซาบซึ้งใจน้ำตาไหล ได้รับสินสอดก็แบกเกี้ยวส่งหลิ่วเหมียนถังมาให้ทันที
คิดไม่ถึงว่าพวกเขาส่งบางอย่างมาให้จริงๆ แต่กลับเป็นสินสอดห้าคันรถที่เขาส่งออกไป และที่ตามมาด้วยก็คือผู้มีความสามารถที่ครั้งนี้เขาจงใจรั้งอยู่ที่ซีโจวเพื่อดึงตัวมาเป็นพวก…หลี่กวงไฉ
หลิวเพ่ยรู้สึกว่าความจริงสายตาของตนเองไม่เลว หลี่กวงไฉที่อยู่ตรงหน้าเป็นยอดคนจริงๆ เขาขวัญกล้าเทียมฟ้า พูดจาฉะฉานต่อหน้าตนเอง อาศัยเหตุผลว่าการบังคับรับอนุขัดต่อกฎหมายของต้าเยี่ยน หลังยัดเยียดคืนสินสอดกลับมาก็ขี่ลาจากไป
ในเวลานั้นสุยอ๋องใคร่ครวญถึงเหตุผลที่หลี่กวงไฉทำตัวเช่นนี้ หรือว่า…ผู้ช่วยนายอำเภอหลี่เองก็ต้องตาหลิ่วเหมียนถัง เลยรีบมาปกป้องชื่อเสียงของคนในดวงใจ?
ทว่ามีอย่างหนึ่งที่หลี่กวงไฉพูดผิดไป นั่นก็คือเขาหลิวเพ่ยไม่ค่อยสนใจชื่อเสียงของตนเองนัก สมัยนั้นที่ออกบวชไว้ผมก็เพียงเพื่อซ่อนตัวจากที่กลางแจ้ง และต่อให้เขาบังคับรับหญิงสาวตัวคนเดียวมาเป็นอนุ นั่นแล้วอย่างไรกัน ขุนนางคนใดจะกินอิ่มจนไม่มีอะไรทำมาสนใจเรื่องเล็กน้อยของท่านอ๋องอิสระอย่างเขาเล่า
ระหว่างหลี่กวงไฉกับหลิ่วเหมียนถัง สุยอ๋องลองเปรียบเทียบกันแล้วรู้สึกว่ายังอยากได้ตัวหลิ่วเหมียนถังมากกว่าสักหน่อย
ดังนั้นครั้นได้ยินว่าหลิ่วเหมียนถังออกไปตั้งตัวเป็นเจ้าบ้านสตรี สุยอ๋องคลี่ยิ้มอย่างนึกสนุก ดูท่าหลิ่วเหมียนถังเองก็รู้ว่าล่วงเกินตนเองเข้า ไม่อยากให้ครอบครัวลำบากไปด้วย ถึงได้รีบร้อนแยกตัวออกมาใช้ชีวิตคนเดียว
แต่สตรีตัวคนเดียวจะดูแลบ้านลำบากมากเพียงใด ในเมื่อเป็นเช่นนี้หากเขาไม่ช่วยเหลือเสียหน่อยจะดูไม่เหมาะสมแล้วจริงๆ
คิดมาถึงตรงนี้สุยอ๋องตัดสินใจส่งคนไปเยือนที่บ้านของหลิ่วเหมียนถังอีกครั้ง ตั้งใจ ‘เกลี้ยกล่อม’ หลิ่วเหมียนถังให้ดีๆ ให้นางเข้าใจถึงความร้ายแรงของการปฏิเสธเขา
ตอนที่คนของสุยอ๋องเคาะประตูบ้านของหลิ่วเหมียนถัง ปี้เฉ่าแนบตัวกับช่องประตูเห็นเป็นพวกบ่าวเหลี่ยมจัดพวกนั้น ในใจก็อดเคร่งเครียดอย่างมากไม่ได้
หลังนางนำเรื่องนี้ไปแจ้งหลิ่วเหมียนถังอย่างร้อนใจ ปรากฏว่าหลิ่วเหมียนถังยังคงฝึกคัดอักษรโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี จากนั้นเอ่ย “ไม่ต้องสนใจพวกเขา แค่บอกคนพวกนั้นว่าครอบครัวพวกเรามีเจ้าบ้านเป็นสตรี ไม่สะดวกต้อนรับแขกบุรุษ เชิญพวกเขากลับไปเถอะ”
ปี้เฉ่าเลียนแบบคำพูดของคุณหนูพูดให้คนของสุยอ๋องฟังอย่างไม่มีตกหล่น
แต่ว่าคนเหล่านี้เดาได้อยู่แล้วว่าหลิ่วเหมียนถังไม่มีทางเปิดประตูแน่
คิดถึงว่าสมัยก่อนสุยอ๋องอยู่ที่เมืองหลวงผยองอวดดีมากเพียงไร แค่ว่าภายหลังไปอยู่ฮุ่ยโจวได้ทำตามคำกำชับของพระมารดา ไม่ว่าทำอะไรล้วนถ่อมตนมากขึ้น แต่ความเผด็จการในกระดูกกลับไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เห็นหลิ่วเหมียนถังไม่เปิดประตู บรรดาบ่าวเหลี่ยมจัดแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนก้าวขึ้นหน้ามาถีบประตูเปิดทันที
วันนี้ตอนที่สุยอ๋องสั่งงานพวกเขาบอกเพียงเจตนาเดียวเท่านั้น จะต้องพาตัวหลิ่วเหมียนถังกลับมาให้ได้!
