ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก
ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 1-2
บทที่ 2
เซียวอ๋องนั่งอยู่บนหลังม้า ใช้แส้ม้าที่ถืออยู่เคาะอานเบาๆ ครู่หนึ่งถึงค่อยตวัดกายลงมา ขายาวที่สวมรองเท้าหนังหุ้มข้อกางออกเล็กน้อย ขณะยืนอยู่ตรงหน้าเหล่าคนที่หมอบกราบแนบพื้น องครักษ์ด้านข้างนับว่ามีไหวพริบ เห็นองค์ชายรองเหลือบมองห่อผ้าที่อยู่บนพื้นก็รีบเก็บขึ้นมาถวายให้เขาทันที
แจกันดอกไม้โบราณที่ค่อนข้างมีอายุถูกเหยียบแหลกเป็นชิ้นๆ เซียวอ๋องหยิบมันขึ้นมาตรงหน้าอวี้ฉือรุ่ย “ของเจ้ารึ”
อวี้ฉือรุ่ยถูกแววตาคมกริบของเซียวอ๋องจับจ้องก็แอบหวาดกลัว รีบเอ่ยตอบ “เป็นเพียงแจกันดอกไม้ธรรมดาทั่วไป แตกไปแล้วไม่ต้องเสียดาย แต่อย่าให้ทิ่มถูกกีบเท้าม้าที่แสนล้ำค่าของเซียวอ๋องเป็นอันขาด…”
อวี้ฉือจิ้งเสียนหมอบอยู่ด้านข้าง เดิมทีภายในใจกำลังหงุดหงิดอย่างยิ่งเพราะแจกันแตก อาหารเลิศรสที่มาจ่อปากหายวับไปกับตา ทั้งยังมาได้ยินบิดากล่าวประจบสอพลอชนชั้นสูงมากอำนาจคนใหม่อย่างหวั่นเกรงอีกก็พลันโมโหฉุนเฉียว ถึงอย่างไรก็ยังเป็นคนหนุ่มเลือดร้อน เขาเอ่ยพึมพำขึ้นมาจากด้านข้าง “ขี่ม้าในตัวเมืองตะวันตก รบกวนชาวบ้าน ตามกฎหมายแล้วสมควรจับไปโบยที่ศาลต้าหลี่…”
อวี้ฉือโหวได้ยินเสียงพึมพำของบุตรชายแล้วตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอย บรรพบุรุษตัวน้อยบ้านข้า เป็นเพราะสมัยก่อนสั่งสอนเจ้ามาดีเกินไปใช่หรือไม่! เจ้าท่องกฎหมายของราชวงศ์ใดกัน ใช้กฏของต้าเหลียงมาจับองค์ชายแห่งราชวงศ์ใหม่หรือ ลูกข้า! เจ้ารังเกียจว่าชีวิตยืนยาวเกินไปหรือไร
เขาหลั่งเหงื่อเย็นขณะจับศีรษะบุตรชายกดโขกกับพื้นอย่างแรง “เจ้าลูกสารเลว ต่อหน้าเซียวอ๋องมีสิทธิ์ให้เจ้าพูดที่ใดกัน! ยังไม่รีบขอรับผิดกับเซียวอ๋องอีก!”
เซียวอ๋องไม่สนใจมองเด็กหนุ่มยังไม่โตที่ถูกกดศีรษะติดพื้น แต่ยื่นด้ามแส้ยาวเข้าหาอวี้ฉือเฟยเยี่ยนที่คุกเข่าอยู่ เชิดปลายคางของนางขึ้นมา แววตาคมกริบสาดใส่ดวงหน้าอ่อนหวานดวงนี้
ได้เห็นสตรีนางนี้ผิวขาวผ่อง ปอยผมที่หลุดลงมาแนบติดกับกรอบหน้ารูปไข่ ถึงแม้นัยน์ตาหงส์จะชั้นเดียว ไม่คล้ายรูปโฉมของหญิงงามตาสองชั้นกลมโตที่มองว่างามกันในเมืองหลวง ทว่าดวงตาคู่นี้ก็ทอประกายวาววับชวนให้คนเห็นแล้วลืมไม่ลง…
พฤติกรรมล่วงเกินเช่นนี้ของเซียวอ๋องทำให้ทั้งคนแก่และผู้เยาว์ในสกุลอวี้ฉือต่างตกใจจนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ นึกถึงสมัยที่ทัพต้าฉีเพิ่งบุกเข้าเมืองหลวง แม้จะเลียนแบบข้อตกลงสามประการกับราษฎรของเพ่ยกง เพื่อสงบจิตใจผู้คน…ฆ่าคนโดนโทษประหาร ทำร้ายคนและลักขโมยโดนลงโทษ ทว่าบรรดาอดีตตระกูลอ๋องโหวที่ตกอับกลับไม่รวมอยู่ในข้อตกลงนี้ ช่วงโกลาหลหลายเดือนแรกที่เพิ่งเข้าเมืองหลวงมา มีบุตรสาวตระกูลสูงศักดิ์รูปโฉมงดงามจำนวนมากเพียงใดที่กลายเป็นของเล่นสนุกของพวกแม่ทัพป่าเถื่อนที่อยู่ในค่ายทหารมานาน
สตรีที่ถูกพวกป่าเถื่อนจับตัวไปจะถูกย่ำยีความบริสุทธิ์ ดีหน่อยก็กลายเป็นอนุ ถ้าโชคร้ายถูกเล่นสนุกเสร็จแล้วไล่กลับบ้านก็จะมีสตรีที่แข็งกร้าวยอมตายไม่ยอมถูกเอาเปรียบ กัดลิ้นหัวโขกกำแพงถึงจะนับว่าตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์
