ตั้งแต่ครั้งแรกจวบจนหลังจากนั้นอีกเนิ่นนานในความทรงจำของมาลาริน ไม่มีส่วนไหนเลยที่จะปล่อยให้ภาพของบ้านหลังนั้นซีดจางลงได้
มันเป็นบ้านที่ให้ความรู้สึกของการถูกทอดทิ้งอย่างน่าประหลาดตั้งแต่มองจากระยะไกลทั้งๆ ที่เพิ่งจะทาสีเทาใหม่เอี่ยมทั้งหลังด้วยซ้ำ ขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก ตั้งอย่างเป็นเอกเทศด้วยรั้วล้อมรอบ มีเถากุหลาบแห้งตายกลางสวนหน้าบ้านแคบๆ นั่น และยังมีซากของต้นอะไรต่อมิอะไรง่อนแง่นไร้คนสนใจจนแทบกล่าวได้ว่าเหมือนบ้านไม่มีคนอยู่อย่างไรอย่างนั้น เธอยังจำได้ด้วยว่าต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนเพื่อผ่านฤดูหนาวอย่างอดทน กว่าที่สีเขียวของยอดหญ้าอ่อนจะยอมแทงระแหงดินออกมาแต้มชีวิตชีวาให้ดูสดชื่นอย่างที่ควร…
“บ้านหลังไม่ใหญ่มากหรอกเพราะอยู่กันแค่สองคน ห้องนอนของลีอยู่ด้านล่าง ตรงข้ามกับบันไดขึ้นชั้นสอง ส่วนข้างบนนั่นมีห้องใหญ่อยู่ห้องเดียว เป็นของน้องเค้า”
พี่ประณตอธิบายตอนที่ช่วยเธอยกกระเป๋าเข้าไปด้านใน ขณะที่มาลารินพยักหน้ารับรู้พลางกวาดตามองเครื่องเรือนเปลือยเปล่าซึ่งแทบจะไม่มีของประดับจนดูเหมือนบ้านโล่งๆ ที่เอาไว้โชว์ในหมู่บ้านจัดสรร ซ้ำยังคิดไปเองว่าเจ้าของบ้านคงยังไม่มีเวลาได้ดูแลเท่าใดนักเพราะเพิ่งจะย้ายเข้ามา
…เธอไม่รู้ว่าอันที่จริงมันถูกปล่อยให้เป็นเช่นนั้นมานานแล้ว ทั้งตัวเรือนและผู้อยู่อาศัย…ทับถมไปด้วยความว่างเปล่า ไร้การเหลียวแล กับปล่อยทิ้งท่ามกลางความเดียวดาย
“งานของลีไม่มีอะไรมากหรอก แค่ช่วยดูแลความเป็นอยู่ แนะนำแนวทางที่ถูกที่ควร กลายๆ ว่าเป็นเฮ้าส์เมตที่ดีคนนึง…เป็นไง พอไหวมั้ย”
มาลารินผินหน้าไปก็เห็นคนถามยืนยิ้มรอคำตอบอยู่ ละอองแดดเหงาๆ ส่องผ่านทั้งคู่ท่ามกลางความเงียบงัน ก่อนที่หญิงสาวจะยิ้มรับพลางกำชับหนักแน่น
“พี่ณตพูดอย่างกับไม่รู้จักลีไปได้ แค่นี้สบายมากค่ะ”
ร่างสูงส่ายหน้าระอาปนขบขันพร้อมยกมือขึ้นขยี้เรือนผมหนาอย่างมันเขี้ยว กับเพียงเท่านั้น แค่เสี้ยวขณะยามมือของเขาสัมผัสลงมา ปลายเท้าของเธอก็คล้ายจะไม่ติดพื้น ยื้อยุดอยู่กับจังหวะหัวใจแกว่งไหวโดยไม่อาจห้าม…
“พี่รู้ว่าลีเก่งอยู่แล้ว แต่…”
“ทำอะไรกันน่ะ”
ยังไม่ทันจบคำ เสียงทุ้มติดจะกระด้างก็ดึงความสนใจของทั้งสองไปยังผู้มาใหม่ทันที
…น่าประหลาดที่เราจะจดจำคนคนหนึ่งได้เนิ่นนานจากการเจอกันเพียงครั้งเดียว และมาลารินก็ไม่รู้เลยว่าเด็กหนุ่มจองหองที่เธอนึกว่าได้ลบออกจากความทรงจำหลังวิ่งหายไปในสลัวเงาเปียกชื้นของตรอกแคบๆ คืนก่อนจะกลับมายืนเด่นชัดต่อหน้าเธออีกครั้งยามนี้ เย่อหยิ่ง อวดดี พร้อมเสื้อผ้าราคาแพงระยับกับกุญแจรถสปอร์ตในมือ และดวงตานั่น…ดวงตาสีเทาที่แข็งกร้าวราวโลกทั้งใบเป็นศัตรูกับเขา กึ่งๆ ว่าเกือบจะว่างเปล่าจนน่าใจหาย
ท่ามกลางภาพรางรื้นของคืนฝนตกในความทรงจำ ผู้มาใหม่ก็สำรวจมาลารินตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนแค่นเสียงเยาะทันที
“คุณอาเอาขอทานเข้ามาในบ้านของผมทำไม”
“ไอ้…!”