ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 1 บทที่ 7 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 1 บทที่ 7

“ใช่ๆๆ จะบนฟ้าก็ดี บนดินก็ดี มีแต่ภรรยาเจ้าผู้เดียวที่ดีเลิศประเสริฐสุด!” ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงพูดใส่อารมณ์ แม้จะรู้อยู่ว่าเป็นความจริง นางก็ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้นี้

“หยวนอีย่อมจะดีเลิศ!” เฉิงสื่อพูดเสียงก้อง “ท่านแม่เงยหน้าออกไปดูสิ บัดนี้ในบรรดาท่านโหว** กับแม่ทัพที่สร้างคุณความชอบ มีถึงเจ็ดในสิบมาจากตระกูลใหญ่ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นอยู่แต่เดิม หากมิใช่ค้าขายมีเงินทอง ก็เป็นตระกูลขุนนางหลายชั่วคน สามส่วนที่เหลือนั้นแม้มีพื้นเพยากไร้ ทว่ามารับใช้ฝ่าบาทตั้งแต่แรกๆ มีคุณูปการติดตามฝ่าบาทบุกเบิกราชวงศ์ แต่กับครอบครัวพวกเราเล่า”

ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงรู้ว่าคำกล่าวนี้มิใช่เรื่องเท็จ เดิมสกุลวั่นที่อยู่ข้างบ้านก็เป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในมณฑลบ้านเกิด บิดาผู้ล่วงลับของแม่ทัพวั่นทิ้งเงินก้อนโต แพรพรรณ ที่นา กับบริวารไว้ให้จำนวนมาก นี่ก็คือทุนรอนสร้างตัวของแม่ทัพวั่น

“การจัดตั้งกองกำลังต้องอาศัยสิ่งใด ต้องมีคน ต้องมีเงิน ต่อให้ลูกสามารถสะบัดแขนเรียกระดมคนหนุ่มได้กลุ่มหนึ่ง แต่เบี้ยหวัดทหารกับเสบียงกองทัพเล่า เหล่านักรบเจ็บตายก็ต้องดูแลมอบเงินบำรุงขวัญ จะให้มองบุตรกำพร้าภรรยาม่ายของพวกเขาหิวตายไปต่อหน้าต่อตาหรือไร ไม่ทำให้ผู้อื่นเสียกำลังใจไปด้วยหรือ เดิมทีครอบครัวของพวกเราเป็นเพียงชาวนาที่มีเสบียงเหลืออยู่บ้าง เพียงพอจะเอาออกมาเลี้ยงกองทัพที่ใดกันเล่า!” เพียงนึกถึงความยากลำบากเมื่อแรกเริ่ม สุ้มเสียงของเฉิงสื่อก็ติดขัด “บุกเมืองตีป้อมค่ายแม้มีสิ่งของที่ยึดได้กับสิ่งที่คหบดีมอบให้ แต่ก็ไม่อาจเที่ยวขูดรีดไปทั่ว หากชื่อเสียงฉาวโฉ่ จะต่างอันใดกับพวกโจร! น่าแค้นใจที่บ้านเกิดของพวกเราไร้ซึ่งปราณมังกร ไม่ว่าจะฝ่าบาทหรือวีรบุรุษหลายท่านที่โลดแล่นบนแผ่นดินขณะนั้น ถึงกับไม่มีสักท่านอยู่ละแวกใกล้ๆ เลย”

ตำแหน่งที่ตั้งของบ้านเกิดทำให้เฉิงสื่อกลัดกลุ้มยิ่ง เขาไม่ใช่คนมีใจทะเยอทะยาน เมื่อแรกเพียงอยากเร่งหาลูกพี่ที่เข้าทีสักคนเพื่อจะเข้าพวกด้วย จากนั้นรับใช้จนเต็มกำลัง ให้ได้มาซึ่งตำแหน่งขุนนางสักตำแหน่งก็เพียงพอ ทั้งที่บ้านเกิดก็เป็นดินแดนอันงดงาม ไฉนจำเพาะไม่มีลูกพี่ใหญ่ออกมาเป็นผู้นำเล่า

“นับแต่ลี่ตี้ชิงบัลลังก์ส่งผลให้ผู้กล้าทั่วหล้าลุกฮือต่อต้าน จวบจนลูกได้ผูกมิตรกับแม่ทัพวั่น ในช่วงสิบกว่าปีสั้นๆ นี้ มีกองกำลังจำนวนมากเท่าใดที่ชูธงก่อการแล้วถูกบดขยี้โดยไร้สุ้มเสียง เมื่อวานยังดื่มสุรากินเนื้อ มีสตรีโฉมงามรายล้อม วันนี้ศีรษะกลับถูกแขวนข้างประตูเมือง หรือไม่ก็บนด้ามธงรบ บุตรภรรยากับผู้เฒ่าผู้เยาว์มิใช่ถูกทอดทิ้งท่ามกลางศึกสงคราม ก็คือตายอนาถ หยวนอีบอกลูกว่าพวกเราไม่อาจเอาอย่างพฤติกรรมของพวกโจรที่เพียงหมายสุขสมใจชั่วขณะ คนตัวใหญ่มีวิธีปะทะแบบคนตัวใหญ่ คนตัวเล็กมีวิธีเอาตัวรอดแบบคนตัวเล็ก”

