ทันทีที่นางจรดนิ้วทำมุทรา ฉยงฉีก็เงื้ออุ้งเท้าเจ้าเนื้อขึ้นมาตบแก้มตนเองสองฉาดดังเพียะๆ มันถึงขั้นเห็นดาวล้มตึงแผ่หลาเลยทีเดียว ทว่าจากนั้นมันก็ยังคลานลุกขึ้นอย่างฉับไว หันหน้ามาจนตรงกับเซวียนชิง แล้วยกสองขาหน้าขึ้นอย่างพินอบพิเทา อยู่ในอิริยาบถคล้ายกำลังคารวะแล้วแข็งค้างอยู่เช่นนั้น
“จงคุกเข่าขอขมาในท่านี้แต่โดยดี!” เฟิงจงปัดๆ มือ “อย่างช้าที่สุดถึงวันพรุ่งนี้ หากเจ้ายังไม่ยอมคายเมล็ดฉยงซังออกมา ข้าก็จะชำแหละท้องของเจ้าหยิบออกมาเอง!”
เป็นครั้งแรกทีเดียวที่ซีกวงได้เห็นสัตว์อสูรที่ขึ้นชื่อว่าร้ายกาจตกอับได้ถึงเพียงนี้ มองอย่างไรก็แสนจะขบขัน แต่คิดๆ ดูแล้วเรื่องที่ดวงจิตเซวียนชิงออกจากร่างก็ทำให้มันต้องแบกหม้อดำ เช่นกัน ต้องขออภัยมันด้วยจริงๆ
ฉยงฉีสองตาเบิกค้าง หากเป็นเมื่อก่อนแม่นางน้อยเช่นนี้มันกินรวดเดียวสิบคนได้ด้วยซ้ำไป บัดนี้กระทั่งคนเดียวมันก็ไม่อาจสู้ได้แล้ว มันพลันรู้สึกห่อเหี่ยว ราวกับชีวิตสัตว์อสูรไร้ซึ่งความหวังแล้ว “ชือชือชือ…”
ซีกวงถอดความ “ฮือๆๆ…”
เฟิงจงแค่นเสียงฮึอย่างเย็นชา “แสร้งทำเป็นน่าสงสารไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
ฉยงฉียกขาหน้าค้างเติ่ง ก่อนจะหงายหลังล้มลงไปตรงๆ แล้วไม่กระดุกกระดิกอีกเลย
ซีกวงมองไปทางเฟิงจง “หิวจนเป็นลมไปแล้วล่ะ เจ้าจะฆ่ามันจริงๆ หรือ มันกลายเป็นหุ่นเวทของเจ้าไปแล้ว ฆ่าทิ้งก็น่าเสียดายแย่”
เฟิงจงทำปากยื่น สุดท้ายยังคงคีบเนื้อหนึ่งชิ้นแล้วเดินไปยัดใส่ปากของเจ้าก้อนกลมตุ้ยนุ้ย “ขู่ขวัญมันเล็กน้อยเท่านั้นเอง เมล็ดฉยงซังเปราะบางและล้ำค่ายิ่ง ขืนข้าใช้กำลังหยิบฉวยรังแต่จะก่อให้เกิดความเสียหาย ต้องให้สัตว์ผู้พิทักษ์ยินยอมคายออกมาเองถึงจะใช้การได้”
ซีกวงเอนกายนอนลงกับพื้น “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องรีบหน่อยแล้ว เดิมทีผลฉยงซังก็ไม่ควรเป็นของที่อยู่ในพิภพมนุษย์ หากพิภพสวรรค์ล่วงรู้เข้าล่ะก็ ย่อมจะมาริบคืนไป นี่คือกฎสวรรค์ ต่อให้เจ้าเป็นจ่งเสินก็ไม่มีประโยชน์”
เฟิงจงคิดในใจ…แล้วเจ้าไม่ใช่คนของพิภพสวรรค์หรือไรกัน
ราตรีดึกดื่นมากแล้ว เมื่อเจ้าก้อนกลมตุ้ยนุ้ยไม่อาละวาดอีก รอบด้านก็พลันเงียบสงบลง มีเพียงเสียงน้ำตกที่คงอยู่เช่นเดิม ครั้นฟังนานเข้าก็ถึงกับช่วยขับกล่อมให้ง่วงงุน
เฟิงจงเก็บกวาดอย่างลวกๆ แล้วเอนกายลงนอน ทว่าไม่ทันไรก็ผุดลุกขึ้นนั่งอีก นางมองดูเจ้าหนูหุ่นเวทที่นั่งอยู่ ก่อนจะเบนสายตาไปมองซีกวงที่นอนแล้ว
เมื่อก่อนตอนอยู่ในถ้ำภูเขา ปกตินางจะนอนอยู่ฝั่งด้านในของกองไฟ ส่วนหุ่นเวทจะนั่งหรือนอนอยู่ฝั่งด้านนอก เหตุใดพอซีกวงมาถึงก็ยึดครองตำแหน่งของหุ่นเวทไปเสียแล้วเล่า
นางคับข้องใจอยู่พริบตาเดียวก็รู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสักหน่อย ตงจวินผู้นี้ไม่ช้าก็จะบอกลาจากไปแล้ว ให้เขานอนไปก็แล้วกัน คิดเช่นนั้นนางก็ล้มตัวลงนอนดังเดิม
จวบจนถึงครึ่งคืนหลัง เฟิงจงพลันหนาวจนรู้สึกตัวตื่น ครั้นลุกขึ้นนั่งมองก็พบว่ากองไฟดับมอดลงแล้ว หุ่นเวทยังนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ด้านข้าง ทว่าซีกวงที่นอนอยู่ฝั่งตรงข้ามกลับหายตัวไป นางเบือนหน้าไปอีกทางก็พบว่าฉยงฉีตัวจ้อยหายไปด้วย