ที่ยิ่งแยบยลคือตลอดกระบวนการนี้เซียวฮูหยินผู้แสนชาญฉลาดอยู่ในภาวะเร้นกายโดยสิ้นเชิง เพียงวุ่นอยู่กับงานเรือนและปลอบขวัญทายาทของบริวารที่บาดเจ็บล้มตาย ปล่อยให้แม่ลูกคู่นี้ได้รำพันความรู้สึกระหว่างแยกจาก เฉิงสื่อประเดี๋ยวน้ำหูน้ำตาไหลบอกเล่าถึงการศึกอันยากเข็ญ ประเดี๋ยวพรรณนาทิวทัศน์กับสิ่งที่ได้พบเจอเบื้องนอกจนน้ำลายแตกฟอง ประกอบกับมีหูเอ่าอยู่ด้านข้างคอยเป็นลูกคู่และช่วยซับน้ำตา ครู่เดียวสายสัมพันธ์ของสองแม่ลูกก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าทองคำ
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงได้ยินหูเอ่าเล่าอีกว่าการศึกแนวหน้าอเนจอนาถเยี่ยงไร มีแม่ทัพมากเท่าใดต้องแขนขาดขาด้วนตาบอดหูแหว่ง เพียงนางลูบคลำแผลเก่านานปีบนเนื้อตัวของบุตรชาย หัวใจก็แทบจะแตกสลายแล้ว คิดว่าบุตรชายยากลำบากเช่นนี้ กลับยังถูกน้าต่งที่อยู่แนวหลังขุดฐานกำแพงกอบโกยเงินทองอีก นางให้แค้นใจจนแทบอยากจะเฉือนเนื้อน้องชายมาตุ๋นให้บุตรชายกินบำรุงเดี๋ยวนี้เลย
มีหลายครั้งที่เก่อซื่อหมายจะไปใส่ไฟเรื่องเซียวฮูหยินที่ห้องของฮูหยินผู้เฒ่าเฉิง ทว่าหากมิใช่เจอเฉิงสื่อกำลังเล่าเรื่องอยู่ จึงถูกสองแม่ลูกพร้อมใจกันเหลือกตาขับไล่ออกมาเพราะไม่อยากให้บุคคลที่สามมาสอดเท้า ก็คือเจอฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงดำดิ่งอยู่ในห้วงแห่งวันวานกับหูเอ่า เป็นเหตุให้ถูกด่าสาดเสียเทเสียออกมา
เฉิงเซ่าซางย่อมไม่รู้เรื่องราวที่แน่ชัด รู้แต่เพียงว่าท่านพ่อเฉิงดูจะอารมณ์ดียิ่งขึ้นในทุกๆ วัน จวบจนเฉิงสื่อบอกนางว่าในบ้านมีหูเอ่าเพิ่มมาอีกคน หลังจากรู้ที่มาที่ไปคร่าวๆ แล้ว เฉิงเซ่าซางก็อุทานในใจอย่างอดไม่ได้ เมื่อก่อนเซียวฮูหยินวุ่นอยู่กับการช่วยสามีต่อสู้สร้างเนื้อสร้างตัว ยึดถือการใหญ่เป็นสำคัญ ไม่มีเวลาถือสาหาความกับฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงและเก่อซื่อ แต่เมื่อเจียดมือออกมาสะสางเรื่องในบ้าน ก็เรียกได้ว่าจัดการสตรีที่ไม่รู้ความเหล่านี้ได้อยู่หมัดในไม่กี่เสี้ยวอึดใจ บดขยี้ด้วยฝีมืออันแท้จริง
วันนี้เฉิงเซ่าซางตื่นเช้ามา อาจู้ก็บอกนางพร้อมคิ้วตาที่แต้มยิ้ม ความว่าวันนี้อาหารกลางวันจะกินร่วมกันทั้งครอบครัว นางสูดกลิ่นของการเก็บกวาดสนามรบได้ในทันที
