บทที่ 3
หัวหน้าขันทีไม่แม้แต่จะเหลือบแลอวี้ฉือรุ่ย แต่ถามออกมาตรงๆ “ท่านใดคือคุณหนูเฟยเยี่ยน”
เสียนเกอเอ๋อร์ข่มโทสะไม่อยู่นานแล้ว ลุกพรวดพราดขึ้นจากพื้น “ถือสิทธิ์อันใดให้ญาติผู้พี่ข้าไปที่จวน หรือเพราะเป็นชาวเซียนเปย เลยไม่เข้าใจขนบจารีตข้อห้ามระหว่างบุรุษสตรี!”
อวี้ฉือรุ่ยอ้าปากค้าง แทบอยากจะกลืนบุตรชายลงคอ…บรรพบุรุษตัวน้อย! เรื่องใดไม่ควรพูดก็ดันพูดเสียได้!
ว่าไปแล้วชาติกำเนิดของฮ่องเต้พระองค์ใหม่แห่งต้าฉีถือเป็นความลับของราชวงศ์ที่ไม่อาจพูดถึงเรื่องหนึ่ง
เดิมทีฮ่องเต้พระองค์ใหม่ฮั่วอวิ่นเป็นแม่ทัพรักษาการณ์ซินเหยี่ยแห่งต้าเหลียง บรรพบุรุษเป็นผู้นำเผ่าเซียนเปย สกุลเดิมป๋าเลี่ย สมัยที่คนรุ่นเขาย้ายถิ่นฐานเข้าไปในแผ่นดินฮั่น ส่วนใหญ่ต่างเปลี่ยนไปใช้แซ่ ‘เหลียง’ ของชาวฮั่น แต่เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ต้าเหลียง บิดาของฮั่วอวิ่นจึงหลีกเลี่ยงข้อห้าม แล้วเปลี่ยนเป็นสกุล ‘ฮั่ว’ ทั้งยังแต่งสตรีชาวฮั่นเป็นภรรยา เมื่อมาถึงรุ่นของฮั่วอวิ่นก็เลียนแบบบิดา ไม่ได้แต่งงานกับสตรีชนเผ่าเดียวกัน แต่แต่งกับบุตรสาวสกุลเสิ่น ตระกูลชาวฮั่นผู้มีอำนาจในท้องที่เป็นภรรยา นับได้ว่าเป็นการหลอมรวมสายเลือดชาวฮั่นเข้ามา โดยมีบุตรชายสามคน บุตรสาวสองคน
ต้นสายสกุลฮั่วคือโจวเหวินหวัง ครอบครัวฮั่วอวิ่นจงใจเลือกใช้สกุลนี้ มองออกได้ถึงความเทิดทูนที่มีต่อจารีตประเพณีชาวฮั่น ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ได้ใช้ชีวิตแบบชาวฮั่นมานาน แม้จะมีจมูกโด่งดวงตาคมเข้ม ก็ยังมองตนเองเป็นชาวฮั่นมาตลอด ค่อนข้างต่อต้านชาติกำเนิดชนต่างเผ่า ทั้งยังออกคำสั่งให้อดีตปัญญาชนที่ปรึกษาของตนเองเรียบเรียงหนังสือที่ชื่อว่า ‘บันทึกวงศ์ตระกูลสกุลฮั่ว’ ออกมาเล่มหนึ่ง ต้นตระกูลไล่เรียงขึ้นไปถึงสมัยบรรพกาล ตั้งแต่ไถนาเคียงบ่าเคียงไหล่ฮ่องเต้เหยียนตี้ แก้ปัญหาน้ำท่วมแม่น้ำหวงเหอร่วมกับฮ่องเต้หวงตี้ ตอนที่เจียงไท่กงตกปลา เคยช่วยยกข้องปลา…เอาเป็นว่าข้างกายจอมปราชญ์ในอดีตล้วนมีเงาร่างของสกุลฮั่วอยู่เคียงข้าง หลังจากบันทึกประวัติวงศ์ตระกูลที่โอ้อวดจนบาดตาคนบอดได้เล่มนี้เรียบเรียงออกมาเสร็จ หากใครกล้าพูดจาล่วงเกินสายเลือดกษัตริย์สกุลฮั่วล้วนต้องโทษประหารตัดศีรษะกันทั้งสิ้น
