ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ บทที่ 7-บทที่ 9
เหลียนฉู่ซื่อไม่ทันสังเกตสายตาหยามเหยียดของบุตรสาว ยังคงเอ่ยกับตนเองต่อไป “ข้าเห็นว่าสิงโจวบุตรชายคนเดียวของนางนิสัยดี ไม่ได้เสเพลเหมือนบิดาเขาถึงได้ยอมให้เจ้าแต่งเข้า ไฉนเลยจะรู้ว่าสิงโจวกลับเลี้ยงอนุคนหนึ่งไว้ที่ตำบลหลิงเฉวียนเงียบๆ! นี่มัน…ไม่ใช่ว่าเหมือนท่านอ๋องผู้เฒ่าที่ตายไปหรอกหรือ หากไม่รีบป้องกันแต่เนิ่นๆ คนที่เสียเปรียบจะเป็นเจ้าอย่างแน่นอน!”
เหลียนปิ่งหลันปล่อยให้เหลียนเซียงช่วยถอดปิ่นให้นาง ก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ท่านแม่ ลูกพูดกับท่านมากี่ครั้งแล้วว่าห้ามทำอะไรโจ่งแจ้งเกินไป วันนี้ท่านฟังคำพูดของญาติผู้พี่ บอกชัดว่าจับเรื่องที่บ่าวรับใช้ของท่านพ่อพบเจอเรือนนอกที่ตำบลหลิงเฉวียนแล้ว หากท่านรีบร้อนยัดเยียดคนให้เขา มิใช่เป็นการยัดหูตาเข้าไปแบบโจ่งแจ้งหรอกหรือ จากนิสัยของญาติผู้พี่จะยอมได้อย่างไร”
เหลียนฉู่ซื่อรู้ว่าบุตรสาวพูดจามีเหตุผล แต่ยังคงเอ่ยอย่างไม่พอใจ “เช่นนั้นจะปล่อยให้เขามีอนุหรือ ถึงเวลานั้นหน้าตาสกุลเหลียนของพวกเราควรเอาไปวางไว้ที่ใด”
เหลียนปิ่งหลันกลับเอ่ยอย่างสบายใจ “ซูโม่ไม่ได้ใช้เงินสืบข่าวมาแล้วหรือ บอกว่าหญิงสาวผู้นั้นเดิมเป็นภรรยาพ่อค้าที่ถูกโจรลักพาตัวไป ไม่รู้ว่าไปเข้าตาญาติผู้พี่ได้อย่างไร พวกที่ชื่อเสียงเสียหายเพียงนี้ก็แค่อาศัยรูปโฉมมาแก้เบื่อให้บุรุษเท่านั้น จากฐานะของญาติผู้พี่ ต่อให้โปรดปรานอย่างไรก็ไม่มีทางยกสตรีผู้นั้นขึ้นมาได้ ในเมื่อเป็นคนที่เอาไว้แก้เบื่อส่วนตน จะยังไปทำลายความสุขของญาติผู้พี่ให้เขานึกรำคาญใจไปไย”
ความจริงเหลียนฉู่ซื่อเองก็สงสัยว่าเหตุใดบุตรสาวของตนจึงไม่มีนิสัยใจร้อนเหมือนตน อดทนอดกลั้นได้ดีเพียงนี้! แต่เหลียนปิ่งหลันก็พูดจามีเหตุผล วันนี้ท่านอ๋องยกเรื่องซูโม่บ่าวรับใช้ของเหลียนหานซานขึ้นมาพูดกะทันหันก็เพราะกำลังเอ่ยกระทบกระทั่งนางอ้อมๆ
หลานชายผู้นี้ของนางแม้ดูสุภาพอบอุ่น แต่นิสัยข้างในกลับไม่ได้อ่อนโยนเหมือนพี่สาว ถ้าจะยัดเยียดสาวใช้เข้าไปให้ได้กลับจะไม่เป็นการดีแทน
เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่บ่าวรับใช้ผู้นั้นไปสืบข่าวอีกครั้ง พลทหารนายนั้นที่เคยใช้เงินซื้อตัวไว้ได้หายไปแล้ว พอถามคนอื่นต่างก็ปิดปากเงียบ ทำให้เขาเจอทางตันได้แต่ถอยกลับ ตอนนี้คิดดูแล้วจากนิสัยของชุยสิงโจวจะต้องลงโทษพลทหารนายนั้นแน่ๆ คิดอยากหลอกถามอีกก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
ส่วนเหลียนปิ่งหลันพอพ้นจากช่วงเพลิงริษยาสุมหัวใจในตอนแรกก็คิดตก ในอนาคตนางแต่งเข้าไปก็จะเป็นนายหญิงของจวนอ๋อง พระชายาผู้ดูแลจวน มีวิธีจัดการอนุผู้นั้นอีกมากมาย เหตุใดจะต้องหาเรื่องให้ญาติผู้พี่ไม่พอใจก่อนแต่งงานด้วยเล่า
ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางย่อมทำเป็นไม่รับรู้เรื่องใด ที่จริงมีหญิงสาวชื่อเสียงป่นปี้คอยปรนนิบัติญาติผู้พี่เช่นนี้ก็ดี ถึงอย่างไรก็ดีกว่าไหวหยางอ๋องผู้เฒ่าที่ตายไปซึ่งล่อลวงคุณหนูตระกูลอื่น ยกอนุสูงศักดิ์ที่ด่าทอไม่ได้เข้าบ้านมามากมาย
คิดมาถึงตรงนี้เหลียนปิ่งหลันก็กล่อมให้มารดาไปพักผ่อนเสียงอ่อนโยน ส่วนนางใช้ยาบำรุงหน้าที่ทำจากไข่มุกแปะหน้า เอาผ้าโปร่งคลุมผมไว้แล้วนอนลง
สองสามวันมานี้เหลียนปิ่งหลันสนใจบำรุงผิวพรรณเป็นพิเศษ เพราะได้ยินพลทหารนายนั้นบอกว่าภรรยาพ่อค้าผู้นั้นรูปโฉมงดงามมาก นางจึงยากจะไม่รู้สึกไม่พอใจ เกิดใจนึกอยากเอาชนะขึ้นมา
ทว่าต่อให้งามกว่านี้ก็มีวันที่โรยรา วิธีการใช้หน้าตามัดใจคนจะคงอยู่นานได้อย่างไร นางในฐานะภรรยาเอกจิตใจก็ควรกว้างขวางสักหน่อย ไม่อาจหูตาตื้นเขินอย่างมารดาได้
เมื่อครู่นี้แม้มารดาจะต่อว่าท่านอ๋องผู้เฒ่าว่าเจ้าชู้ ไม่ใช่คนที่ควรแต่งงานด้วย แต่เวลามารดาอยู่ที่บ้านตนเอง ไม่รู้ว่าร้องไห้ตัดพ้อเสียใจภายหลังบ่อยครั้งเพียงใด บ่นตำหนิความไร้สามารถของบิดา เอาแต่พูดว่าตอนนั้นตนหน้ามืดตามัว เหตุใดจึงต้องเปลี่ยนคู่แต่งงานกับพี่สาวด้วย
ตอนที่บิดาของพวกเหลียนฉู่ซื่อเลือกสามีให้กับพวกนางสองพี่น้อง เหตุผลที่เลือกบุตรเขยที่ซื่อสัตย์อย่างเหลียนหานซาน เพราะเห็นว่าฉู่ซื่อมีนิสัยอ่อนโยน
เมื่อเหลียนฉู่ซื่อแต่งงานมาหลังสลับตัวสามีกับพี่สาว กลับพบว่าสามีนั้นจะว่าซื่อสัตย์ก็ซื่อสัตย์อยู่ ทว่าไร้ความสามารถเกินไป! ไม่รู้จักปลิ้นปล้อนปรับตัวในราชสำนักเลยสักอย่าง หลายปีมานี้เอาแต่ประจำการอยู่ที่เดียวไม่เคยได้เลื่อนขั้นสักครั้ง
