มาลารินเริ่มจมลงไปในการคำนวณรายได้กับผลประโยชน์มากมายทันที บ้านพักใกล้มหาวิทยาลัยที่มีห้องนอนเดี่ยวและไม่ต้องเสียค่าเช่าสักดอลลาร์ เงินค่าจ้างซึ่งเพียงพอให้ถมหลุมล่มจากค่าเทอมได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ และอาจมากพอ…หากเป็นไปได้ อาจมากพอให้เธอเก็บเป็นก้อนส่งให้ครอบครัวที่ประเทศไทยด้วยซ้ำ…
ครั้นเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นระบายรอยยิ้มจากพี่ประณตผู้รอฟังคำตอบอย่างเงียบเชียบอยู่ พร้อมกลิ่นอุ่นจางของกาแฟอวลผ่านริ้วแดดบางใส ซึ่งทำให้หญิงสาวเผลอนึกย้อนถึงช่วงเวลาที่ได้เข้ามาทำงานในคาเฟ่แห่งนี้ครั้งแรก ตอนนั้นมาลารินผู้ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการทำกาแฟก็ได้รับรอยยิ้มดุจเดียวกันเช่นนี้จากชายคนเดิม และอีกหลายต่อหลายครั้งหลังจากนั้น ยามหัดเป่าฟองนม ยามฝึกเทลาย หรือกระทั่งยามจำแนกรสชาติเมล็ด พี่ประณตมีรอยยิ้มให้เธออยู่เสมอ แล้วหญิงสาวก็พลันตระหนักได้ประเดี๋ยวนั้นเองว่าต่อให้ไม่มีอะไรมาล่อลวงเธอก็จะยังตอบตกลงด้วยความสมัครใจอยู่ดี…หากเป็นคำขอของเขา
หญิงสาวเผลอยกยิ้มตามคนตรงหน้า หัวเราะแหะๆ พลางเอ่ยถาม
“…ลีย้ายเข้าไปได้วันไหนคะ”
“ย้ายไปไหนลี”
น้ำเสียงนุ่มนวลติดจะกังวลทอดผ่านสายโทรศัพท์ บ่งบอกชัดเจนว่าผู้พูดเริ่มผูกภวังค์เอาไว้กับถ้อยคำเมื่อครู่ที่มาลารินเพิ่งจะบอกกล่าว กระนั้นมันก็คงยังไม่กระจ่างมากพอ ประสมกับสัญชาตญาณความเป็นห่วงของผู้เป็นมารดาด้วยหากจะว่าไป
ดวงตาสีเข้มเผลอเบนไปสบกับริ้วแสงของเส้นขอบฟ้า วาดวงเป็นรอยระเรื่อส้มนวลยามเย็น ดูอบอุ่นอ่อนจาง พร้อมๆ กับความคิดที่ว่านานเท่าใดแล้วที่เธอและคู่สนทนาต้องเชื่อมโยงกันผ่านเครื่องมือสื่อสารทางไกล ซึ่งไกลขนาดข้ามน้ำทะเลมาคนละทวีป ทั้งที่ตอนเล็กๆ หญิงสาวเคยเป็นเด็กติดแม่ถึงเพียงนั้นแท้ๆ
“เป็นบ้านใกล้มหา’ลัยค่ะแม่ ไม่ต้องห่วงนะ”
มาลารินตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างแม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางมองเห็น ซ้ำยังหัวเราะด้วยน้ำเสียงสบายๆ ทั้งที่ไม่มีเรื่องอะไรให้ขำ มันเป็นการหัวเราะเพื่อสร้างความปลอดโปร่งอย่างที่ทำอยู่เสมอยามต้องการเปลี่ยนเรื่องชวนคุย หญิงสาวได้รับมรดกนี้มาจากบิดา ซึมซับพร้อมเสียงเปิดเผยก้องกังวาน ท่าทีเป็นมิตรเข้าถึงง่าย และความเชื่อมั่นต่อจิตใจดีงามของทั้งตนเองและผู้อื่น
“แล้วนี่พ่อไปไหนคะ แม่อยู่บ้านคนเดียวเหรอ”
“ออกไปข้างนอกจ้ะ เห็นว่าเย็นๆ นู่นแน่ะถึงจะกลับ ช่วงนี้พ่อดูยุ่งๆ เรื่องงาน”
คุณสุมาลีผู้เป็นมารดาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายขณะที่คนฟังก็ไม่คิดจะซักถามสิ่งใดต่อ ครอบครัวของเธอมีสมาชิกเพียงสามคน สมบูรณ์และพรั่งพร้อมด้วยความรักแทบล้ำล้น ฐานะของที่บ้านไม่ได้ร่ำรวยระดับเหลือกินเหลือใช้อย่างเศรษฐี กระนั้นผู้เป็นบิดาก็สนับสนุนเต็มที่ยามบุตรสาวคนเดียวตัดสินใจเลือกศึกษาต่อไกลถึงต่างประเทศ พ่อบอกว่ามันเป็นการจ่ายเพื่อซื้อโอกาสในอนาคต และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้มาลารินต้องทำงานหาเงินเพื่อลดภาระอันเกินเหตุของครอบครัว หญิงสาวรู้ดีว่าบิดาจะไม่ปล่อยให้ตนร่วงหล่นระหว่างทางเพราะความอัตคัด แต่เธอก็ยังต้องก้าวเดินด้วยตัวเองบนถนนทอดยาวจนกว่าจะถึงปลายฝั่งที่ตั้งใจไว้
“บอกพ่อพักบ้างสิคะ ไม่ต้องห่วงลีหรอก ลีเอาตัวรอดได้”
“แม่รู้ว่าลีเก่ง” อีกฝ่ายกระซิบตอบ “แต่พ่อเราเค้าขยัน”
“ช่าย ลีนะ ได้พ่อมาเต็มๆ เลยค่ะแม่”
ระอุไอของความฮึดสู้กรุ่นกำจายอย่างเงียบงัน ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มอีกครั้งและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีแววมุ่งมั่นมากเพียงใดในดวงตา มันฉายเพียงแวบสั้นๆ ในตอนที่มาลารินพูดคุยเรื่องสัพเพเหระต่ออีกชั่วครู่ ก่อนที่หญิงสาวจะกล่าวคำลาซึ่งยืนยันหนักแน่นอีกครั้ง อย่างที่หาสาเหตุไม่ได้เช่นกันว่าเอาความมั่นใจมากมายเพียงใดมาพูด
“แม่ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องบ้านนั่น…ลีดูแลตัวเองได้ค่ะ”