ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 1 บทที่ 8 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 1 บทที่ 8

เก่อซื่อกะพริบตาแล้วเอ่ยปนยิ้มหยัน “ไฉนท่านน้าคล้ายได้รับความตื่นตระหนกเล่า เป็นญาติกันแท้ๆ ประหม่าถึงเพียงนี้ได้อย่างไร”

เซียวฮูหยินมองเก่อซื่อปราดหนึ่งก่อนเอ่ยเนิบๆ “คุกเป่ยจวินช่างไม่ระวังเอาเสียเลย แม้ตอบรับคำฝากฝังของใต้เท้า ชะลอการลงโทษออกไปก่อน แต่กลับโบยนักโทษที่กระทำผิดฐานเดียวกันอีกหลายคนจนตายไปต่อหน้าต่อตาท่านน้า ท่านน้าคงจะเสียขวัญแล้ว”

ทันทีที่เอ่ยวาจานี้ออกมา กระทั่งจอกสุราน้าต่งก็ถือไม่อยู่อีก อันที่จริงขณะเฉิงสื่อพาน้าต่งออกมา ระหว่างทางจงใจพาเดินผ่านห้องลงทัณฑ์แต่ละประเภท ข้างในดังระงมด้วยเสียงร้องโหยหวน ทัณฑ์ทารุณไม่ว่าจะเป็นเฆี่ยนตี เฉือนเนื้อ ขูดกระดูก ล้วนเข้าสู่สายตาตามลำดับ ทำเอาน้าต่งแข้งขาอ่อนระทวยจนหวิดจะเดินออกจากคุกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ

เก่อซื่อไม่รู้จะต่อประโยคนี้อย่างไร ต่งหลี่ว์ซื่อจึงรีบเอ่ยว่า “ยังดีที่มีใต้เท้า หาไม่ท่านพ่อสามีข้าจะต้องทนทุกข์เท่าใดก็สุดจะรู้” นางกล่าวพลางขึงตาใส่สามีซึ่งนั่งอยู่ตรงกันข้าม ต่งหย่งก็รีบชูจอกกล่าวขอบคุณเฉิงสื่อ

ญาติผู้น้องคนนี้ของเฉิงสื่อไม่เพียงมีนามเดียวกับต่งหย่ง* ตัวละครงิ้วที่โด่งดัง ยังมีหน้าตาเป็นเจ้าหนุ่มหน้าขาวที่พบบ่อยในบทงิ้วด้วย แววตาของเขาหลุกหลิก ผิวหน้าหย่อนคล้อย เห็นชัดว่าหมกมุ่นในสุรานารี ขณะที่เขาเอ่ยขอบคุณ ยังลอบมองเซียวฮูหยินคนงามด้วยสองหน

เฉิงเซ่าซางพลันหน้าระรื่น คิดในใจว่า สหายต่งเห็นผู้อื่นล้วนเป็นคนตาบอดหรือไรกัน เขาไม่เห็นหรือว่าลูกนัยน์ตาของท่านพ่อเฉิงโปนโตราวกับปลาตาเดียวแล้ว เพราะการยลสองหนนี้ วันรุ่งขึ้นสหายต่งจึงถูกชายไม่รู้ที่มาซ้อมหนึ่งยกจนน่วมกลางถนน นอนซมบนเตียงไปหลายเดือน นับแต่นั้นไม่เคยได้เข้าจวนสกุลเฉิงอีกเลย

เฉิงสื่อถลึงตาใส่ต่งหย่งเสร็จก็ยกจอกสุราขึ้นดื่มจนเกลี้ยงในรวดเดียว “ท่านน้าควรจะพักผ่อนได้แล้ว ต่อไปเพียงดูแลไร่นาร้านค้าของทางบ้านให้ดี ใช้ชีวิตอย่างสบายอกสบายใจไปก็พอ”

น้าต่งร้อนใจยิ่ง จึงประท้วงโดยไม่รีรอ “นี่จะได้อย่างไรกัน ดังคำกล่าวว่า ‘ปราบเสือพี่น้องสู้ ออกศึกพ่อลูกรบ’ ** วาจานี้ของหลานชายเห็นน้าเป็นคนอื่นคนไกลไปแล้ว เจ้าเสี่ยงชีวิตเหนื่อยยากอยู่ข้างนอก มีหรือน้าจะพักผ่อนได้ จะอย่างไรก็ควรช่วยสนับสนุน…”

เฉิงสื่อระอาจะฟังอีกฝ่ายพูดพล่าม จึงมองไปทางฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงโดยตรง เห็นชัดว่าไม่กี่วันมานี้สองแม่ลูกสื่อสารกันราบรื่นยิ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงตบโต๊ะสำรับทันใด จากนั้นเอ่ยเสียงหนัก “จงรีบหุบปากไปซะ! เมื่อแรกที่ลูกข้าสร้างตัว ไฉนไม่ยักเห็นเจ้า ‘ปราบเสือพี่น้องสู้?’ ตอนที่ลูกข้าเสี่ยงชีวิต ไฉนไม่ยักเห็นเจ้า ‘ออกศึกพ่อลูกรบ’ เล่า เจ้าช่วยสนับสนุนให้น้อยลง ชีวิตลูกข้ายังจะง่ายขึ้นหน่อย!”