พอมองชุยเซี่ยผู้นั้นแทน เดิมทีก็แค่แม่ทัพรักษาการณ์ประจำที่แห่งหนึ่ง แต่หลังสร้างความดีความชอบโดยไม่คาดฝันบ่อยครั้งเข้า ฮ่องเต้องค์ก่อนก็แต่งตั้งเขาให้เป็นอ๋อง นับจากนั้นแม้จะผ่านอุปสรรคบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล เมืองบรรดาศักดิ์มีแต่ขยับขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เหลียนฉู่ซื่อเสียใจภายหลังแทบตายอยู่ตามลำพัง มักจะพูดว่าหากไม่เปลี่ยนตัวสามีตั้งแต่แรก นายหญิงคนปัจจุบันของจวนอ๋องต้องเป็นนางจึงจะถูก
* มาจากสำนวน ‘กินของผู้อื่นปากต้องหวาน รับของผู้อื่นมือต้องสั้น’ หมายถึงได้รับผลประโยชน์ดีๆ จากอีกฝ่ายแล้วก็ต้องช่วยเหลืออีกฝ่าย
* เตี้ยน (奠) มีความหมายว่าเซ่นไหว้ผู้ตาย เป็นตัวอักษรสีขาวดำที่มักเห็นแปะอยู่ตามงานศพ
** ชุยปิ่ง เป็นชื่อขนมโบราณ วิธีการทำคือนำแป้งไปนึ่ง ลักษณะเดิมเป็นแป้งสีขาวฟูนุ่มคล้ายหมั่นโถวในปัจจุบัน ต่อมาเปลี่ยนเป็นคล้ายขนมเปี๊ยะแบบแผ่น
* วัวกระดาษ เด็กกระดาษ เป็นเครื่องกระดาษที่เผาให้คนตายเพื่อนำไปใช้ในปรโลก บางพื้นที่มีธรรมเนียมเผาม้ากระดาษให้ผู้ชาย และเผาวัวกระดาษให้ผู้หญิง เพราะสมัยโบราณเชื่อว่าผู้ชายที่ตายแล้วจะไปเป็นขุนนางที่ปรโลก ดังนั้นจึงต้องเผาม้ากระดาษให้ผู้ตายที่เป็นผู้ชายเพื่อนำม้าไปขี่ในอีกภพหนึ่ง ในส่วนของผู้หญิง โดยสมัยโบราณการอาบน้ำและซักล้างจะมีการกำหนดเวลาที่แน่นอน คนที่ใช้น้ำสิ้นเปลืองโดยเฉพาะผู้หญิง เมื่อตายไปจะต้องถูกลงโทษให้ดื่มน้ำที่ตัวเองทำให้สกปรกในชาติที่แล้วให้หมดจึงจะไปเกิดใหม่ได้ ดังนั้นจึงต้องเผาวัวกระดาษเพื่อไปช่วยเจ้านายดื่มน้ำสกปรกเหล่านั้น
** ชั่ง (ชั่งจีน) หรือ จิน เป็นหน่วยชั่งของจีน มีน้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม และยังนิยมใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน
* ยมทูตหัววัวหน้าม้า คือยมทูตสองตนผู้รับใช้อยู่ข้างกายพญายมในนรกตามคติความเชื่อแบบจีน ทั้งสองมีรูปร่างเหมือนคน แต่ตนหนึ่งมีหัวเป็นวัว อีกตนหนึ่งมีหัวเป็นม้า
* กวาน เป็นคำเรียกของเกี้ยวหรือมงกุฎที่ใช้รวบผมของผู้ชายจีนในสมัยโบราณ
