น้ำแกงผักป่าต้มได้ที่แล้วส่งกลิ่นหอมสดชื่นออกมาบางเบา เฟิงจงเดินไปจับตะเกียบ เพิ่งจะช้อนผักป่าขึ้นมาไม่ทันไร นางก็เห็นฉยงฉีในอ้อมอกของซีกวงมองมาด้วยแววตาอันมุ่งหวัง ปากพะงาบดังแจ๊บๆ
นางหลุดหัวเราะเบาๆ “เป็นอย่างไร หิวแล้วสิท่า”
สัตว์อสูรระดับฉยงฉีนี้ย่อมฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง พอมันได้ยินเช่นนั้นก็หัวฟัดหัวเหวี่ยง “ชือพู! ชือพู! ชือชือชือ!”
ซีกวงรู้ว่าเฟิงจงที่เป็นมนุษย์ธรรมดาย่อมฟังฉยงฉีพูดไม่เข้าใจ เขาจึงอธิบายพร้อมกับยิ้มตาหยี “มันบอกว่าบิดาจะกินเนื้อ”
“อย่างนั้นหรือ” เฟิงจงรื้อหาในหลัวสะพายหลังใบหนึ่งที่วางอยู่ข้างเท้า นั่นคือหลัวเถาวัลย์ที่ตอนแรกสะพายอยู่บนหลังของเซวียนชิง นางจำได้ว่าข้างในใส่เนื้อแห้งมาด้วยหนึ่งก้อน
และแล้วก็หาเจอจริงๆ นางจงใจถือเนื้อแห้งก้อนนั้นวนอยู่ตรงหน้าเจ้าตัวเล็กนั่นหนึ่งรอบ จึงค่อยใช้มีดกระดูกสัตว์แล่เป็นชิ้นๆ โยนลงในน้ำแกง
“ชือชือ!” น้ำลายของฉยงฉีจวนจะหกลงมาอยู่รอมร่อ มันแทบอยากโถมปรี่ไปถึงหม้อให้ได้ประเดี๋ยวนั้น จนใจที่ถูกซีกวงยุดหางไว้แล้วกระตุกมันกลับมา อุ้งเท้าจึงครูดกับพื้นทิ้งรอยลากไว้สองสาย
“อยากจะกินก็ได้นะ แต่เจ้าต้องคายเมล็ดฉยงซังออกมาก่อน แล้วข้าจะให้เจ้าได้กินจนอิ่มหนำ” เฟิงจงใช้ตะเกียบคนในหม้อ คนกระทั่งกลิ่นหอมของเนื้อฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วทิศ
ฉยงฉีเพิ่งจะเกิดใหม่สำเร็จ ร่างยังไม่เจริญวัยจึงเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด ย่อมต้องการกินอาหารอย่างเร่งด่วน ฉยงฉีอยากกินจนทนไม่ไหวแล้ว อุ้งเท้าจึงตะกุยเปะปะ ปากก็ร้องพูชือพูชือไม่หยุด
ซีกวงช่วยอธิบายต่อ “มันบอกว่าเดิมทีขอเพียงพิทักษ์ผลฉยงซังของปีนี้เอาไว้ได้ มันก็จะสามารถเกิดใหม่ได้อย่างราบรื่น แต่เจ้ากลับมาทำลายเรื่องดีของมันครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เพียงเกือบทำร้ายจนมันไม่อาจเกิดใหม่ ยังจับกุมมันมาอีก ซ้ำตอนนี้ยังไม่ให้มันกินอาหารด้วย มันจะมีโทสะแล้วนะ!”
เฟิงจงคีบเนื้อหนึ่งชิ้นส่งเข้าปากตนเอง “สัตว์อสูรระดับนี้ตายแล้วไม่มีทางได้เกิดใหม่เป็นอันขาด เกรงว่าคงมีใครคิดการร้าย ทุ่มเททุกวิถีทางสร้างกายเนื้อขึ้นมาให้มัน หากมิใช่ถูกข้ากักกันเอาไว้ก่อน รอจนมันเติบใหญ่ย่อมจะกลายเป็นภัยต่อพิภพมนุษย์อีก ยังกล้าพูดว่าข้าทำร้ายมัน?”
ซีกวงรู้สึกว่ามีเหตุผล จึงกดทับหน้าผากยุ้ยๆ ของฉยงฉีไว้ “เลิกต่อต้านได้แล้ว จงเชื่อฟังแต่โดยดีเถิด ติดตามคนผู้นี้เจ้าก็จะมีเนื้อกินเอง”
ฉยงฉีพลันเดือดดาลอย่างมาก ชูอุ้งเท้าขึ้นคำรามลั่น “พูชือชือชือ!”
เฟิงจงขมวดคิ้ว “มันพูดว่าอะไรอีก”
ซีกวงตอบ “มันบอกว่าเมื่อก่อนบิดาคือฉยงฉียอดสัตว์ร้ายบรรพกาลเชียวนะ”
เฟิงจงเหลือกตา เห็นมันยกตนขึ้นเป็นบิดาทุกคำ นางจึงเอ่ยข่มด้วยการแทนตนเองว่ามารดาบ้าง “ชิ! เมื่อก่อนมารดาเป็นถึงจ่งเสินด้วยซ้ำ”
ฉยงฉีร้องโหวกเหวกมาเป็นชุด “พูชือชือชือชือชือชือ!”
ซีกวงถอดความให้ “แรกสุดบิดาเป็นผู้งับศีรษะของซุ่นตี้ ได้ในคำเดียว!”
เฟิงจงยัดเนื้อใส่ปากตนเองอีกชิ้น “แต่ถัดจากนั้นเจ้าก็ถูกซุ่นตี้เด็ดชีพ”
ฉยงฉีแผดเสียง “ชือ! ชือชือพูพูชือ!”
ซีกวงถอดความให้โดยไม่ตกหล่น “มารดาเจ้าสิ! บิดาขอแลกกับเจ้าแล้ว!”
“มาเลย” เฟิงจงกระดิกนิ้วเรียก ในปากยังอมเนื้อชิ้นนั้นอยู่จึงส่งผลให้แก้มกลมตุ่ย มองอย่างไรก็เป็นแม่นางน้อยที่ไร้พิษภัยต่อทั้งคนและสัตว์
ฉยงฉีไหนเลยจะเกรงกลัวนาง มันตวัดอุ้งเท้าพลางกระโจนตัวขึ้นมาดังคาด ซีกวงจึงเอียงกายวูบหนึ่ง พาให้มันร่วงตกบนร่างของเซวียนชิงโดยบังเอิญ พอตะกายลุกขึ้นได้ มันก็ระดมข่วนโดยไม่สนใจใคร
เฟิงจงหน้าบึ้งทันตาเห็น “ไหนล่ะที่เมื่อครู่ข้าสั่งเจ้าว่าห้ามแตะต้องเขา!”