ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ บทที่ 7-บทที่ 9
จ้าวเฉวียนรู้สึกไม่พอใจ รู้สึกว่าบางทีอาจเพราะสหายสนิทไม่เข้าใจความรู้สึกที่เขามีต่อหญิงสาวผู้นั้นถึงได้ใจดำเช่นนี้ ดังนั้นจึงเอ่ยปากบอกตรงๆ “ท่านเองก็เป็นคนที่ใกล้มีเรื่องมงคล กำลังจะแต่งงานกับญาติผู้น้องคนรองสกุลเหลียน กลายเป็นคู่ที่สวรรค์สร้าง น่าสงสารตัวข้าที่ได้ชื่อว่าแต่งงานแล้ว ทุกวันกลับไม่มีใครสนใจไยดี ขาดแค่คนแสนดีอย่างแม่นางหลิ่วเท่านั้นเอง…”
น่าเสียดายที่ประโยคนี้พูดออกไปแล้วกลับไม่มีใครสนใจ
ชุยสิงโจวพิงพนักรองในรถม้า มือหนึ่งยกขึ้นยันขมับตั้งใจอ่านหนังสือ คล้ายว่าไม่มีความสนใจจะสนทนาถึงเรื่องมงคลที่ใกล้เข้ามาของตนเช่นกัน
คุณหนูรองสกุลเหลียนที่จ้าวเฉวียนพูดถึงความจริงเป็นหลานสาวแท้ๆ ของชายาสกุลฉู่ของท่านอ๋องผู้เฒ่า มารดาของชุยสิงโจว
สมัยนั้นท่านอ๋องผู้เฒ่ามีนิสัยเจ้าชู้เสเพล หลังชายาอ๋องผู้เฒ่าแต่งเข้าไปก็ไม่ได้รักใคร่ลึกซึ้งกับท่านอ๋องผู้เฒ่า แต่งงานมาหกปีกลับมีเพียงบุตรสาว ไม่มีบุตรชาย
ท่านอ๋องผู้เฒ่าชุยเซี่ยรอจนหมดความอดทนจึงรับอนุจากตระกูลผู้ดีมาสามคน สลับหมุนเวียนไปหาตลอดเวลาสี่ปี แข่งกันคลอดบุตรชายออกมาทั้งหมดแปดคน
เมื่อเข้าปีที่เจ็ดอาจเพราะค่าน้ำมันธูปเทียนที่ชายาอ๋องผู้เฒ่าถวายทำให้เจ้าแม่ประทานบุตรซาบซึ้งใจเข้า นางจึงตั้งครรภ์คลอดชุยสิงโจวบุตรชายภรรยาเอกคนโตออกมาในที่สุด
ดังนั้นแม้ชุยสิงโจวจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรชายภรรยาเอกคนโต ทว่ากลับเป็นพี่น้องคนที่เก้าในครอบครัว
ภูมิหลังของอนุเหล่านั้นล้วนไม่ธรรมดา แต่ละบ้านยังมีบุตรชายกันทั้งสิ้น การแก่งแย่งชิงดีทั้งในทางลับและที่แจ้งของในจวนอ๋องรุนแรงเสียยิ่งกว่าภายในวัง มากพอจะให้นักเล่านิทานเล่าจนปากเปื่อยทีเดียว
ซ้ำชายาอ๋องผู้เฒ่ายังมีนิสัยอ่อนโยน เหตุผลที่สามารถยืนมั่นคงท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดีของพวกอนุได้ ย่อมเป็นเพราะภูมิหลังทางบ้านบิดาของนางล้ำลึก พี่น้องยังล้วนมีความสามารถ มีแรงสนับสนุนเข้มแข็งเป็นเหตุผล
ที่สำคัญที่สุดคือบุตรชายของนางผู้นี้เก่งกาจ
โดยสรุปแล้ว หลังท่านอ๋องผู้เฒ่าตาย ตอนที่ชุยสิงโจวสืบทอดบรรดาศักดิ์ต่อ พี่น้องเหนือเขาขึ้นไปก็มีเหลือน้อยนิดแล้ว ความโหดร้ายในช่วงเวลานั้นใหญ่โตมากพอให้คนในจวนอ๋องล้วนเก็บงำไม่พูดถึง
ได้เห็นเรือนหลังของบิดาป่าเถื่อนเลวร้าย บรรดาอนุแต่ละคนล้วนโอ้อวดจองหอง ตอนถึงเวลาที่ชุยสิงโจวควรจะแต่งงาน ตัวเลือกชายาอ๋องคนใหม่ย่อมต้องเลือกอย่างระมัดระวังเอามากๆ เงื่อนไขแรกคือจะต้องมีนิสัยอ่อนโยน ไม่อาจเย่อหยิ่งอวดดี
ช่วยไม่ได้ที่มารดาเขาอ่อนโยนเกินไป หากแต่งสตรีที่ร้ายกาจมากเข้ามา เกรงว่าแม่สามีอย่างนางจะคุมไม่อยู่
เขาไม่ลุ่มหลงมัวเมาในนารี แล้วก็ไม่คิดมีอนุหรือสาวใช้ห้องข้าง* ขอเพียงภรรยามีนิสัยอ่อนน้อม สามารถกตัญญูต่อมารดา คลอดและเลี้ยงดูบุตรได้ก็เป็นพอ
สุดท้ายภายใต้ข้อเสนออย่างกระตือรือร้นของชายาอ๋องผู้เฒ่า เขาจึงเลือกญาติผู้น้องเหลียนปิ่งหลันที่นิสัยคล้ายคลึงกับมารดาเป็นคู่หมั้น