หลังจากดื่มยาเสร็จ กำลังเดินวนสามรอบอยู่ในห้อง ชิงชงฮูหยินก็ประคองชุดยาวที่ใหม่เอี่ยมหนึ่งตัวกับกล่องไม้เคลือบเงาหนึ่งใบเดินเข้ามา บนชุดผ้าต่วนแพรสีขาวแกมเหลืองนี้ปักลายกิ่งดอกเหมยสีแดงสด คอเสื้อกับแขนเสื้อกุ๊นขอบด้วยผ้าต่วนเงาวาวสีแดงชาดกว้างราวสี่นิ้วมือ เสื้อตัวในเป็นผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีขาวหิมะใหม่เอี่ยม ชุดยาวนี้หลวมกว้าง เหลียนฝางกับอาจู้ต้องลงมือสวมให้เฉิงเซ่าซางพร้อมๆ กัน ผ้าต่วนแพรปักลายอันงามประณีตพันร่างนางไปรอบแล้วรอบเล่า ก่อนจะถูกรัดด้วยสายคาดเอวพื้นสีแดงอมดำประดับชิ้นหยกกว้างสี่นิ้วมือเช่นเดียวกัน ต่อให้ไม่มีคันฉ่องที่ส่องได้ตลอดร่าง เฉิงเซ่าซางก็สัมผัสได้ถึงความวิจิตรของเครื่องแต่งกาย
จากนั้นชิงชงฮูหยินก็หวีผมให้เฉิงเซ่าซางเองกับมือ เด็กสาวหันหน้าเข้าหาคันฉ่องสำริดอันพร่าเลือน แลเห็นได้เลาๆ ว่าอีกฝ่ายเกล้ามวยวงแหวนที่น่ารักน่าเอ็นดูให้ตนหนึ่งคู่ ส่วนเรือนผมด้านหลังที่เหลือเพียงมัดรวบอย่างเรียบง่าย ตอนนี้เหลียนฝางจึงเปิดกล่องไม้เคลือบเงาใบเล็กนั้นออก ชิงชงฮูหยินหยิบไข่มุกที่ทอประกายจับตาคู่หนึ่งออกมาประดับบนมวยผมทรงวงแหวนของเฉิงเซ่าซางข้างละลูก
อาจู้เห็นแล้วมุ่นคิ้วนิดๆ “นายหญิงชิง นี่…”
ชิงชงฮูหยินยิ้มกล่าว “ไม่ต้องกลัว” จากนั้นก้มหน้าเอ่ยกับเฉิงเซ่าซางว่า “ของดีเหล่านี้นายหญิงเก็บสะสมไว้ให้แม่นางสี่นานแล้ว ในที่สุดก็ได้ใช้เสียที”
เนื่องจากเฉิงเซ่าซางอายุยังน้อย จึงเพียงใส่ต่างหูดอกติงเซียง* เส้นใยทองคำที่เบากระจุ๋มกระจิ๋ม บนข้อมือสวมกำไลลูกปัดสีแดงปะการังร้อยไหมทองคู่หนึ่ง อาจู้ตลอดจนเหลียนฝางกับเฉี่ยวกั่วพิศมองอยู่ด้านข้างหลายหนก่อนประสานเสียงชื่นชม
ขณะเดินไปบนทางระเบียง เฉิงเซ่าซางห่อร่างด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์สีเทาแซมขาวดำ สายตามองพิจารณารอบทิศอย่างแนบเนียน…ลานเรือนไม่ใหญ่จริงเสียด้วย มองปราดเดียวก็เห็นประตูกั้นแบ่งเรือนชั้นในกับชั้นนอกที่อยู่เบื้องหน้าแล้ว ในใจนางยิ่งฉงนสงสัย เห็นชุดแต่งกายของตนออกจะงามหรู เหตุใดจวนสกุลเฉิงกลับเล็กแค่นี้เล่า หรือว่าราคาบ้านเรือนที่นี่จะสูงเสียดฟ้า?
* ดอกติงเซียง (หรือจื่อติงเซียง) คือดอกไลแลค (Lilac) อยู่ในตระกูลมะลิ ดอกมีสีม่วง ขาว แดงแกมม่วง และม่วงอมน้ำเงิน