ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย
ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย เล่ม 4 บทที่ 85
เฉิงเซ่าซางตื่นจากนอนพักกลางวัน นางได้รับคำสั่งให้ไปรับหนังสือไม้ไผ่สองกระบอกที่โถงชั้นนอกของสำนักราชเลขาธิการ รอจนนางคารวะอำลาหวงเหมินซื่อหลาง* ผู้ดูแลหอตำราอย่างนบนอบ ก็เดินเนิบนาบมุ่งกลับตำหนักฉางชิว ไม่คาดคิดว่าเมื่อไปถึงตรอกตำหนัก กลับเจอหยวนเซิ่นที่มิได้พบหน้าเสียหลายวัน
ความจริงตั้งแต่นางเข้าวังมา ‘ศึกษาต่อ’ หากนับรวมหนนี้ด้วย นางพบเจอหยวนเซิ่นในตรอกตำหนักสามหนแล้ว
หนแรกนางกับหลิงปู้อี๋เดินตามกันไปช้าๆ หยวนเซิ่นเบี่ยงกายหลีกทางให้ แล้วปรายมองมาด้วยแววตาอันเรียบเย็นสองสามคราโดยไม่พูดจาสักคำ หนที่สองนางถูกหลิงปู้อี๋กุมมือไว้แน่นพาเดินเคียงกัน หยวนเซิ่นเดินสวนมากลางทาง เห็นมือที่เกาะกุมกันของคนทั้งสองก็เปล่งเสียงหัวเราะเย็นชาสั้นกระชั้นหลายที ปรากฏว่าสายตาที่หลิงปู้อี๋เพ่งมองกลับไปเย็นยะเยียบยิ่งกว่าเสียงหัวเราะนั้นเสียอีก เฉิงเซ่าซางจึงเบือนหน้าไม่อยากจะแลบุรุษทั้งสองคน
หนนี้ยามที่พบเจอหยวนเซิ่น เฉิงเซ่าซางเพิ่งถูกเหลียงชิวเฟยไล่หลังมาตะโกนเรียกไว้ องครักษ์หนุ่มน้อยเร่งวิ่งจนหน้าผากหลั่งเหงื่อ ส่งมอบกล่องไม้เคลือบเงารูปทรงแบนลายกิ่งไม้กระหวัดในมือของเขาให้นาง พอเฉิงเซ่าซางรับมาถึงมือ กลับหวิดจะทำกล่องหล่นกระแทกหลังเท้าตนเอง ครั้นเปิดออกดูถึงกับเป็นทองห้าสิบก้อนวางเรียงซ้อนเป็นระเบียบ เปล่งรัศมีอันเย้ายวนของทองคำแท้ แต่ละก้อนล้วนหล่อเป็นรูปทรงเกือกม้าขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ เล็กประณีต เรืองแสงทองระยับ พาให้นางอ้าปากกว้างอย่างห้ามไม่อยู่
เหลียงชิวเฟยยิ้มกล่าว “นายน้อยบอกว่า…บัดนี้ท่านอยู่ในตำหนักฉางชิวมีงานมาก ตกรางวัลนางกำนัลใช้เหรียญสำริดยังพอได้ ทว่าตกรางวัลขุนนางที่มีขั้นยศกลับไม่เหมาะ ทองเหล่านี้ท่านวางในตำหนักไว้หยิบใช้ตามต้องการได้เลย ยามปกติก็ฝากฝังไจ๋เอ่าเก็บรักษาเป็นพอ”
“นี่…นี่จะดีหรือ” เฉิงเซ่าซางหายใจติดขัด หัวเราะแหะๆ หลายที เมื่อชายคนรักซื้อกระเป๋าซื้อเสื้อผ้าให้ นางยังสามารถปฏิเสธอย่างขึงขังเปี่ยมเหตุผล ยืนหยัดความคิดที่จะแยกกระเป๋าเงินกันก่อนแต่งงาน แต่หากชายคนรักโอนบ้านหนึ่งหลังมาให้โดยตรงเลยเล่า นางรู้สึกว่าตนเองชักจะหักห้ามใจไม่ไหวแล้ว