ถึงเวลาใต้เท้าหลี่ผู้นั้นมาขอตัวคนอีกครั้ง หลิวเพ่ยก็ทำเพียงว่าคนของเขาคิดเองเออเอง ‘เชิญตัว’ หลิ่วเหมียนถังมาที่โรงเตี๊ยมของเขา
ทว่าหญิงสาวนางหนึ่งเข้ามาในที่พักของเขา ชื่อเสียงเสียหายไปแล้ว หากเขาปล่อยตัวกลับไปมิใช่บังคับให้หญิงสาวฆ่าตัวตายหรอกหรือ เขาก็เลยกักตัวคนไว้ไม่ยอมปล่อย ดูว่าผู้ช่วยนายอำเภอตัวเล็กๆ จะทำอะไรเขาได้
ในเมื่อนางไม่ชอบพูดคุยกับเขาดีๆ อย่างนั้นเขาก็จะให้นางได้รู้ว่าบุรุษที่ไม่ฟังเหตุผลทำตัวเยี่ยงไรก็แล้วกัน!
ตอนที่คนเหล่านั้นบุกรุกเข้าไปในเรือน พวกฟั่นหู่เตรียมตัวพร้อมอยู่ก่อนแล้ว ก้าวขึ้นหน้าไปขัดขวางพวกที่บุกรุกเข้ามาก่อนเริ่มวิวาทกัน
สุยอ๋องผู้นี้วางแผนอื่นไว้แต่แรก วรยุทธ์ของลูกน้องเดนตายที่เลี้ยงไว้นับว่าสูงส่ง ในเวลานี้พวกฟั่นหู่เองก็ขัดขวางไว้อย่างยากลำบาก
หลิ่วเหมียนถังกัดริมฝีปากอยู่ในห้อง ในใจเองก็เข้าใจเหตุผลว่าไยสุยอ๋องถึงโอหังเพียงนี้
ที่นี่ไม่ใช่สถานที่รกร้างนอกเมือง ต่อให้คนของสุยอ๋องจงใจบุกเข้ามา แต่หากบาดเจ็บล้มตายอยู่ในลานบ้านนาง ต่อให้นางบริสุทธิ์ก็ถูกสุยอ๋องเปลี่ยนเป็นมีมลทินได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้สุยอ๋องย่อมไม่มีอะไรให้หวาดกลัว ตั้งใจทำให้เป็นเรื่องใหญ่ บางทีสุยอ๋องอาจจะหวังให้คนของเขาตายสักคนสองคนด้วยซ้ำ แล้วอาศัยเรื่องนี้มาเล่นงานนาง
ส่วนไหวหยางอ๋องผู้นั้น…ตอนนี้เขาอยู่ห่างไกลสุดขอบฟ้า มิหนำซ้ำต่อให้เขาอยู่ใกล้ จะเต็มใจแตกหักกับสุยอ๋องเพื่อนางหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
คิดมาถึงตรงนี้หลิ่วเหมียนถังค่อยๆ วางธนูคันเล็กที่ยกขึ้นลง
แม้นางจะออกมาเป็นเจ้าบ้านสตรี แต่หากทำให้เป็นเรื่องใหญ่จะต้องส่งผลกระทบต่อบ้านท่านตาอยู่ดี นางไม่อาจทำตัวตามอำเภอใจเหมือนตอนอยู่ในถิ่นทุรกันดาร จับตัวลูกน้องของสุยอ๋องไปให้สุนัขป่ากินเช่นนั้น
พอถูกพันธนาการไว้ซ้ายขวาเช่นนี้ หลิ่วเหมียนถังไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ ก็รู้สึกว่าหญิงชาวบ้านดีๆ คนหนึ่งกลับมีชีวิตอิสรเสรีเทียบเท่าโจรภูเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่างน้อยพวกโจรภูเขาก็ไม่ต้องฝืนใจตนเอง ยอมก้มหัวให้แก่อำนาจเหล่านี้…
ขณะที่ภายในลานบ้านกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทันใดนั้นก็มีเสียงย่ำเท้าสะเทือนพื้นดินดังมาจากตรอกข้างนอก เสมือนมีกองทัพนับพันนับหมื่นเดินทัพมา