เหลียนปิ่งหลันเป็นบุตรคนรองของเหลียนฉู่ซื่อ** น้องสาวของชายาอ๋องผู้เฒ่า บิดาของนางคือเหลียนหานซาน ลุงของเจิ้นหนานโหวจ้าวเฉวียน
ดังนั้นคุณหนูรองสกุลเหลียนจึงเป็นทั้งญาติผู้น้องบ้านน้าของชุยสิงโจว แล้วก็เป็นญาติผู้น้องบ้านลุงของจ้าวเฉวียนด้วย
และชุยสิงโจวกับจ้าวเฉวียนก็นับเป็นเครือญาติแต่งงานกัน มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้น
ในปีนั้นคุณหนูรองสกุลเหลียนมีบรรดาญาติผู้พี่มากความสามารถให้เลือกจนตาลาย สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกท่านอ๋องรูปงามอย่างชุยสิงโจว ทำให้เหล่าคุณหนูสกุลอื่นๆ อิจฉาแทบตาย
น่าเสียดายที่เรื่องราวไม่ได้ราบรื่น ท่านย่าของคุณหนูรองสกุลเหลียนตายกะทันหันเนื่องจากผลท้อติดคอเมื่อสองปีก่อน อุบัติเหตุเช่นนี้ทำให้บรรดาลูกหลานในตระกูลรับมือไม่ทัน ไม่อาจดำเนินการสู่ขอก่อนหน้าช่วงไว้ทุกข์ได้ ส่งผลให้กำหนดการแต่งงานของเหลียนปิ่งหลันกับชุยสิงโจวจำเป็นต้องเลื่อนออกไปสามปี
บัดนี้ผ่านไปสองปีแล้ว รออีกเพียงปีเดียวจวนไหวหยางอ๋องก็จะรับนายหญิงได้เสียที
เพียงแต่ชายาอ๋องผู้เฒ่ามักคิดถึงลูกสะใภ้ในอนาคตของตนอยู่บ่อยๆ ทั้งยังเป็นเพราะโดดเดี่ยวไม่มีใครเคียงข้าง ดังนั้นจึงชอบเชิญนางมาที่จวนของตนเอง
ชุยสิงโจวไม่ได้มีข้อสงสัยต่อการตัดสินใจของมารดา แล้วก็ไม่อยากให้คนติฉินนินทาญาติผู้น้องที่ยังไม่ทันแต่งเข้าด้วย ดังนั้นเวลาที่เหลียนปิ่งหลันมาเป็นแขกที่จวน เขาก็จะหลีกเลี่ยงไม่กลับไป ป้องกันไม่ให้ถูกคนเอาไปลือว่าเป็นการลอบนัดพบช่วงไว้ทุกข์ เสื่อมเสียชื่อเสียงของกันและกันให้ผู้อื่นจับเป็นจุดอ่อนเอาได้
พอลองนับดูเขาไม่ได้กลับไปจวนอ๋องครึ่งปีได้แล้ว หลังงานแข่งหมากล้อมครั้งนี้ก็จะต้องรีบกลับไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิดของมารดา
งานแข่งหมากล้อมกับผู้ทรงภูมิรื่นเริงอย่างมาก ชุยสิงโจวเป็นยอดฝีมือด้านการเดินหมาก เวลาว่างนอกจากงานเขาไม่ชอบงานเลี้ยงวุ่นวายหนวกหู ชอบเพียงการฆ่าเวลาที่ไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้
ระยะนี้ข่าวลือที่ทางราชสำนักระแวงกองทัพในมือเขากำลังดุเดือด ฮ่องเต้ก็กำลังรอให้เขาคืนตราทหาร สลายกองทัพด้วยตนเอง
ชุยสิงโจวเหนื่อยหน่ายกับการรับมือคำพูดหยั่งเชิงของพวกขุนนางแล้ว เขามีความสุขกับการอยู่กับคนว่างงานอย่างจ้าวเฉวียนและตงซีจวีซื่อนี้มากกว่า
หลังงานแข่งหมากล้อมผ่านไปครึ่งวันก็สิ้นสุดลง ตงซีจวีซื่อที่ไม่ชอบชมเชยผู้ใดยังเอ่ยปากชม “ไม่ได้พบหน้าแค่ไม่กี่วัน ฝีมือเดินหมากของไหวหยางอ๋องก็ดุดันมากขึ้นอีกแล้ว การได้ประมือกับท่านช่างชวนให้คนติดใจจริงๆ!”
เขาพูดจบแล้วหยิบตำราหมากล้อมเก่าขาดม้วนหนึ่งออกมา “กล้าพนันกล้าแพ้ วันนี้ข้าแพ้ให้ท่านสามกระดานติด ขอมอบตำราหมากล้อมที่สืบทอดมายาวนานเล่มนี้ให้ท่าน เพียงแต่ตำราหมากล้อมขั้นสูงที่สืบทอดมานี้ทุกวันนี้เหลือเพียงครึ่งแรก หวังว่าวันหน้าท่านจะตามหาอีกครึ่งที่เหลือพบ และสามารถแบ่งปันให้ข้าอ่านได้”
ชุยสิงโจวยิ้มน้อยๆ แน่นอนว่าย่อมรับปาก