เหลียงชิวเฟยมุ่นคิ้วตอบ “นายหญิงน้อยอย่าเอ่ยวาจาเป็นคนอื่นคนไกลเช่นนี้อีกเลยขอรับ คราวก่อนท่านไม่ยอมรับม้าดีสองตัวนั้นไว้ ทำร้ายพี่ชายข้าให้ถูกนายน้อยต่อว่าไปหนึ่งยก คราวนี้ท่านก็อย่าทำร้ายข้าเลยนะขอรับ”
“วางใจเถิด ข้าไม่ทำหรอก” เฉิงเซ่าซางถอนใจอย่างอ่อนแรง
รอจนเหลียงชิวเฟยจากไปแล้ว หยวนเซิ่นในชุดที่เบาสบายก็เดินพลิ้วมาด้วยท่วงท่าอันสง่างาม ครั้นเดินเนิบช้าเข้ามาใกล้ พอดีเห็นเด็กสาวถูกทองก้อนในกล่องส่องฉายจนทั่วใบหน้าเคลือบประกายทอง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะซักถาม กระทั่งฟังขันทีที่อยู่ด้านหลังเฉิงเซ่าซางตอบคำถามแทนจบ เขาก็เยาะหยันออกมา “นึกไม่ถึงว่าเจ้ารักวัตถุสีเหลืองทองขาวเงินเหล่านี้”
เฉิงเซ่าซางโต้กลับทันควัน “ในกล่องนี้ล้วนเป็นทองก้อน มีแต่วัตถุเหลืองทอง มีขาวเงินที่ใดกัน ท่านอย่าพูดส่งเดชสิ!”
หยวนเซิ่นถูกตอกหน้าเล็กน้อย “ดังนั้น…แค่นี้เจ้าก็ถูกซื้อตัวแล้ว? วันทั้งวันแสร้งวางท่าว่ามีจรรยาดีงาม จนบัดนี้ในเมืองหลวงมีแต่เสียงชื่นชมเจ้า บอกว่าในที่สุดเจ้าก็ถูกฮองเฮากล่อมเกลาจนมีความประพฤติโดดเด่น”
“ซื้อตัวอันใด พูดระคายหูเยี่ยงนี้” เฉิงเซ่าซางส่งกล่องให้ขันทีที่อยู่ข้างกาย ก่อนแสดงท่าทีให้พวกเขาถอยห่างไปหน่อย
“ไม่มีทองก้อนเหล่านี้ข้าก็จะเรียนรู้จรรยาที่ดีงามไม่ได้หรือไร อีกอย่างนะ นี่ว่าที่สามีของข้าให้มา มีอันใดที่ข้าไม่อาจใช้เล่า” บางคำพูด…ยิ่งนางพูดยิ่งฉะฉานจริงเสียด้วย “ยังมีอีก ข้าใช่มีจรรยาดีงามหรือไม่ ข้าใช่ถูกซื้อตัวไปหรือไม่ เป็นธุระกงการอันใดของท่าน! ข้ากินข้าวเจ้าข้าวฟ่างบ้านท่านไปหรือ ข้าใช้เงินทองแพรพรรณบ้านท่านไปหรือไร!”
ครานี้หยวนเซิ่นกลับไม่โกรธเคือง พิศมองนางพลางกล่าว “เจ้าสังเกตบ้างหรือไม่ นับแต่เจ้ากับข้ารู้จักกันมา คำที่เจ้าพูดกับข้าบ่อยที่สุดก็คือ ‘ธุระกงการอันใดของท่าน’ ประโยคนี้”
เฉิงเซ่าซางชะงักกึก ดูเหมือนว่า…ใช่จริงเสียด้วย “นี่เป็นเพราะ…ท่านชอบมายุ่มย่ามโดยใช่เหตุน่ะสิ!”
หยวนเซิ่นลูบสายคาดหยกตรงช่วงเอว ก่อนถามเสียงเบา “เจ้า…ตอนนี้อยู่ดีหรือไม่”
“ดีแน่อยู่แล้ว!” เฉิงเซ่าซางยกยิ้มอันทระนง “แม่นางน้อยสกุลเฉิงที่เมื่อแรกผู้คนดูแคลน แค่ออกไปร่วมงานเลี้ยงสักครั้งยังมีคนกระโดดออกมาหาว่าข้าหยาบกระด้างไร้ความรู้ ป่าเถื่อนไร้มารยาท ตอนนี้ยังจะมีอีกหรือ ตอนนี้ข้าเข้าออกวังหลวง แม้แต่องค์ชายองค์หญิงยังเกรงอกเกรงใจกับข้า คนเมื่อแรกเหล่านั้นมีใครหน้าไหนยังจะกล้ามาหาเรื่องข้าอีก!”