เฉิงสื่อลุกขึ้นเดินไปมาอยู่ในห้อง เสียงพูดก็ดังขึ้นกว่าเก่า “ตอนนั้นทุกเสี้ยวของสิ่งที่ได้มาล้วนต้องคำนวณใช้อย่างระมัดระวัง ไหนจะต้องซ่อมอาวุธกับกำแพงเมือง ไหนจะต้องรักษาเยียวยาคนเจ็บ ไหนจะต้องตระเวนชักจูงผู้มีความสามารถ! สกุลเฉิงของพวกเราไม่ได้มีบารมียิ่งใหญ่เสียหน่อย ถือดีอันใดให้วีรบุรุษผู้กล้ามาเข้าร่วม นอกเสียจากอาศัยชื่อเสียงคุณธรรมอันดีงามว่าเมตตาชาวบ้านรักทหารดุจบุตร! ตัวหยวนอีเองก็กินใช้กระเหม็ดกระแหม่ แม้แต่แพรพรรณต่วนไหมที่ยึดได้ก็ล้วนเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นเสบียงอาหาร หากมิใช่เป็นเช่นนี้ ชั่วเอ๋อร์…ชั่วเอ๋อร์ก็คงจะไม่…”

พอนึกถึงบุตรสาวคนโต เฉิงสื่อก็ลำคอตีบตันอย่างช่วยไม่ได้ “เช่นนี้เอง ทางหนึ่งลูกจึงต่อต้านพวกโจรกับทหารแตกพ่ายจากต่างถิ่นที่หมายจะปล้นสดมภ์ฝ่ายเรา อีกทางหนึ่งปลอบขวัญดูแลคนในภูมิลำเนา จนกระทั่งตระกูลใหญ่กับชาวบ้านหลายอำเภอโดยรอบยอมรับในชื่อเสียงของลูก ลูกถึงค่อยๆ หยั่งรากฐานจนได้ และไม่ถึงกับลงเอยเช่นเดียวกับพวกโจร ท่านแม่มักรู้สึกว่าลูกมีเงิน แล้วไม่ยอมควักออกมาให้ท่านแม่จับจ่าย กลับหารู้ไม่ว่าลูกยากลำบากนัก!”

ความจริงฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงมิได้รักในเงินทอง เพียงแต่หลังจากเซียวฮูหยินแต่งเข้าสกุลมา เห็นบุตรชายมอบทุกสิ่งให้เซียวฮูหยินจัดการ ในใจนางจึงบังเกิดความริษยาเท่านั้นเอง คำกล่าวอ้างเหล่านี้เมื่อก่อนนางก็เคยได้ยิน แต่มักรู้สึกว่าบุตรชายกำลังเฉไฉ ทีให้เงินภรรยาไม่มีอิดออด ทีจะให้มารดากลับอ้างนู่นอ้างนี่ ดังนั้นนับวันโทสะของนางจึงยิ่งทบทวี ครานี้เห็นบุตรชายน้ำตาคลอหน่วย ฟังแล้วจึงเชื่อถึงเก้าส่วน ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงพูดอึกอัก “ต่อมาก็มีแม่ทัพที่มีชื่อเสียงหลายคนมาดึงตัวเจ้าไปเข้าร่วมด้วยมิใช่หรือ”

“ดึงตัว?! ฮึ ให้ไปตายแทนเสียมากกว่า!” เฉิงสื่อเอ่ยเสียงเย็นชา “ก่อนหน้าที่จะเจอกับแม่ทัพวั่น ลูกพลาดท่าเสียทีมาไม่รู้กี่หน พวกที่ตั้งชื่อฟังดูใหญ่โตเป็นแม่ทัพใหญ่อะไรนั่น รู้ว่าลูกชาติกำเนิดต่ำต้อยก็ไม่เห็นลูกอยู่ในสายตา คนที่พูดจาน่าฟังยังจะนำเงินทองอัญมณีมาชวนว่า ‘ขอเชิญท่านไปร่วมหารือการใหญ่’ คนที่วางโตหน่อยดีแต่พูดปากเปล่า ไม่มีเสบียงให้สักตั้นก็จะเรียกลูกไปฟังบัญชารับใช้พวกเขาแล้ว!”

 

** โหว คือบรรดาศักดิ์ลำดับที่สองในบรรดาศักดิ์ขุนนางห้าขั้นของจีน อันได้แก่ กง โหว ป๋อ จื่อ หนาน ตามลำดับ

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com