เมื่อครู่นี้เขาแค่เหลือบมองบิดาครั้งเดียวก็รู้สึกอับอายจนลืมตาไม่ขึ้น เห็นบิดาแนบหน้าผากจรดพื้น หลังค้อม ก้นกระดกสูง…ต่อให้เป็นสมัยถวายบังคมโอรสสวรรค์แห่งต้าเหลียงก็ยังไม่เคยนอบน้อมต่ำต้อยเพียงนี้มาก่อน!
โดยเฉพาะหลังจากคนสารเลวเซียวอ๋องล่วงเกินญาติผู้พี่เช่นนั้น บิดากลับยังคงนิ่งเงียบตามเดิม ช่างผิดต่อท่านอาที่อยู่ในยมโลกจริงๆ…คิดมาถึงตรงนี้เด็กหนุ่มก็เลือดลมพลุ่งพล่าน ออกแรงปัดมือบิดาที่จับแขนของตนอยู่พร้อมกับถลึงตาใส่อย่างฉุนเฉียวแล้ววิ่งกลับบ้านก่อนตามลำพัง
อวี้ฉือรุ่ยโมโหจนสบถด่า “เจ้าเด็กอกตัญญู!”
เวลานั้นอวี้ฉือเฟยเยี่ยนกำลังประคองญาติผู้น้องตนเองขึ้นมา เห็นท่านลุงโมโหก็รีบเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ท่านลุงอย่าได้โกรธเสียนเกอเอ๋อร์เลยเจ้าค่ะ เขาใช้ชีวิตสุขสบายมาตั้งแต่เด็ก ไฉนเลยจะเคยรับโทสะมากมาย ต้องปล่อยให้ค่อยๆ ปรับตัวจึงจะถูก…”
อวี้ฉือรุ่ยเห็นปลายคางของหลานสาวตนเองถูกด้ามแส้กดจนเป็นรอยแดงจางๆ ก็ปวดใจขึ้นมาทันควัน รู้สึกเช่นกันว่าเมื่อครู่นี้ตนเองอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถปกป้องหลานสาวได้…
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเป็นคนเข้าอกเข้าใจผู้อื่น จะอ่านความรู้สึกผิดของท่านลุงไม่ออกได้อย่างไร นางจึงเอ่ยเปลี่ยนหัวข้อ ยิ้มบอกให้ท่านลุงรีบพานางกับญาติผู้น้องไปเลือกซื้อผ้า หลังจากซื้อผ้าเสร็จก็ไปสั่งอาหารต่ออีกหลายอย่าง คนแก่กับเด็กทั้งครอบครัวถึงได้กลับบ้านกัน
เสียนเกอเอ๋อร์เองก็มีนิสัยแบบเด็กน้อย หลังจากได้เห็นหัวสิงโตราดน้ำแดงในกล่องอาหาร อารมณ์หงุดหงิดโมโหก็สลายหายไปมากกว่าครึ่งแล้ว! คนทั้งครอบครัวกินอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข เพลิดเพลินกับอาหารเต็มโต๊ะที่หาได้ยากนี้
หลังจากกินอาหารเสร็จอวี้ฉือเฟยเยี่ยนกลับเข้าห้องไปนั่งบนตั่ง ก้มหน้าไม่พูดจา ยวนยางสาวใช้ของนางล้างถ้วยชามตะเกียบเสร็จแล้วเดินตามเข้ามาในห้อง ย่อมมองเห็นความผิดปกติของคุณหนู โดยเฉพาะสีแดงจางๆ ที่ปลายคางนั้น แค่เห็นก็รู้ว่าถูกของแข็งกดมา
คุณหนูมีร่างกายที่พิเศษ ผิวอ่อนนุ่มบอบบางตั้งแต่เด็ก แค่ไม่ทันระวังกระแทกโดนอะไรเข้าก็จะทิ้งรอยช้ำไว้ นานมากกว่าจะเลือนหาย…หรือเมื่อครู่นี้ตอนออกไปข้างนอกคุณหนูไปกระแทกถูกอะไรเข้า
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนช้อนสายตาขึ้นเห็นสาวใช้ที่เอาใจใส่ของนางผู้นี้กำลังค้นหายาทาให้ จึงยิ้มเอ่ย “ไม่มีอะไร แค่เมื่อครู่นี้เจอกับฮั่วจวินถิงระหว่างทางเข้า…”
ยวนยางได้ยินประโยคนี้แล้วตกใจจนเกือบโยนยาทาในมือทิ้ง “เหตุ…เหตุใดถึงเจอกับตัวซวยผู้นั้นได้! เขา…เขาจำคุณหนูได้หรือเจ้าคะ”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนใคร่ครวญแล้วส่ายหน้า “ตอนนั้นหลังจากท่านพ่อเสียชีวิต ข้าติดตามทัพของฝานจิ่งถอยไปปักหลักอยู่ละแวกภูเขาไป๋ลู่ ไม่เคยปะทะกับทัพต้าฉีตรงๆ มาก่อน ถ้าหากวันนี้ท่านลุงไม่ได้พูดชื่อของเขา ข้าเองก็คงไม่รู้ว่าเขาคือเซียวอ๋องฮั่วจวินถิง…คิดดูแล้วเขาน่าจะไม่รู้จักข้าเช่นกัน…”
