3
ปัจจุบัน
ประเทศไทย
เพล้ง!!
เสียงแก้วแตกก้องดังท่ามกลางคำรามฟ้าด้านนอกทำให้บรรยากาศครึ้มๆ พลันขมุกขมัวยิ่งกว่าเดิม และตอนที่มาลารินเผลอก้าวถอยหลัง ก็ไม่มีใครหรือแม้แต่ตัวหญิงสาวเองได้ทันสังเกตเห็นเลยว่ารองเท้าไร้ส้นคู่นั้นจะบางจนไม่อาจต้านปลายแก้วแหลมชิ้นใหญ่ ซึ่งกระเด็นไปรอสร้างบาดแผลในตำแหน่งราวจับวาง ก่อนเสียบลึกถึงผิวเนื้อทันทีที่เท้าเหยียบลง ห้วงขณะนั้น ดวงตาซึ่งแบกรับร่องรอยของความโศกเศร้าจับจ้องผู้มาใหม่นิ่งงัน และคั่งค้างดุจเป็นรูปปั้น ขณะที่กีรติกลับทำได้เพียงสลับมองทั้งสองด้วยประหลาดใจ
คำว่า ‘ไม่ได้เจอกันนานนะ’ ที่พี่ชายเพิ่งเอ่ยติดอยู่ในหัวเด็กหนุ่ม พร้อมๆ กับความสงสัยผุดวาบซึ่งแม้แต่เขาก็ยังไม่รู้ตัว แล้วไหนจะยังสายตาที่พี่กวินใช้มองคุณลีนั่นอีก…กีรติไม่เคยเห็นใครมีสายตาเกลียดชังสาดซัดปานว่าจะฆ่าให้ตายได้มากมายถึงเพียงนี้ ราวกับไม่ใช่ความรู้สึกฉาบฉวย หากแต่บ่มเพาะข้ามผ่านเวลามาเนิ่นนาน ทว่าจะนานเท่าใด…เขากลับไม่อาจบอกได้เลย
“คุณลีรู้จักกับพี่วินด้วยเหรอครับ”
กีรติไม่อาจปล่อยความสงสัยทิ้งไว้ กระนั้นคนถูกถามก็ไม่ได้ละสายตากลับมายังเขา วิธีที่หญิงสาวมองกวินไม่เหมือนการจับจ้องเพื่อครุ่นคิดและไม่แม้แต่จะมีอารมณ์ใดๆ ให้ตีความ คล้ายกับว่ามาลารินมองทะลุร่างสูงไปยังสุดปลายความทรงจำกับเพียงติดค้างอยู่เช่นนั้น เหมือนหนังสือที่ถูกกางทิ้งไว้ขณะที่คนอ่านกลบฝังตัวเองไว้ใต้ซากระเกะระกะของความคิด
แมวอ้วนบนเบาะเงยหน้าขึ้นมาก่อนหาวหวอด มันหันไปหาเจ้าของร้านกาแฟสาวก่อนร้องเหมียวคำเดียวสั้นๆ เพิกเฉยต่อบรรยากาศหนักอึ้งขณะวางเหนียงลงพาดเบาะแล้วใช้ดวงตาปรือมองสถานการณ์ตรงหน้า พอดีกับที่มาลารินหลุดคืนสู่สติ เธอเงียบชั่วครู่ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ไม่รู้สิคะ…จำไม่ได้”
ราวกับไม่แปลกใจในคำตอบที่ได้รับ กวินเหยียดยิ้มหยัน แค่นหัวเราะในลำคอ แล้วหันมาสำรวจมองภายในร้านแทน
“นี่เหรอร้านกาแฟที่แกบอกว่าดีนักดีหนา” เขาเอ่ยถามน้องชายพลางเหลือบไปยังร่างระหงเพียงเสี้ยวขณะ “งั้นๆ ไม่เห็นจะดูวิเศษวิโสตรงไหน”
มาลารินไม่ได้ตอบโต้ ความจริงคือไม่มีใครรู้ว่าหล่อนคิดอะไรอยู่ด้วยซ้ำตอนที่เบือนหน้าออกไปมองหยดฝนไหลลู่นอกหน้าต่าง
…และไม่มีใครรู้ด้วยว่าดวงตาสีเทาประหลาดคู่หนึ่งจะลอบมองเท้าซึ่งถูกเศษแก้วฝังรอยไว้อยู่นานเพียงใด หรือสังเกตว่าเขาเห็นมันตั้งแต่เลือดยังไม่ผุดซึม จวบจนตอนนี้ที่เริ่มแต้มสีแดงฉานออกมาจากเท้าของอีกฝ่าย จับจ้องอยู่เช่นนั้น เงียบงันไร้วาจา กระทั่งกีรติเริ่มมองตามแล้วเพิ่งจะสังเกตเห็นนั่นเอง
“คุณลีครับ แผล…”
เด็กหนุ่มรีบกุลีกุจอลุกขึ้นด้วยความตกใจ ตั้งท่าจะเข้าไปช่วยเก็บเศษแก้วบนพื้นด้วยความเป็นห่วงโดยไม่รู้สักนิดว่ากำลังถูกผู้เป็นพี่ชายจับจ้องทุกการกระทำ ขณะที่มาลารินซึ่งเพิ่งจะรู้สึกตัวกลับก้มมองหยดเลือดของตนก่อนเงยหน้าขึ้นยิ้มจางๆ