** กั๋วกง เป็นบรรดาศักดิ์ของขุนนางจีนในสมัยโบราณ แต่งตั้งให้เชื้อพระวงศ์หรือผู้มีคุณงามความชอบ โดยบรรดาศักดิ์ห้าขั้นรองจากชั้นอ๋องคือ กง โหว ป๋อ จื่อ หนาน แต่ละสมัยจะมีคำเรียกและลำดับแยกย่อยต่างกัน กั๋วกงถือเป็นขั้นสูงสุดในลำดับกง
*** ปลาไม้ คือไม้แกะสลักทรงกลมคู่กับไม้ที่ใช้เคาะ ใช้สำหรับเคาะตอนสวดมนต์เพื่อเพ่งสมาธิและให้จังหวะในการสวดมนต์ เดิมเป็นอุปกรณ์ของศาสนาเต๋าแต่ศาสนาพุทธในจีนนำมาใช้
* จวีซื่อ เป็นคำเรียกผู้มีคุณธรรมมีความสามารถ แต่ไม่ได้รับราชการเป็นขุนนาง
** ชาวจีนสมัยโบราณมีชื่อเรียกขานหลากหลาย โดยทั่วไปมี ‘นาม’ (หมิง 名) คือชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้แต่กำเนิด ‘ชื่อรอง’ (จื้อ 字) เป็นชื่อที่อาจารย์ตั้งให้เมื่อเข้ารับการศึกษา มักสอดคล้องกับนาม หรือเพิ่มคำด้านหน้าให้เหมือนกันในหมู่พี่น้องเพื่อบ่งบอกรุ่นในวงศ์ตระกูล นอกจากนี้ผู้มีความรู้ มีตำแหน่งหน้าที่อาจตั้ง ‘ฉายา’ (เฮ่า 号) ของตนเองเพื่อใช้ในวงการ ซึ่งนาม ‘จ้าวเฉวียน’ สามารถแยกออกได้เป็นแซ่จ้าวชื่อเฉวียน เฉวียน แปลว่าน้ำพุ ส่วนชื่อรองจยาอวี๋ จยา แปลว่าความสุข ยินดี อวี๋ แปลว่าปลา ซึ่งความหมายของนามและชื่อรองเกี่ยวกับน้ำ ทำให้หลิ่วเหมียนถังเข้าใจว่าชะตาของจ้าวเฉวียนขาดธาตุน้ำเพราะคนจีนบางส่วนจะตรวจดวงชะตาของผู้นั้นจากวันเดือนปีเกิดเพื่อดูว่าในดวงขาดธาตุอะไร หรือต้องเสริมธาตุอะไร หากขาดธาตุน้ำจะเลือกตัวอักษรที่เกี่ยวกับน้ำ หากขาดธาตุไฟก็จะเลือกตัวอักษรที่เกี่ยวกับไฟ
* สาวใช้ห้องข้าง เป็นคำเรียกเมียบ่าวซึ่งไม่ได้รับการยกย่อง โดยมากรับไว้ก่อนรับอนุภรรยาหรือแต่งภรรยาเอก พักอยู่ในห้องด้านข้างที่ทะลุกับห้องนอนหลักของเจ้านายเพื่อให้สะดวกในการปรนนิบัติตอนกลางคืน จึงเป็นที่มาของชื่อดังกล่าว
** ซื่อ ธรรมเนียมการเรียกขานสตรีที่แต่งงานแล้วของจีนจะใช้คำว่า ซื่อ (แปลว่านามสกุล) ต่อท้ายนามสกุลเดิมของสตรี บางครั้งอาจเพิ่มนามสกุลของสามีไว้หน้าสุดเพื่อระบุให้ชัดขึ้นก็มี
* ไท่เฟยคือ ชายาของอ๋อง (ไท่หวังเฟย) หรือพระชายาของฮ่องเต้องค์ก่อน (ไท่หวงเฟย)
* มาจากกลอนบทหนึ่งในสมัยราชวงศ์ถัง กล่าวถึงคู่แต่งงานใหม่ที่เตรียมจะไปไหว้คารวะพ่อแม่สามี ฝ่ายภรรยาลุกขึ้นมาแต่งตัวประทินโฉมแต่เช้า ในใจก็กังวลว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่สามีหรือไม่ จึงเอ่ยถามสามีเกี่ยวกับการแต่งหน้าเขียนคิ้วเพื่อสร้างความมั่นใจ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 25 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.