ผู้คนในงานเลี้ยงมีสีหน้าอาการต่างกันไป ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงเมินหน้า แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ไยดี ท่านรองเฉิงเฉิงกำลังก้มหน้าไม่รู้คิดอันใดอยู่ จึงมองไม่เห็นและไม่ไยดีอย่างแท้จริง น้าต่งถูกเฉิงสื่อมองจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ต่งหลี่ว์ซื่อใช้แขนเสื้อป้องใบหน้า มุมปากกำลังโค้งขึ้นน้อยๆ เซียวฮูหยินหน้าตายราวไม่มีอันใดเกิดขึ้น ต่างจากเก่อซื่อกับผู้เยาว์สองคนที่อยู่ท้ายโถงล้วนแต่ชมดูจนปากอ้าตาค้าง
เซียวฮูหยินจิบสุราหนึ่งคำ วางจอกลงอย่างงามสง่าก่อนเอ่ย “ท่านน้ากับน้องหย่งช่างมีอำนาจใหญ่โตนัก ผู้ที่ไม่รู้อาจจะนึกไปว่าสกุลเฉิงยกให้พวกท่านเป็นผู้สั่งการแล้ว” จากนั้นนางก็หันไปเอ่ยกับต่งหลี่ว์ซื่ออย่างอ่อนโยน “ปกติท่านแม่อยู่เหงาเพียงลำพัง เจ้าหมั่นแวะมาพูดคุยเป็นเพื่อนนางมากๆ หน่อย”
น้าต่งเข้าใจแผนการของเฉิงสื่อสองสามีภรรยาแล้ว จึงรีบหมอบกับพื้นร้องห่มร้องไห้ใหญ่ “พี่สาว ท่านไม่ไยดีน้องคนนี้แล้ว ท่านลืมเลือนสิ่งที่เคยรับปากไว้ก่อนท่านพ่อจะล่วงลับแล้วหรือ ท่านยังสู้หน้าท่านพ่อได้หรือไร”
เล่ห์กลตื้นๆ มีหรือจะหลุดรอดจากการวางแผนของเซียวฮูหยินไปได้ ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงถูกหูเอ่าสอนไว้แต่แรกแล้ว จึงโต้กลับไปทันที “ข้าไม่ไยดีเจ้าตรงที่ใด ทุกวันนี้ที่เจ้าสวมใส่คือผ้าดิ้นทอลายผ้าฝ้ายเนื้อละเอียด ที่กินอยู่คือหมูปลาเป็ดไก่ ยามเข้าออกล้วนมีบ่าวให้เรียกใช้ ตอนที่ท่านพ่อยังอยู่ มีชีวิตที่ดีเพียงนี้เมื่อไรกัน เปรียบกับเมื่อก่อนสุขสบายกว่ามากโข ข้าจะผิดต่อท่านพ่อได้อย่างไร”
น้าต่งถึงกับพูดติดอ่าง “แต่พวกพี่สาวสวมผ้าไหมต่วนแพร ความเป็นอยู่ยิ่ง…”
“ยิ่งอะไรของเจ้า!” ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงตวาดตัดบท “ชีวิตที่ดีของสกุลเฉิงทุกวันนี้ล้วนเป็นลูกข้าตะลุยกองเพลิงกองโลหิตฝ่าฟันมา เกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วย เมื่อแรกหากเจ้ายอมออกแรงเสียบ้าง ตอนนี้ก็มีความเป็นอยู่เช่นนี้ได้เหมือนกัน”
น้าต่งเดือดดาลจนถึงกับน้ำตาหยด “ตัวพี่สาวเองคล้องทองประดับเงิน น้องชายกลับได้แค่ชีวิตที่ดีกว่าครอบครัวชาวนาเล็กน้อยเท่านั้นหรือ!”
