แน่นอนว่านี่มิใช่สัตว์เทพของเทพผู้คุมกฎตัวจริง แต่เป็นเพียงร่างแบ่งภาคที่เขาสร้างขึ้นชั่วคราวเท่านั้น
เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ภายในหุบเขาซึ่งแต่เดิมเป็นปกติดีพลันปกคลุมไปด้วยไอชื้นเย็น อีกทั้งไอชื้นเย็นนั้นยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อึดใจถัดมาฉยงฉีก็สะดุ้งตื่น เส้นขนของมันชี้ชันขณะเดินงุ่นง่านอยู่ข้างกองไฟเงียบๆ ท่าทางดูกระสับกระส่ายยิ่ง จากนั้นมันก็พลันไล่ตามไอชื้นเย็นนั้นจนวิ่งออกไปไกล
หากเป็นการหลบหนีธรรมดา ซีกวงย่อมไม่แยแสแม้แต่น้อย มีวิชาหุ่นเวทของเฟิงจงอยู่ ฉยงฉีไม่มีทางหนีพ้นแน่ เกรงว่าเมื่อถูกจับกลับมาแล้วมันยังจะต้องคุกเข่าเพิ่มอีกรอบเสียด้วยซ้ำ ทว่าสถานการณ์ในตอนนั้นชอบกลนัก ซีกวงจึงลุกขึ้นแล้วแอบติดตามไป ไม่นานก็พบภูตไพรกลุ่มหนึ่งที่มารับฉยงฉี นั่นคือสมุนของหมิงเสินอวี้ถู
ซีกวงรำคาญความยุ่งยาก ทั้งไม่อยากประมือกับอวี้ถูโดยตรง จึงคิดอาศัยกฎสวรรค์ไปชิงตัวฉยงฉีกลับคืนมา เพียงแต่การสร้างร่างแบ่งภาคลอกเลียนเป็นผู้อื่นนั้นไม่ง่ายเลย ทั้งยังง่ายที่จะเผยพิรุธออกมา และการเลียนแบบร่างมนุษย์นั้นก็ยิ่งยากแสนยาก เขาจึงได้แต่สร้างร่างสัตว์เทพของเทพผู้คุมกฎเพื่อมาแก้ไขเหตุคับขันนี้ก่อน
ร่างสัตว์ที่เร่งสร้างขึ้นอย่างฉุกละหุกนี้ไม่อาจดำรงอยู่ได้นานนัก อย่าว่าแต่หวดมันหนึ่งแส้เลย คาดว่าหากเสียเวลากับอวี้ถูนานกว่านี้อีกสักนิด ความก็คงแตกไปแล้ว
ถึงอย่างไรร่างพหุภาคของเขาก็ไม่อาจเทียบกับมหาเทพฝูซีในอดีตได้ ว่ากันว่ามหาเทพฝูซีสามารถควบคุมร่างแบ่งภาคได้สูงสุดถึงสิบสองภาคในเวลาเดียวกัน ทั้งสามารถหยิบฉวยทุกสรรพสิ่งมาสร้างเป็นร่างแบ่งภาคได้ทุกที่ทุกเวลา ต่างจากเขาในยามนี้ที่ควบคุมได้เพียงห้าภาคเท่านั้น
กระทั่งดวงจิตกลับเข้าร่างโดยสมบูรณ์แล้ว ซีกวงเพิ่งระบายลมหายใจก็ได้ยินเฟิงจงเอ่ยขึ้นที่ด้านหลัง “เจ้าทำเช่นนี้ไม่แคล้วบุ่มบ่ามเกินไป คราวนี้ไม่เท่ากับละเมิดกฎสวรรค์เสียเองหรือ”
เขาหมุนกายมาถอนหายใจยาว “ข้าทำทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อช่วยให้เจ้าได้เมล็ดฉยงซังมาหรือไร ข้าทำเพื่อเจ้า กระทั่งสัตว์เทพของเทพผู้คุ้มกฎยังสังหารได้ แต่เมื่อครู่เจ้ากลับคลางแคลงในตัวข้าเสียนี่”
เฟิงจงจึงกลัดกลุ้มอยู่ในใจ…เดิมทีอวี้ถูเป็นฝ่ายที่ไร้เหตุผลก่อน ตอนนี้พวกนางก็กลายเป็นไร้เหตุผลไปด้วยแล้ว
แผนเฉพาะหน้าในยามนี้จึงมีแต่ฟื้นฟูพลังเทพโดยเร็ว บางทีอาจยังคืนชีพให้เซี่ยจื้อได้ หนึ่งวันบนสวรรค์เท่ากับหนึ่งปีบนพิภพเบื้องล่าง เทพผู้คุมกฎน่าจะไม่พบเห็นเร็วปานนั้น นางยังพอมีเวลาอยู่
ขบคิดมาถึงตรงนี้เฟิงจงก็ไม่อาจทนรอได้ต่อไป จับฉยงฉีที่อยู่ในมือชูขึ้นมาตรงหน้า บังเอิญเห็นมันกำลังมองนางอยู่พอดี ทันทีที่สบกับสายตานาง มันก็รีบหลับตาแสร้งทำเป็นหลับต่อ
“ยังกล้าเสแสร้งอีกหรือ” เฟิงจงที่มีไฟสุมอกกำลังไร้ที่ระบายอยู่พอดี มือข้างหนึ่งจึงหิ้วหลังคอของมันไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ฉวยมีดกระดูกสัตว์ออกมา “ทางถอยของเจ้าขาดสะบั้นแล้ว จงคายเมล็ดฉยงซังออกมาเสีย แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า เจ้าเลือกเอาเองก็แล้วกัน!”