น้าต่งมองพี่สาวของตนอย่างตกตะลึง “พี่สาว ทะ…ท่าน…”

เขาเหลือบมองเฉิงสื่อสองสามีภรรยาปราดหนึ่ง อยากจะพูดออกไปเหลือเกินว่า ‘พี่สาว หากไม่มีข้าช่วยเหลือ ท่านมีหรือจะสู้ลูกสะใภ้ใหญ่ของท่านไหว’ ทว่าต่อหน้าผู้อื่นเขาจะพูดตรงๆ ได้อย่างไรกัน เขาจึงได้แต่กลอกลูกตา ก่อนเอ่ยพร้อมยิ้มตาหยี “พี่สาว ท่านเอาใจใส่น้องคนนี้ ทว่าหลานชายกับหลานสะใภ้ของข้างานยุ่งทั้งวี่วัน ยามปกติหากพี่สาวอยากฟังเรื่องน่าสนใจ ผู้ใดจะมาคุยให้ท่านฟังเล่า”

ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เมื่อไรข้าว่าง จะเรียกต่งหลี่ว์ซื่อหลานสะใภ้ของข้าเข้ามาพูดคุยเอง ในจวนนี้มีสตรีเป็นส่วนใหญ่ ถึงอย่างไรพวกเจ้าพ่อลูกก็เป็นบุรุษ เข้าๆ ออกๆ ย่อมไม่สะดวก ต่อไปไม่มีธุระจงมาให้น้อย” นางมองหูเอ่าที่คอยตักอาหารรับใช้อยู่ด้านข้าง ก่อนเอ่ยแก้เสียใหม่ “ทางบ้านมีธุระก็ให้ต่งหลี่ว์ซื่อมาบอกดีกว่า สรุปคือพวกเจ้าไม่ต้องมาแล้ว ตำแหน่งขุนนางของสื่อเอ๋อร์กำลังจะเลื่อนยศ พวกเราต้องมีกฎระเบียบบ้าง ย่อมไม่อาจเหมือนตอนที่อยู่ชนบท พอมีเรื่องหยุมหยิมอันใดน้าชายน้องชายก็เข้ามาเพ่นพ่านในเรือน”

น้าต่งปากอ้าลิ้นพัน จึงหันไปถลึงตาใส่ลูกสะใภ้ต่งหลี่ว์ซื่อ ก่อนด่ากราดพร้อมหน้าตาอันดุร้าย “หญิงต่ำช้า เจ้าพูดอะไรกับพี่สาวข้ากันแน่!”

ต่งหย่งเองก็ลุกยืนพรวด ถลกแขนเสื้อหมายจะไปตบหน้าภรรยา เฉิงสื่อซึ่งนั่งอยู่ข้างต่งหย่งมิได้ขยับร่าง เพียงเหยียดแขนข้างหนึ่งไปดึงต่งหย่งไว้ ไม่รู้เขาบิดแล้วกดอย่างไร แขนของต่งหย่งก็ถูกพับกดตรึงกับพื้นแล้ว จากนั้นพอเขาขยับมืออีกข้างเล็กน้อยก็ได้ยินเสียงเพียะกังวานใส เห็นใบหน้าของต่งหย่งบวมเป่งดุจหัวหมูในทันที

เฉิงสื่อเอ่ยกับต่งหย่งเสียงเย็นชา “ที่นี่คือสกุลเฉิง ไม่ถึงคราวที่เจ้าจะใช้กำลังอวดศักดา” จบคำเขาปรายตามองน้าต่งอย่างเยียบเย็นชวนสะพรึง

เฉิงเซ่าซางคิดในใจ ช่างสมเป็นแม่ลูกกันแท้ๆ สองคนนี้ด่าเป็นด่า ตบเป็นตบ ไม่มีอ้อมค้อมสักนิดเดียว

 

* ต่งหย่ง คือตัวละครจากหนึ่งในสี่สุดยอดตำนานพื้นบ้านของจีน ต่งหย่งเป็นลูกกตัญญู ขายตัวเป็นทาสเพื่อแลกค่าฝังศพบิดา ชีเซียนหนี่ว์ (เทพธิดาองค์ที่เจ็ด) ซาบซึ้งใจจึงลงจากสวรรค์มาช่วยเหลือและแต่งงานอยู่กินกับเขา ต่อมานางถูกเรียกตัวกลับสวรรค์ไป หนึ่งปีให้หลังนางจึงส่งบุตรลงมาอยู่กับต่งหย่งบนโลกมนุษย์

** ปราบเสือพี่น้องสู้ ออกศึกพ่อลูกรบ หมายถึงสามัคคีกันทำงาน จึงจะเอาชนะทุกอุปสรรค เฉกเช่นยามปราบเสือต้องบุกไปด้วยกันดุจพี่น้อง ยามออกศึกต้องร่วมใจกันดุจพ่อลูก

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com