เฉิงเซ่าซางฟังมาถึงตอนท้ายยิ่งสนุกสนาน คิดในใจว่า ได้แต่โทษที่จุดเริ่มต้นของพวกท่านสกุลต่งอยู่เตี้ยนัก จึงมีจุดให้พัฒนาอีกมากเหลือเกิน
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงฟาดตะเกียบไม้แล้วถลึงตาพูดประชด “ถ้าอย่างนั้นมิสู้ข้ายกคลังเก็บสิ่งของของสกุลเฉิงให้เจ้าไปครึ่งหนึ่งเสียเลย?” นางแพ้ทางไม้อ่อนไม่จำนนต่อไม้แข็ง หากน้องชายอ้อนวอนด้วยถ้อยคำอันนุ่มนวล ไม่แน่เรื่องราวอาจยังมีโอกาสพลิกผัน น่าเสียดายน้าต่งกลับใช้ผิดวิธี ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงด่ากราด “หลายปีที่ผ่านมาเจ้ากินของสกุลเฉิง ใช้ของสกุลเฉิง ตอนนี้ยังคิดจะวางอำนาจใส่คนสกุลเฉิงด้วยใช่หรือไม่! เจ้าจงแยกแยะให้ชัด เจ้าเป็นบุตรชายสกุลต่ง ข้าเป็นสะใภ้สกุลเฉิง แม้พวกเราเป็นพี่น้อง ทว่าบรรพชนต่างกันแล้ว ข้าย่อมไม่อาจเอาทั้งสกุลเฉิงไปจุนเจือเจ้ากระมัง” ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงพูดจาโผงผางจะแจ้ง แต่ได้ผลดียิ่ง น้าต่งถึงกับมึนงงไปทีเดียว
เฉิงสื่อพึงพอใจกับการแสดงออกของมารดาเป็นอย่างยิ่ง ใบหน้าหนวดดกจึงโปรยยิ้มอ่อนโยนไปให้มารดา เฉิงเซ่าซางสะดุ้งเฮือกอย่างห้ามไม่อยู่ ต่างจากฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงที่แสนอิ่มเอมใจ เบิกบานเป็นเท่าทวี
หลังจากน้าต่งหายมึนงงก็รีบเรียบเรียงคำพูดแล้วเอ่ยเสียงนอบน้อม “ดูพี่สาวพูดเข้า ข้ามีหรือจะกล้าวางอำนาจต่อหน้าหลานชาย เพียงแต่บัดนี้หลานชายเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น ข้า…ข้าจึง…” พูดๆ อยู่เขาก็สะอื้นออกมา “ข้าจึงอยากพึ่งพาบารมีสักหน่อยเท่านั้น ใครใช้ให้น้องชายของท่านไม่เอาไหนเล่า บุ๋นก็ไม่ไหว บู๊ก็ไม่ได้ ภายหน้าไม่มีหน้าจะไปพบท่านพ่อแล้วจริงๆ…” พูดมาถึงตรงนี้ น้ำตาก็ไหลลงมาโดยตรง
ครั้นเห็นน้องชายก้มหัวรับผิด ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงก็ชักจะหักใจไม่ค่อยลงแล้ว เซียวฮูหยินจึงยิ้มเยาะเบาๆ ก่อนเอียงกายเล็กน้อยไปเอ่ยกับต่งหลี่ว์ซื่อเสียงอ่อนโยน “วันหน้าพาเด็กๆ มาให้ข้าดูบ้างสิ ไม่เจอกันตั้งสิบปี ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรแล้ว”
เฉิงสื่อรีบร้องรับเป็นลูกคู่ “มิผิด ถึงเวลาที่ควรเล่าเรียนก็เล่าเรียน ที่ควรหางานการก็หางานการ อย่าได้หัดเอาอย่างบิดากับปู่ของพวกเขา รู้จักแต่เกียจคร้านรักสบาย เกี่ยงงานปัดความรับผิดชอบ!”
ต่งหลี่ว์ซื่อฮึกเหิมขึ้นมาทันตา นางมีสามีมิสู้ไม่มียังดีเสียกว่า ยามนี้ความคิดจิตใจของนางล้วนทุ่มเทไปที่บุตรชายหญิงจนสิ้น มีคำพูดประโยคนี้ของเฉิงสื่อสามีภรรยา ยังมีสิ่งใดที่นางจะไม่ปฏิบัติตามเล่า
พอฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงถูกเตือนสติ ก็เอ่ยกับน้องชายทันใด “เจ้าเลิกร้องไห้เสียที อายุปาเข้าไปตั้งห้าสิบแล้ว เจ้าไม่ได้ความมาครึ่งค่อนชีวิต แก่ตัวแล้วจะพลันเปลี่ยนนิสัยได้หรือ หลานหย่งก็เช่นกัน หากมีแก่ใจจริงๆ ก็คงไม่รอจนถึงวันนี้หรอก ในเมื่อไม่เอาไหน ก็จงใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงแบบคนไม่เอาไหนไป วันทั้งวันอย่ามัวแต่คิดจะเอาเปรียบไม่รู้จักพอ อย่าอาศัยชื่อหลานชายเจ้าไปข่มเหงผู้อื่น ประเดี๋ยวจะก่อเรื่องให้สกุลเฉิงอีก จงเร่งชี้แนะอบรมพวกเด็กๆ จะสำคัญกว่า นี่ต่างหากเรียกว่าไม่ผิดต่อท่านพ่อ!”
ชั่วขณะนี้น้าต่งไม่รู้ว่าควรจะพูดอันใดดีแล้ว