ซีกวงคลี่ยิ้มตอบ “เดิมทีเทพในช่วงต้นบรรพกาลโดยมากก็ถือกำเนิดจากสรรพสิ่งในฟ้าดินอยู่แล้ว นี่มิใช่เรื่องแปลกหายากสักหน่อย เจ้าเองก็กำเนิดออกมาจากเมล็ดพันธุ์ไม่ใช่หรือ”
เฟิงจงพลันสะอึกไปเล็กน้อย ข้อนี้นางช่างเสียเปรียบผู้อื่นนัก ใครๆ ก็ล่วงรู้ที่มาของนางกันทั้งนั้น เมื่อก่อนตอนที่พลังเทพของนางยังคงอยู่ เพียงปราดเดียวนางก็มองทะลุร่างเดิมของอีกฝ่ายแล้ว บัดนี้สูดกลิ่นในระยะใกล้ก็แค่กล้อมแกล้มจำแนกที่มาได้เท่านั้น นางไม่อาจทำใจยอมรับได้จริงๆ จึงถามเขาไปตรงๆ เสียเลย “ร่างเดิมของเจ้าคืออะไร”
ซีกวงรีบยกแขนขึ้นมากอดอก “ซักถามถึงร่างเดิมของเทพก็เท่ากับจะให้เทพเปลือยกายต่อหน้าผู้คน ข้าจะยอมถูกเจ้าเปลื้องผ้าได้อย่างไรกัน ผิดมารยาทนัก!”
หากเป็นเช่นนั้นเจ้าไม่ใช่ดูข้าจนถ้วนทั่วแล้วหรือไร! เฟิงจงหนังตากระตุก นางหักกิ่งไม้ที่เหลาดีแล้วเป็นสองท่อน จากนั้นจึงใช้เป็นตะเกียบสำหรับคีบผักป่าในหม้อน้ำแกง “ที่มหาเทพหนี่ว์วาชี้แนะให้เจ้ามาพบข้า ก็เพราะต้องการให้เจ้าช่วยข้าฟื้นฟูพลังเทพกระมัง”
ซีกวงคิดใคร่ครวญอยู่ในใจก่อนว่าเรื่องนี้จะยุ่งยากหรือไม่ จากนั้นจึงให้คำตอบแสนกำกวมแก่นาง “มหาเทพหนี่ว์วาเพียงแต่เรียกให้ข้ามาพบเจ้า จากนี้ไปทุกสิ่งก็ให้เป็นไปตามชะตาฟ้าลิขิต”
“ชะตาฟ้าลิขิต?” เฟิงจงฉงนงุนงงยิ่ง แนวปฏิบัติของพวกนางที่เป็นมหาเทพบรรพกาลไม่นิยมอ้อมค้อมวกวน แต่ไรมาล้วนกล่าวตรงไปตรงมาเสมอ เหตุใดมหาเทพหนี่ว์วากลับพูดจาลึกลับซับซ้อนเสียแล้วเล่า
จู่ๆ เสียงร้องพูชือพูชือก็ดังมาจากด้านข้าง ซีกวงเบือนหน้าไปก็เห็นฉยงฉีตัวจ้อยที่อ้วนกลมดุจก้อนกลมนั้นตื่นแล้ว เห็นชัดว่าโทสะของมันยังคงไม่คลาย มันจึงปีนป่ายอยู่บนร่างของเซวียนชิง กำลังตะกุยใบหน้าเขาเพื่อระบายแค้น
เฟิงจงฉุนเฉียวทันใด โยนตะเกียบแล้วลุกพรวดเดินตรงไปหิ้วตัวมันขึ้นมาในคราวเดียว “ตัวบัดซบ เป็นเจ้าที่ทำร้ายเขาจนอยู่ในสภาพนี้ เจ้ายังกล้าบังอาจแตะต้องเขาอีก?”
“พูชือชือชือ!” ฉยงฉีโบกอุ้งเท้าหมายตะกุยใส่เฟิงจงด้วย ทว่าจนใจที่อุ้งเท้าของมันสั้นเกินกว่าจะเอื้อมถึง
“อีกประเดี๋ยวค่อยมาจัดการเจ้า!” เฟิงจงโยนฉยงฉีใส่อ้อมอกของซีกวง หลังจากทิ่มนิ้วมือของตนบนมีดกระดูกสัตว์ นางก็ใช้โลหิตนั้นสมานรอยข่วนบนใบหน้าของเซวียนชิง
ซีกวงหนีบเจ้าลูกกลมตุ้ยนุ้ยที่ไม่ยอมสงบเสงี่ยมนั้นเอาไว้ ขณะที่ดวงตาเพ่งพิศการกระทำของนาง เขาก็พลันยิ้มถาม “แม้จะเป็นเทพผู้หนึ่ง แต่ก็เหลือเพียงร่างอันกลวงเปล่าแล้ว ตอนนี้เจ้าเป็นมนุษย์ที่แม้แต่ตัวเองยังเอาชีวิตแทบไม่รอด เหตุใดต้องดูแลภาระนี้ไว้ด้วยเล่า”
เฟิงจงบีบปลายนิ้วพลางมองมาอย่างเย็นชา “วาจานี้เอ่ยเพียงครั้งนี้ก็แล้วไปเถอะ หากครั้งหน้าให้ข้าได้ยินอีก เจ้าก็ไม่ต้องมาปรากฏตัวแล้ว”
ซีกวงหุบปากอย่างว่าง่าย ในใจยังตกตะลึงไม่หาย อันที่จริงเมื่อดวงจิตกลับคืนมาครบถ้วน เขาก็เตรียมใจไว้แล้วว่าเซวียนชิงจะต้องถูกทอดทิ้ง อย่างไรก็เป็นเพียงร่างที่เหลือแต่เปลือก ทว่านางกลับเก็บร่างที่เหลือแต่เปลือกนี้เอาไว้ ทั้งยังปฏิบัติด้วยเป็นอย่างดี
ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นแค่ร่างที่ไร้ดวงจิต ถึงที่สุดแล้วผู้ที่นางปฏิบัติดีด้วยอย่างตั้งอกตั้งใจก็คือเซวียนชิงในตอนแรก…ซึ่งนั่นก็คือตัวเขาเองมิใช่หรือ