สามวันต่อมา อวี้ฉือเฟยเยี่ยนคำนวณบัญชีดูแล้วพบว่าผลกำไรของร้านโจ๊กอาจไม่นับว่าอู้ฟู่ แต่เมื่อคำนวณโดยละเอียดกลับมากพอประทังชีวิตของคนทั้งครอบครัว ทว่าพอยุ่งง่วนเช่นนี้ หลังจากหมดวันคนก็ปวดเอวเมื่อยหลัง สองพี่น้องคู่นั้นผ่านช่วงแปลกใหม่ตอนแรกไปแล้ว ต่างพากันร้องบ่นว่าเหนื่อย หลังจากกลับถึงบ้านก็จะล้มลงบนเตียงนอนหลับสนิทไป อาจเพราะท่านลุงโมโหอวี้ฉือเฟยเยี่ยนอยู่ หลายวันมานี้จึงยังไม่เห็นเขาแวะมาดูที่ร้านโจ๊กสักครั้งเดียว
วันนี้เมื่อล่วงสู่ช่วงย่ำค่ำ ลูกค้าที่มากินโจ๊กก็เหลือแค่เพียงบางตา อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกำชับให้ยวนยางเตรียมเก็บร้าน จากนั้นไปซื้อเนื้อติดมันสองชั่งมาจากร้านขายเนื้อบนถนนข้างเคียง เอามาตุ๋นทำพะโล้หนึ่งหม้อ ให้รางวัลน้องชายน้องสาวที่เหน็ดเหนื่อย แล้วก็จะได้ให้พวกเขาลิ้มรสชาติหวานล้ำของการลงแรงทำงานเองด้วย นอกจากนี้ยังจะไปซื้อสุราเลิศรสไหหนึ่งมาให้ท่านลุงที่ดูจะยังอารมณ์เสียอยู่
หลังเก็บร้านเสร็จเรียบร้อยอวี้ฉือเฟยเยี่ยนก็ให้น้องชายน้องสาวกลับบ้านไปพักผ่อนก่อน ส่วนยวนยางนำเงินไปซื้อเนื้อที่ร้านขายเนื้อ นางที่ยังอยู่ร้านต่อตามลำพังตักน้ำจากบ่อน้ำด้านข้างมาครึ่งถัง เตรียมจะล้างเหงื่อบนใบหน้า รอดับไฟในเตาแล้วก็กลับบ้านได้
ตอนนั้นเองท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง ม้าตัวใหญ่กลุ่มหนึ่งวิ่งห้อตะบึงตรงมาหา เสียงกีบเท้าม้าดังสะเทือนเข้าหู สุดท้ายค่อยๆ หยุดลงที่หน้าตรอก อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเช็ดน้ำบนใบหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นบุรุษหล่อเหลาในชุดคล่องตัวขี่ม้ามาหยุดตรงหน้าร้านโจ๊ก บุรุษร่างสูงใหญ่นั่งตัวตรงบนหลังม้า ชุดขี่ม้าสีขาวหิมะถูกแสงอาทิตย์อาบย้อมเป็นสีแดงก่ำ ดวงหน้าหล่อเหลาที่หันหลังให้แสงมองเห็นได้สลัวราง
ถึงแม้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนจะรู้ว่าเขาส่งคนมาจับตามองนาง แต่ไม่เคยคิดว่าองค์ชายรองผู้มีภาระหน้าที่รัดตัวจะหาเวลาว่างแวะมาที่นี่ด้วยตนเองในสถานการณ์ที่ยังไร้ซึ่งเบาะแสทัพกบฏ นางจึงอดตกตะลึงไม่ได้
เซียวอ๋องโยนแส้ม้าให้กับองครักษ์ด้านข้างแล้วตวัดกายลงจากหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว เด็กเลี้ยงม้าจูงม้าออกจากตรอกแคบให้ทันที
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนรีบคำนับเซียวอ๋อง จากนั้นถามเสียงเบา “เย็นแล้ว ไม่ทราบว่าท่านอ๋องจะทรงแวะมาหาผู้น้อย ทรงมีธุระอันใดหรือเพคะ”
เซียวอ๋องเดินเข้าร้านโจ๊กอย่างเป็นธรรมชาติ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้จันทน์ผสานกลิ่นเหงื่อซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะตัวบุรุษลอยปะทะจมูกของนาง ดูท่าเซียวอ๋องน่าจะเพิ่งกลับมาจากการฝึกทหารเสร็จ เวลานี้ทั้งที่อากาศเย็นสบาย บริเวณสาบเสื้อของเขากลับชุ่มเหงื่อ
เขาได้ยินคำถามแผ่วเบาจากอวี้ฉือเฟยเยี่ยนแล้วไม่ได้พูดอะไร นัยน์ตาดำขลับจ้องเขม็งมองดวงหน้าสดที่ไม่ทาแป้งเขียนคิ้ว และเปียกน้ำอยู่เล็กน้อยของอวี้ฉือเฟยเยี่ยน ก่อนค่อยๆ พับแขนเสื้อตนเองลง ตามด้วยปลดกระดุมคอเสื้อ…
เมื่อเห็นโฉมงามพิสุทธิ์ผู้ใช้ผ้าสีเรียบโพกศีรษะเบิกตากว้างขึ้นเรื่อยๆ เขาถึงได้ก้มตัวลงอาศัยน้ำในถังที่อวี้ฉือเฟยเยี่ยนใช้เหลือเมื่อครู่นี้เริ่มล้างหน้าเสียงดัง
การกระทำเหนือความคาดหมายเช่นนี้ช่างชวนให้คนไร้คำพูดสุดขีด อวี้ฉือเฟยเยี่ยนรู้สึกว่าถ้าแสดงออกว่าอับอายหงุดหงิดจะดูเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่นางก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก…จึงได้แต่ยืนอย่างสำรวมอยู่ด้านข้าง
เซียวอ๋องล้างหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อจนเปียกโชกเสร็จ หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาจากสาบเสื้ออย่างเป็นธรรมชาติ เช็ดใบหน้าและลำคอ อวี้ฉือเฟยเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างมองเห็นชัดว่าผ้าในมือเขาผืนนั้นเป็นงานปักชิ้นหนึ่งที่นางขายให้กับร้านเชียนซิ่ว
หลังจากเซียวอ๋องเช็ดหน้าเสร็จก็วางผ้าลงด้านข้าง ก่อนนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งแล้วเอ่ยปากอย่างสบายใจ “เอาโจ๊กมาหนึ่งชาม”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 30 ม.ค. 68