หยวนเซิ่นขานดังอืมคำหนึ่ง “อันที่จริง…ข้ารู้สึกว่าเจ้าแบบเมื่อก่อนดียิ่ง”
เฉิงเซ่าซางพ่นลมขึ้นจมูก “คุณชายซั่นเจี้ยน พวกเราหยุดบทสนทนาตรงนี้จะดีกว่า ตัวท่านเองสรรหาภรรยายังต้องเลือกนั่นเลือกนี่ คุณธรรมของผู้เป็นนายหญิงใหญ่เอย ชำนาญธรรมเนียมพิธีการเอย ถือสิทธิ์อันใดมาบอกให้ข้าหยาบกระด้างเรื่อยไป!”
“ต่อหน้าผู้คนเจ้าวางท่าเล็กน้อยก็พอแล้ว ใครจะให้เจ้าหัดจนชำนาญธรรมเนียมพิธีการอันใดนั่นกันเล่า” หยวนเซิ่นพูดอย่างคั่งแค้น
เฉิงเซ่าซางพลันตระหนักได้ จึงเอ่ยเย้ยหยัน “อ้อ เป็นเช่นนี้นี่เอง ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง คุณชายซั่นเจี้ยน หรือว่าท่านเองก็ปฏิบัติเยี่ยงนี้? เอ๋? เหตุใดข้าต้องหัดจนชำนาญธรรมเนียมพิธีการด้วยหนอ เกี่ยวอันใดกับข้ากันนะ”
หยวนเซิ่นซักไซ้โดยไม่ไปสนใจคำยั่วยุของนาง “เจ้ายังไม่ได้ตอบข้าเลย ตกลงเจ้าอยู่ดีมีสุขหรือไม่ ไม่ใช่เฉพาะยามอยู่ต่อหน้าผู้คน แต่หมายรวมถึงเวลาที่อยู่ลับหลังผู้คนด้วย ในใจเจ้ามีความสุขหรือไม่”
เฉิงเซ่าซางช้อนตามองไปทางกำแพงตำหนักก่อนเอ่ยเรียบๆ “ข้ารู้ว่าท่านคิดจะถามอันใด เพียงแต่…ข้าต้องการจะบอกท่านว่า…ไม่ว่าเป็นอย่างไรข้าย่อมจะทำให้ตนเองอยู่ดีมีสุข นี่ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น ไม่เกี่ยวกับใครผู้ใดทั้งสิ้น”
หยวนเซิ่นจับจ้องนางเนิ่นนาน “สมัยนี้แม่นางน้อยที่ขี้คุยนับวันยิ่งมีมาก ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะตั้งตารอดูแล้วกัน”
* ฟืนแห้งเพลิงแรง เปรียบเปรยถึงอารมณ์ปรารถนาอันร้อนแรงของชายหญิง โดยเพลงดาบสายใยพันผูกกับเพลงฝ่ามือฟืนแห้งเพลิงแรงนี้ปรากฏในบทภาพยนตร์เรื่องมังกรหยก หยกก๊าหว่า (The Eagle Shooting Heroes) เป็นกระบวนท่าที่หวงเย่าซือ (อึ้งเอี๊ยะซือ) ฝึกร่วมกับซู่ชิวศิษย์น้องหญิงของเขา ในที่นี้ผู้เขียนยกมากล่าวถึง เพราะท่าทางของนางกำนัลสองคนนั้นดูเป็นมิตรกันมากกว่าเป็นอริ
* แมวหลีฮวา (หรือ Dragon-Li) เป็นแมวซึ่งมีต้นกำเนิดในประเทศจีน มีขนสีดำสลับเทาเป็นริ้วลายคล้ายหนังเสือ หัวกลม ตากลมสีเหลืองทองจนถึงสีเขียว
* กุยอวี๋ คือปลาแซลมอน
* หวงเหมินซื่อหลาง เป็นชื่อตำแหน่งขุนนางที่รับใช้ใกล้ชิดฮ่องเต้ ในสมัยฮั่นหน้าที่หลักคือสื่อสารงานระหว่างฮ่องเต้กับราชเลขาธิการ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 9 ม.ค. 66 เวลา 12.00 น.