หัวหน้าขันทีผู้นั้นได้ยินแล้วสีหน้าก็ดำทะมึนลงทันควันดังคาด ถลึงตาใส่เสียนเกอเอ๋อร์เตรียมสร้างความลำบากให้ อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเห็นเหตุการณ์จึงรีบเดินออกมาในลานเรือน ย่อกายคารวะหัวหน้าขันทีผู้นั้นพร้อมกับเอ่ย “ผู้น้อยคืออวี้ฉือเฟยเยี่ยน ในเมื่อเซียวอ๋องมีรับสั่งมา เฟยเยี่ยนย่อมทุ่มสุดกำลังไม่ทำให้เซียวอ๋องทรงผิดหวัง ญาติผู้น้องของผู้น้อยอายุยังน้อยพูดจาไม่คิด หวังว่าท่านหัวหน้าขันทีจะไม่ถือสาหาความเขาเจ้าค่ะ” พูดจบแล้วนางก็ย่อกายลงต่ำอีกครั้ง
หัวหน้าขันทีผู้นั้นได้รับคำสั่งมา ย่อมต้องทำตามคำสั่งของเจ้านายให้เรียบร้อยก่อน หลังเห็นอวี้ฉือเฟยเยี่ยนตอบตกลงไปที่จวนก็ถลึงตาใส่เสียนเกอเอ๋อร์อีกครั้ง แล้วเชิญอวี้ฉือเฟยเยี่ยนพาสาวใช้ยวนยางขึ้นรถม้า มุ่งหน้าสู่จวนเซียวอ๋อง
บนรถม้า ยวนยางร้อนใจอยากเอ่ยปากถาม แต่เห็นคุณหนูของตนยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก ทั้งยังชี้ออกไปข้างนอก แสดงออกว่ามีคนแอบฟังอยู่ ห้ามไม่ให้ส่งเสียง สองนายบ่าวจึงนั่งเงียบอยู่ในรถม้าตลอดทาง สัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนขึ้นลงยามที่ล้อรถบดผ่านถนนหิน…
จวนเซียวอ๋องคืออดีตจวนติ้งกั๋วโหว ตอนเป็นเด็กบิดาเคยพาอวี้ฉือเฟยเยี่ยนมาเป็นแขกที่จวนติ้งกั๋วโหว เล่นสนุกกับคุณหนูหลงเจิน บุตรสาวของติ้งกั๋วโหว
บัดนี้พยัคฆ์หินหน้าประตูจวนยังคงสูงใหญ่น่าเกรงขาม จวนที่ได้ชื่อว่าหรูหราที่สุดของเมืองหลวงยังคงมีกลิ่นอายสูงศักดิ์ ยามเดินผ่านสวนดอกไม้ ต้นอิงฮวาที่นางกับหลงเจินปลูกด้วยกันในวัยเยาว์มีดอกอิงฮวาสีแดงเบ่งบานทั่วทั้งต้นแล้ว เพียงแต่สหายสนิทในวันวานไม่รู้พลัดพรากไปอยู่ที่ใด…
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนไม่ทันทอดถอนใจก็ถูกหัวหน้าเว่ยพาเดินเข้าไปยังสวนดอกไม้ด้านหลังจวน ตั้งแต่เข้ามาในจวน ยวนยางก็ถูกรั้งตัวไว้ที่ห้องรับรอง ไม่อาจเข้ามาลึกกว่านั้น อวี้ฉือเฟยเยี่ยนหลุบตาลงเดินตามหลังหัวหน้าเว่ย ค่อยๆ ก้าวตามมาถึงหน้าประตูห้องหนังสือที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง
หลังจากผลักเปิดประตูห้องหนังสืออวี้ฉือเฟยเยี่ยนก็มองเห็นเงาร่างที่ถือม้วนกระดาษยาวนั่งอยู่ที่โต๊ะทันที ดูแตกต่างจากชุดเกราะเงินบนถนนในวันนั้น ครั้งนี้เซียวอ๋องสวมชุดคลุมยาวสีขาว แขนเสื้อกว้าง เรือนผมดำอาศัยเกี้ยวหยกขาวครอบเหนือศีรษะ ดวงหน้าหล่อเหลาถูกขับเน้นให้มีกลิ่นอายบัณฑิตเพิ่มเข้ามาหลายส่วน คนไม่รู้เบื้องหลังเห็นแล้วย่อมรู้สึกถึงกลิ่นอายบัณฑิตสุภาพสง่างามจากตัวเขาจริงๆ