“ชือ!” ฉยงฉีพยายามต่อต้านสุดกำลังด้วยการตวัดอุ้งเท้าและวาดขาสั้นๆ ของมันไปมา
เฟิงจงจึงประชันกับฉยงฉีด้วยการทาบมีดกระดูกสัตว์ลงบนหนังท้องของมันอย่างแนบชิด ร่างมันสั่นเทิ้มขึ้นทันตาเห็น ในที่สุดก็คอตกเลิกดิ้นรนขัดขืน มันชำเลืองตามองเฟิงจงก่อนจะสูดหายใจเข้าสองหนดังฮึบๆ ช่วงท้องของมันพลันพองนูนสูงเด่น จากนั้นมุกวาวกลมเกลี้ยงสีแดงเพลิงเม็ดหนึ่งที่ถูกคายออกมาก็กลิ้งหลุนๆ ตกลงบนพื้น
ซีกวงเห็นแล้วก็รีบเก็บเมล็ดฉยงซังขึ้นมายัดใส่เข้าปากเฟิงจงในทันที
สาวน้อยไม่ทันตั้งตัวจึงสำลักอย่างหนัก นางโยนฉยงฉีทิ้งไปแล้วใช้สองมือกุมลำคอไว้ หลังจากนางเซถอยติดกันไปหลายก้าว ถึงค่อยเงยหน้าถลึงตาจ้องเขาอย่างพูดไม่ออก
ซีกวงเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยปาก “รีบกินลงไปเถิด จะได้ไม่ถูกคนนอกมาแย่งชิงไปอีก เป็นอย่างไรเมล็ดพันธุ์น้อย ข้าดีต่อเจ้ากระมัง”
“โอ้ก…” เฟิงจงอาเจียนออกมาแล้ว
“ยังดีที่ไม่ได้อาเจียนเอาเมล็ดฉยงซังที่เพิ่งกลืนลงไปออกมาด้วย” ซีกวงจุปากพลางใช้มือข้างหนึ่งหิ้วฉยงฉีที่ซึมเซาอยู่ด้านข้างขึ้นมา ส่วนมืออีกข้างก็ลูบหลังให้เฟิงจง บนร่างของนางเปื้อนปราณอิน ของอวี้ถู เพียงถูกซีกวงลูบไม่กี่หน ปราณอินพวกนั้นก็สลายไปหมดสิ้น
เฟิงจงปัดมือของเขาออกห่าง เห็นแก่ที่เขาล่วงเกินเทพผู้คุมกฎเพื่อช่วยนาง ต่อให้นางมีโทสะก็ระเบิดไม่ออกแล้ว ทว่านางเพิ่งจะยืดกายตรงเท่านั้น เมล็ดฉยงซังที่กลืนลงไปก็แผดเผาอยู่ในท้องดั่งอัคคีกองหนึ่ง นางกุมท้องน้อยไว้ ร้องครางได้เพียงคำเดียวก็ล้มคะมำกับพื้นหมดสติไป
ซีกวงกำลังขยี้ศีรษะที่ก้มต่ำของเฟิงจง พอเห็นเช่นนั้นก็สะดุ้งจนตัวโยน โอ๊ะ! เมื่อครู่ข้าไม่ได้ลงมือหนักถึงเพียงนั้นนี่นา!
(ติดตามตอนต่อไปวันพรุ่งนี้)