การกระทำเช่นนี้ของเซียวอ๋องคงไม่ใช่ว่าต้องตาเฟยเยี่ยน ตั้งใจจะลักพาตัวสตรีชาวบ้านกลางถนนหรอกนะ อวี้ฉือรุ่ยคิดอย่างหวาดหวั่น
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนถูกด้ามแส้แข็งดันปลายคางจนเริ่มเจ็บ ตอนที่คิ้วหยักโค้งย่นเข้าหากัน ตั้งใจจะเอนตัวหลบ แส้ยาวกลับถูกดึงกลับกะทันหัน บังเอิญเวลาเดียวกันนั้นมีเสียงกีบเท้าม้าดังมาจากที่ไกลๆ บุรุษผู้มีสายเลือดชนต่างเผ่าเช่นเดียวกันอย่างเห็นได้ชัดนำคนกลุ่มหนึ่งขี่ม้าห้อตะบึงมาทางนี้
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนก้มหน้าลงอย่างรู้กาลเทศะ กลับมาหมอบร่างติดถนนหินอย่างต่ำต้อยอีกครั้ง
บุรุษผู้ที่นำมาเห็นเซียวอ๋องยืนอยู่ข้างถนนก็กระชากรั้งบังเหียนยิ้มเอ่ย “น้องรองว่างเพียงนี้เชียว เสด็จพ่อทรงเรียกตัวข้ากับเจ้าเข้าวังโดยด่วน เหตุใดเจ้าถึงหยุดอยู่ที่นี่เล่า คงไม่ใช่ว่า…บุปผาบอบบางริมทางทำให้น้องรองรู้จักหยุดฝีเท้าชื่นชม ในที่สุดก็รักหยกถนอมบุปผา ขึ้นมาแล้ว?”
ชั่วขณะนี้อวี้ฉือรุ่ยมีใจอยากเอาศีรษะโขกกำแพงขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำ ต้องโทษที่วันนี้ไม่ได้ดูปฏิทินก่อนออกจากบ้าน นึกไม่ถึงว่าจะเจอกับพญายมสององค์ติด บุรุษคิ้วเข้มตาคมที่ตามหลังมานี้ก็คือรัชทายาทองค์ปัจจุบัน ฮั่วตงเหลยที่เคยสั่งตัดศีรษะเขาพอดี
ฮั่วตงเหลยไม่ได้เห็นอวี้ฉือเฟยเยี่ยน ทว่ามองเห็นอวี้ฉือจิ้งโหรวที่เวลานี้กำลังยกศีรษะขึ้นมาด้วยความใคร่รู้พอดี อวี้ฉือจิ้งโหรวอายุสิบสี่ปี สีหน้าสดใส รูปโฉมน่าเอ็นดู รัชทายาทแห่งต้าฉีหลงนึกว่าน้องรองตนเองถูกแม้นางน้อยผู้นี้ทำให้เสียเวลา จึงคลี่ยิ้มออกมา
เซียวอ๋องไม่ได้พูดอะไร เขาถือเศษแจกันตวัดกายขึ้นหลังม้าพร้อมเอ่ยกับองครักษ์ข้างกาย “ให้เงินเขา ถือเป็นค่าชดเชยที่เหยียบแจกันของเขาแตก”
พูดจบก็หวดแส้ม้าควบตะบึงต่อไปข้างหน้า รัชทายาทผู้นั้นรู้นิสัยเย็นชาของน้องรองตนเองอยู่แล้ว จึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพียงแค่มองอวี้ฉือจิ้งโหรวที่อยู่ข้างถนนด้วยดวงตาแฝงนัยลึกซึ้งอีกครั้ง ก่อนขี่ม้าต่อไปเช่นเดียวกัน
ตอนที่นายท่านอวี้ฉือเห็นว่ารัชทายาทขี่ม้าตรงมาก็หมอบตัวนิ่งสนิทอยู่ข้างถนน ยังดีที่ไม่ถูกรัชทายาทเห็นแล้วหาเรื่องเข้า เมื่อเขายืดตัวขึ้นองครักษ์ของเซียวอ๋องก็โยนถุงเงินสิบตำลึงลงพื้น ถือว่าเป็นค่าชดเชยแล้วขี่ม้าจากไป
เหตุการณ์ระทึกขวัญของเช้านี้ถือว่าจบลงด้วยดี นายท่านอวี้ฉือเช็ดเหงื่อร้อนเต็มหน้าผาก เก็บเงินขึ้นมาหยั่งน้ำหนักดู นับว่าตัดปัญหาไม่ต้องไปที่โรงรับจำนำแล้ว สามารถนำเงินตรงไปซื้อผ้าที่ร้านขายผ้าได้เลย
แต่อวี้ฉือจิ้งเสียนผู้เป็นบุตรชายกลับยังหงุดหงิดกับท่าทีกลัวหงอของบิดาเมื่อครู่นี้ เป็นถึงอดีตจงติ่งโหวแห่งต้าเหลียง ทายาทผู้มีความดีความชอบสมัยสถาปนาแคว้น ยามคุกเข่าอย่างนอบน้อมถ่อมตนต่อหน้าหัวหน้าโจรผู้ที่บีบคั้นให้ท่านอาคนที่ตนเองเคารพมากที่สุดต้องตาย ช่างไร้ความทะนงตนของบุรุษ!