ในเวลานั้นทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้โรมรันต่างหยุดลง ได้ยินเสียงฝีเท้า ‘กุบกับๆ’ ดังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ…
บรรดาบ่าวป่าเถื่อนพวกนั้นเห็นสถานการณ์ไม่ถูกต้อง จึงส่งสายตาให้กันเตรียมออกจากลานบ้านไปดูก่อน แต่ทันทีที่ก้าวออกจากประตูก็ถูกทหารในชุดเกราะกลุ่มหนึ่งโอบล้อมเอาไว้
บรรดาทหารเหล่านั้นเองก็ไม่พูดไม่จา ชักดาบออกมาฟันใส่คนเหล่านี้ทันที
ดาบยาวเงาวับหลายสิบเล่มสะบั้นลงมาจนคนไร้ที่หลบหลีก ยามนั้นศีรษะของคนเหล่านั้นถูกสะบั้นขาดมิต่างจากน้ำเต้าโลหิต
หลังฟันดาบสังหารคนไปจำนวนหนึ่ง บรรดาทหารในชุดเกราะก็บุกเข้ามาเพื่อฟันคนที่เหลือให้หมด
หนึ่งในทหารกลับพูดขึ้นว่า “ท่านผู้บัญชาการกำชับไว้แล้ว ฟันคนที่ข้างนอกประตู อย่าให้เลอะในลานบ้าน” หลังเอ่ยจบพวกคนที่เหลือถูกจับกดลงพื้น ลากแขนลากขาออกไปนอกบ้าน ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนที่เงียบกริบลงในเวลาไม่นาน
“ลากตัวคนไปเป็นอาหารสุนัขที่สุสานไร้ญาตินอกเมือง! ตักน้ำมาล้างพื้นด้วย!” หลังสิ้นเสียงตะโกนนี้ ภายนอกลานมีเสียงฝีเท้าชุลมุน ก่อนจะเป็นเสียงน้ำดังซ่าๆ
จากนั้นอีกสักพักก็เป็นเสียงวิ่งเหยาะๆ อย่างสม่ำเสมอ ทหารทั้งตรอกล่าถอยกันออกไปหมดจดเสมือนกระแสน้ำลง
ปี้เฉ่ารวบรวมความกล้าชะโงกหน้ามองออกมาจากข้างหลังฟั่นหู่ เห็นว่าคนของแต่ละบ้านเรือนในตรอกเองก็ชะเง้อชะแง้คอมองออกมาจากกำแพงบ้าน แต่ละคนล้วนมีท่าทีตกตะลึงไม่หาย
แต่ภายในตรอกแห่งนี้ นอกจากแอ่งน้ำบนพื้นกับกลิ่นคาวเลือดฉุนกึกในอากาศ ทุกอย่างล้วนดูสะอาดสะอ้านเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
หลิ่วเหมียนถังตกตะลึง พลันนึกได้ว่าชุยสิงโจวเคยพูดว่าหากนางมีบุรุษอื่น อย่าโทษที่เขายกทัพมาคิดบัญชี คำพูดเสียสตินี้…เขากลับทำจริงๆ แล้ว!
* เตี้ยนซื่อ หรือการสอบหน้าพระที่นั่ง เป็นการสอบรอบสุดท้ายของการสอบรับราชการซึ่งจัดขึ้นในวังหลวง โดยมากฮ่องเต้จะเป็นผู้ควบคุมการสอบด้วยตัวเอง และผู้ที่สอบได้เป็นอันดับหนึ่งเรียกว่าจ้วงหยวน หรือจอหงวน (状元) อันดับสองปั่งเหยียน (榜眼) อันดับสามทั่นฮวา (探花)
* น้ำไกลดับกระหายที่ใกล้ไม่ได้ หมายถึงความช่วยเหลือที่อยู่ห่างไกลไม่อาจช่วยแก้ปัญหาที่เร่งด่วนได้ทันท่วงที
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนมกราคม 66)