เพราะคำพูดไม่ไว้หน้า โทสะจึงพลันเดือดพุ่งจนหญิงสาวเกือบย้อนกลับด้วยถ้อยคำรุนแรงหากไม่ติดว่าพี่ประณตอยู่ด้วย เธออ้าปากไว้แล้วด้วยซ้ำ แต่ได้ให้ชะงักค้างกับความคิดบางอย่างซึ่งจู่โจมเข้ามาในห้วงความคิด ก่อนที่มาลารินจะเหลือบมองเจ้านายตนสลับกับอีกฝ่ายทันที
“บ้าน?…หรือว่า”
คู่กรณีไม่ได้ชี้แจงแต่อย่างใด หากแต่เป็นพี่ประณตผู้ยังรักษาท่าทีใจดีของเขาเอาไว้ได้แม้ยามเอ่ยติง
“อย่าเสียมารยาทนะวิน นี่พี่ลี ต่อไปนี้เค้าจะมาอยู่ที่นี่เพื่อช่วยดูแลเรา”
“หา!/หา!”
เสียงอุทานโดยไม่ได้นัดหมายเรียกให้ดวงตาสองคู่บังเอิญเบนไปสบกันพอดี มาลารินสะบัดหน้าพรืดเพื่อให้ความคิดสะโหลสะเหลได้พอเข้ารูปเข้ารอยดังเดิม พร้อมๆ กับคืบคลานบางอย่าง เหมือนจะเป็นสัญชาตญาณ…เธอไม่แน่ใจนัก ที่เอาแต่หูดครวญให้หญิงสาวรีบถอยห่างจากสถานการณ์ตรงหน้าก่อนจะสายเกินไป…เด็กนี่คือปัญหาอย่างไม่อาจเป็นอื่นไปได้ เป็นบาดแผลในอนาคตที่จะกินพื้นที่เกินครึ่งของแผ่นภาพความทรงจำ ที่มาของรอยยิ้มและหยาดน้ำตานับพันซึ่งรอคอยอยู่ข้างหน้า หากก็นั่นปะไร ยามนั้นเธอทึ่มทื่อเกินกว่าจะฉุกคิดอะไรได้ แม้ในยามที่อีกฝ่ายประท้วงเสียงแข็ง
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่เอา! ไม่ต้องมายุ่ง!” ดวงตาสีเทาแข็งกร้าว ดุจจะเป็นอริต่อโลกทั้งใบ “หรือพ่อผมเอาเงินจ้างคุณอาอีกคน ถึงได้เป็นไปกับเค้าด้วย”
“กวิน ตันติณรงค์!”
นี่คือครั้งแรกที่พี่ประณตแสดงความไม่พอใจต่อหน้ามาลาริน เขาเอ่ยปรามอย่างสะกดกลั้นด้วยชื่อเต็มของอีกฝ่าย ขณะที่เด็กหนุ่มเจ้าของบ้านกลับแค่นยิ้มโดยไม่สนใจพร้อมกับเดือดดาลอย่างไม่ยิ่งหย่อนกัน กวินย่างสามขุมเข้ามาใกล้เธอ ท่าทางคุกคามพลางชี้หน้าอย่างถือดี
“อ๋อ หรือแค้นที่ต้องออกจากงานก็เลยคิดจะมาเอาคืนฉัน นี่อย่าบอกนะว่าตามตั้งแต่สไปรซ์ มาร์เก็ตจนมาถึงที่นี่ ทำไม หา คิดจะทำตัวเป็นกาฝากบ้านคนอื่นเพราะข้างถังขยะมันหนาวเกินไปแล้วรึไง”
การถูกดูแคลนด้วยถ้อยคำเจ็บแสบทำให้มาลารินอ้าปากหวออีกครั้งพลางกอดอก เชิดหน้าเถียงด้วยทิฐิและโทสะทั้งหมดที่มีทันที
“ก็ถ้าฉันไม่บังเอิญอยู่ตรงนั้น ใครบางคนคงโดนซ้อมจนตายอยู่ข้างถังขยะไปแล้วย่ะ!”
“เดี๋ยวนะ ทั้งสองคนเคยเจอกันแล้วเหรอ” ผู้อาวุโสที่สุดในเหตุการณ์เอ่ยขัดด้วยสีหน้าประหลาดใจชัดเจน
“ตาคนนี้นี่แหละค่ะพี่ณตที่มีเรื่องกับลีในร้านเพราะยาย…”
หญิงสาวชะงักค้าง รีบกลืนน้ำลายลงคอทันทีพร้อมความร้อนรนที่ผุดพล่าน…ตายล่ะหวา ตายล่ะหวา ถ้าความสัมพันธ์ซับซ้อนแบบนี้ก็แสดงว่าแฟนเก่าของฝ่ายอาคือผู้หญิงคนเดียวกับที่ฝ่ายหลานกำลังคั่วอยู่น่ะสิ
มาลารินเหลือบมองเจ้าของร้านกาแฟหนุ่ม แล้วภาพเก่าๆ เมื่อไม่กี่เดือนก่อนก็ค่อยๆ ซ้อนทับในทรงจำ รอยยิ้มอวลอารมณ์ขมขื่นกับท่าทีหลุดลอยลงในความเศร้าจนไม่อาจทำอะไรหรือจับต้องสิ่งใดได้ดีดังเดิม และฤดูร้อนที่ถูกทำให้กลายเป็นบทเพลงเลือนรางสีหม่น…ความเจ็บปวดบ้าๆ พวกนั้นที่พี่ประณตคนดีของเธอไม่ควรได้สัมผัสสักนิด
กับเพียงเท่านี้เอง ทุกอย่างเริ่มมาจากความปรารถนาดีที่อยากปกป้องความรู้สึกของประณต มาลารินในวัยยี่สิบปีคิดแค่ว่าถ้าเธอคอยจับตากวินเอาไว้ก็อาจจะกีดกันไม่ให้เรื่องของเกวราบานปลายจนทำร้ายผู้มีพระคุณของเธอ และหากเป็นไปได้…ถ้าได้ช่วยให้ไอ้เด็กจองหองนี่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบ้างก็คงเป็นเรื่องดีสมค่าจ้างไม่น้อย ใช่ เพื่อพี่ประณต และเพื่อเงินด้วย
…ความคิดของเธอตื้นเขินเพียงเท่านั้นเอง
หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น สบตาเด็กหนุ่มแวบสั้นๆ สูดลมหายใจเข้าปอดราวจะประกาศกร้าวว่าเขาไม่อาจสร้างความหวั่นเกรงใดๆ แก่เธอได้ ก่อนหันไปยิ้มให้ผู้เป็นเจ้านายจากร้านกาแฟอย่างมั่นคง
“พี่ประณตไม่ต้องห่วงนะคะ ลีจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเลยค่ะ”
และไม่…มาลารินไม่รู้หรอกว่าคำพูดของตนมีน้ำหนักมากเพียงใด และไม่รู้ด้วยว่าผลของการรับปากต่อจากนั้น คนที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ได้มีแค่กวิน หากรวมถึงเธออีกคน…อย่างสิ้นเชิงทีเดียว
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 15 พ.ย. 64 เวลา 12.00 น.