ประโยคนี้กลับไม่อาจทำให้ยวนยางวางใจ นางร้อนใจจนจับมือคุณหนูเอ่ย “เมื่อสองปีก่อนเซียวอ๋องออกหมายจับรางวัลทองคำหนึ่งพันตำลึงให้กับคนที่เด็ดศีรษะของคุณหนูได้ ทั้งยังส่งทหารมาล้อมภูเขาไป๋ลู่เสียมิดชิด เกือบจะจับท่านกับท่านแม่ทัพฝานได้แล้ว…คุณหนู มิสู้พวกเราออกจากเมืองหลวง หนีไปให้ไกลเถิดเจ้าค่ะ…”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนยิ้มตบหลังมือของยวนยาง ก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยน “แผ่นดินทั่วทั้งใต้หล้าล้วนเป็นของฮ่องเต้ ต่อให้หนีจริง แต่จะไปได้ไกลเพียงใด ข้าตัดสินใจจะพยายามลืมอดีตทั้งหมดในค่ายทหารเหล่านั้นแล้ว วันหน้าไม่มีบุคคลอย่าง ‘บัณฑิตจูเก๋อ’ อีกต่อไป เช่นนั้นหมายจับของเซียวอ๋องยังเกี่ยวอันใดกับข้าอีก
เพียงแต่…ไม่อาจอยู่ที่เมืองหลวงต่อไปจริงๆ เดิมทีท่านลุงเขียนไว้ในจดหมายว่าเขาไม่มีปัญหาเรื่องความเป็นอยู่ ข้าเองก็หลงเชื่อ บุ่มบ่ามมาขอพึ่งพาที่นี่ เพิ่มภาระมากมายให้กับท่านลุงแล้วจริงๆ ตอนนี้ต่อให้พวกเราสองคนจากไป ดูจากสภาพวันนี้มีสุราวันนี้เมา* ของท่านลุงแล้ว เกรงว่าพวกทรัพย์สมบัติเหล่านั้นคงช่วยค้ำจุนอยู่ได้อีกไม่นาน ข้าจะจากไปโดยไม่สนใจชีวิตหลังจากนี้ของพวกเขาได้อย่างไร หากเกลี้ยกล่อมให้ท่านลุงตามข้าออกจากเมืองหลวงด้วยได้ก็จะดีที่สุด กลับไปยังบ้านเก่าที่ชานเมือง จะได้วางแผนชีวิตในวันหน้าด้วย”
สองนายบ่าวพูดคุยกันสักพัก ยวนยางเองก็สบายใจเพราะน้ำเสียงปลอบโยนของคุณหนู อวี้ฉือเฟยเยี่ยนลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าต่าง หยิบผลงานเย็บปักที่เพิ่งปักไปได้ครึ่งทางขึ้นมา ตั้งใจลงเข็มต่อ
งานฝีมือสตรีประเภทนี้ พอลองนึกดูกลับไม่ได้ลงมือทำมานานแล้ว ยังดีที่หลังจากกลับมาปักสองสามเดือนก็ฟื้นความสามารถในอดีตกลับมาได้อีกครั้ง ทุกวันนี้ต้าฉีค่อยๆ ปราบปรามกองทัพกบฏตามที่ต่างๆ ลง ภายในเมืองหลวงฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ในอดีตกลับคืนมาได้นานแล้ว กิจการร้านเย็บปัก ร้านแป้งชาดกลับมาเป็นที่นิยม ถึงแม้ชนชั้นสูงในเมืองหลวงจะเปลี่ยนคนใหม่ แต่จิตใจรักในความงามยังคงอยู่ บรรดานายหญิงตราตั้ง ฮูหยิน คุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งต่างชื่นชอบสิ่งของพวกนี้อย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้หญิงปักผ้าในร้านเย็บปักจึงขาดแคลนคนงาน จำต้องแจกจ่ายงานที่ทำไม่ทันบางอย่างออกมา
นางเองเพราะเห็นบรรดาสตรีเพื่อนบ้านทำกัน ถึงได้ตามไปของานบางอย่างกลับมาบ้าง ทำงานเย็บปักด้วยกันกับยวนยาง ช่วยท่านลุงเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านได้บ้าง