ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 1 บทที่ 8 – หน้า 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 1 บทที่ 8

ผู้คนในงานเลี้ยงมีสีหน้าอาการต่างกันไป ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงเมินหน้า แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ไยดี ท่านรองเฉิงเฉิงกำลังก้มหน้าไม่รู้คิดอันใดอยู่ จึงมองไม่เห็นและไม่ไยดีอย่างแท้จริง น้าต่งถูกเฉิงสื่อมองจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ต่งหลี่ว์ซื่อใช้แขนเสื้อป้องใบหน้า มุมปากกำลังโค้งขึ้นน้อยๆ เซียวฮูหยินหน้าตายราวไม่มีอันใดเกิดขึ้น ต่างจากเก่อซื่อกับผู้เยาว์สองคนที่อยู่ท้ายโถงล้วนแต่ชมดูจนปากอ้าตาค้าง

เซียวฮูหยินจิบสุราหนึ่งคำ วางจอกลงอย่างงามสง่าก่อนเอ่ย “ท่านน้ากับน้องหย่งช่างมีอำนาจใหญ่โตนัก ผู้ที่ไม่รู้อาจจะนึกไปว่าสกุลเฉิงยกให้พวกท่านเป็นผู้สั่งการแล้ว” จากนั้นนางก็หันไปเอ่ยกับต่งหลี่ว์ซื่ออย่างอ่อนโยน “ปกติท่านแม่อยู่เหงาเพียงลำพัง เจ้าหมั่นแวะมาพูดคุยเป็นเพื่อนนางมากๆ หน่อย”

น้าต่งเข้าใจแผนการของเฉิงสื่อสองสามีภรรยาแล้ว จึงรีบหมอบกับพื้นร้องห่มร้องไห้ใหญ่ “พี่สาว ท่านไม่ไยดีน้องคนนี้แล้ว ท่านลืมเลือนสิ่งที่เคยรับปากไว้ก่อนท่านพ่อจะล่วงลับแล้วหรือ ท่านยังสู้หน้าท่านพ่อได้หรือไร”

เล่ห์กลตื้นๆ มีหรือจะหลุดรอดจากการวางแผนของเซียวฮูหยินไปได้ ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงถูกหูเอ่าสอนไว้แต่แรกแล้ว จึงโต้กลับไปทันที “ข้าไม่ไยดีเจ้าตรงที่ใด ทุกวันนี้ที่เจ้าสวมใส่คือผ้าดิ้นทอลายผ้าฝ้ายเนื้อละเอียด ที่กินอยู่คือหมูปลาเป็ดไก่ ยามเข้าออกล้วนมีบ่าวให้เรียกใช้ ตอนที่ท่านพ่อยังอยู่ มีชีวิตที่ดีเพียงนี้เมื่อไรกัน เปรียบกับเมื่อก่อนสุขสบายกว่ามากโข ข้าจะผิดต่อท่านพ่อได้อย่างไร”

น้าต่งถึงกับพูดติดอ่าง “แต่พวกพี่สาวสวมผ้าไหมต่วนแพร ความเป็นอยู่ยิ่ง…”

“ยิ่งอะไรของเจ้า!” ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงตวาดตัดบท “ชีวิตที่ดีของสกุลเฉิงทุกวันนี้ล้วนเป็นลูกข้าตะลุยกองเพลิงกองโลหิตฝ่าฟันมา เกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วย เมื่อแรกหากเจ้ายอมออกแรงเสียบ้าง ตอนนี้ก็มีความเป็นอยู่เช่นนี้ได้เหมือนกัน”

น้าต่งเดือดดาลจนถึงกับน้ำตาหยด “ตัวพี่สาวเองคล้องทองประดับเงิน น้องชายกลับได้แค่ชีวิตที่ดีกว่าครอบครัวชาวนาเล็กน้อยเท่านั้นหรือ!”

เฉิงเซ่าซางฟังมาถึงตอนท้ายยิ่งสนุกสนาน คิดในใจว่า ได้แต่โทษที่จุดเริ่มต้นของพวกท่านสกุลต่งอยู่เตี้ยนัก จึงมีจุดให้พัฒนาอีกมากเหลือเกิน

ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงฟาดตะเกียบไม้แล้วถลึงตาพูดประชด “ถ้าอย่างนั้นมิสู้ข้ายกคลังเก็บสิ่งของของสกุลเฉิงให้เจ้าไปครึ่งหนึ่งเสียเลย?” นางแพ้ทางไม้อ่อนไม่จำนนต่อไม้แข็ง หากน้องชายอ้อนวอนด้วยถ้อยคำอันนุ่มนวล ไม่แน่เรื่องราวอาจยังมีโอกาสพลิกผัน น่าเสียดายน้าต่งกลับใช้ผิดวิธี ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงด่ากราด “หลายปีที่ผ่านมาเจ้ากินของสกุลเฉิง ใช้ของสกุลเฉิง ตอนนี้ยังคิดจะวางอำนาจใส่คนสกุลเฉิงด้วยใช่หรือไม่! เจ้าจงแยกแยะให้ชัด เจ้าเป็นบุตรชายสกุลต่ง ข้าเป็นสะใภ้สกุลเฉิง แม้พวกเราเป็นพี่น้อง ทว่าบรรพชนต่างกันแล้ว ข้าย่อมไม่อาจเอาทั้งสกุลเฉิงไปจุนเจือเจ้ากระมัง” ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงพูดจาโผงผางจะแจ้ง แต่ได้ผลดียิ่ง น้าต่งถึงกับมึนงงไปทีเดียว

เฉิงสื่อพึงพอใจกับการแสดงออกของมารดาเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าหนวดดกจึงโปรยยิ้มอ่อนโยนไปให้มารดา เฉิงเซ่าซางสะดุ้งเฮือกอย่างห้ามไม่อยู่ ต่างจากฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงที่แสนอิ่มเอมใจ เบิกบานเป็นเท่าทวี

หลังจากน้าต่งหายมึนงงก็รีบเรียบเรียงคำพูดแล้วเอ่ยเสียงนอบน้อม “ดูพี่สาวพูดเข้า ข้ามีหรือจะกล้าวางอำนาจต่อหน้าหลานชาย เพียงแต่บัดนี้หลานชายเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น ข้า…ข้าจึง…” พูดๆ อยู่เขาก็สะอื้นออกมา “ข้าจึงอยากพึ่งพาบารมีสักหน่อยเท่านั้น ใครใช้ให้น้องชายของท่านไม่เอาไหนเล่า บุ๋นก็ไม่ไหว บู๊ก็ไม่ได้ ภายหน้าไม่มีหน้าจะไปพบท่านพ่อแล้วจริงๆ…” พูดมาถึงตรงนี้ น้ำตาก็ไหลลงมาโดยตรง

ครั้นเห็นน้องชายก้มหัวรับผิด ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงก็ชักจะหักใจไม่ค่อยลงแล้ว เซียวฮูหยินจึงยิ้มเยาะเบาๆ ก่อนเอียงกายเล็กน้อยไปเอ่ยกับต่งหลี่ว์ซื่อเสียงอ่อนโยน “วันหน้าพาเด็กๆ มาให้ข้าดูบ้างสิ ไม่เจอกันตั้งสิบปี ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรแล้ว”

เฉิงสื่อรีบร้องรับเป็นลูกคู่ “มิผิด ถึงเวลาที่ควรเล่าเรียนก็เล่าเรียน ที่ควรหางานการก็หางานการ อย่าได้หัดเอาอย่างบิดากับปู่ของพวกเขา รู้จักแต่เกียจคร้านรักสบาย เกี่ยงงานปัดความรับผิดชอบ!”

ต่งหลี่ว์ซื่อฮึกเหิมขึ้นมาทันตา นางมีสามีมิสู้ไม่มียังดีเสียกว่า ยามนี้ความคิดจิตใจของนางล้วนทุ่มเทไปที่บุตรชายหญิงจนสิ้น มีคำพูดประโยคนี้ของเฉิงสื่อสามีภรรยา ยังมีสิ่งใดที่นางจะไม่ปฏิบัติตามเล่า

พอฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงถูกเตือนสติ ก็เอ่ยกับน้องชายทันใด “เจ้าเลิกร้องไห้เสียที อายุปาเข้าไปตั้งห้าสิบแล้ว เจ้าไม่ได้ความมาครึ่งค่อนชีวิต แก่ตัวแล้วจะพลันเปลี่ยนนิสัยได้หรือ หลานหย่งก็เช่นกัน หากมีแก่ใจจริงๆ ก็คงไม่รอจนถึงวันนี้หรอก ในเมื่อไม่เอาไหน ก็จงใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงแบบคนไม่เอาไหนไป วันทั้งวันอย่ามัวแต่คิดจะเอาเปรียบไม่รู้จักพอ อย่าอาศัยชื่อหลานชายเจ้าไปข่มเหงผู้อื่น ประเดี๋ยวจะก่อเรื่องให้สกุลเฉิงอีก จงเร่งชี้แนะอบรมพวกเด็กๆ จะสำคัญกว่า นี่ต่างหากเรียกว่าไม่ผิดต่อท่านพ่อ!”

ชั่วขณะนี้น้าต่งไม่รู้ว่าควรจะพูดอันใดดีแล้ว

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com