X
    Categories: ความรู้สึกดีที่เรียกว่ารักต้อนรักทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ต้อนรัก บทที่ 2

หน้าที่แล้ว1 of 3

บทที่ 2

 หนังสือปกสีหวานภาพวาดสีน้ำที่อยู่บนสุดของหนังสือตั้งใหญ่ซึ่งถูกรื้อออกจากถุงที่ลูกชายถือกลับมาบ้านทำให้หญิงวัยกลางคนรามือจากแจกันกุหลาบสีขาว เลิกคิ้วน้อยๆ มองพลางนึกประหลาดใจ โดยเฉพาะเมื่อไล่สายตาดูชื่อนามปากกาผู้เขียนและชื่อสำนักพิมพ์ที่แม้จะครองอันดับทางการตลาดเป็นสำนักพิมพ์ขายดีลำดับต้นๆ แต่ก็ไม่ใช่สำนักพิมพ์ที่ท่านขอให้เขาช่วยเป็นธุระแวะไปหาที่งานสัปดาห์หนังสือ

“ซื้อมาเหรอตาณ”

คุณบุหลันหันไปหาพ่อตัวดีที่กำลังนั่งพับเพียบกินกระท้อนลอยแก้วตรงหน้า ท่าทางสบายอารมณ์เป็นที่สุด

“เค้าไม่ยอมแจกฟรี ตาณก็ต้องซื้อสิแม่” คำตอบที่ได้รับทำให้คนเป็นแม่แทบจะค้อนเข้าให้

“แน่ล่ะสิ ไม่ใช่สำนักพิมพ์ของก้องนี่ เราจะได้ไปทำตาหวานขอฟรีมาได้ ว่าแต่นึกยังไงซื้อนิยาย นักเขียนใหม่ด้วยหรือเปล่า แม่ไม่เคยได้ยินชื่อ…ลตางค์”

“คนเขียนเค้าบอกว่าแรงบันดาลใจให้เริ่มเขียน…มาจากตัวหนังสือของ ‘แววบุหลัน’ ตาณเลยอยากรู้ว่าบันดาลใจแบบไหน” ชายหนุ่มตอบทั้งที่ตาจ้องมองโทรทัศน์ซึ่งกำลังฉายภาพยนตร์โฆษณาที่แสดงโดยนักแสดงหญิงที่เขารักมากที่สุด และกำลังนั่งอยู่ข้างๆ เขาตอนนี้

ดวงตาคุณบุหลันอ่อนแสง นึกเข้าใจเหตุผลของลูกชายที่ยอมควักกระเป๋าซื้อหนังสือนิยายเรื่องนี้มากขึ้น แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามต่อ

“สวยไหม”

คำถามใหม่ของแม่ทำเอาตาณหัวเราะเสียงดัง แต่ยังไม่วางมือจากช้อนของหวานที่กำลังเพลิดเพลิน

“คนในโฆษณาน่ะเหรอ สวยสิ แม่ตาณนี่นา” เสียงของตาณติดแววล้อเลียน

“คนเขียนหนังสือเล่มนี้ต่างหาก สวยไหม” คุณบุหลันชูหนังสือในมือทวนคำถาม

“แม่กล่าวหาตาณนะนั่น เห็นตาณเป็นผู้ชายยังไงกัน”

“ก็เพราะเห็น…รู้ว่าเป็นยังไงน่ะสิถึงถาม อย่างตาณน่ะ ถ้าไม่ใช่พวกเท็กซ์บุ๊ก…สารคดี หรือหนังสือท่องเที่ยว ก็แทบจะไม่ปรายตามอง ขนาดหนังสือของแม่กว่าจะยอมอ่านยังต้องบังคับยากเย็น แล้วนี่ถึงขั้นยอมเสียทรัพย์ควักกระเป๋าซื้อ…จะไม่ให้แม่สงสัยได้ยังไง”

“แหม…แต่ตาณก็อ่านหนังสือของ ‘แววบุหลัน’ ทุกเรื่องนะแม่ อ่านไปก็คิดถึงเงินไป ค่าต้นฉบับจงลอยมา…ค่าเล่นหนังเล่นโฆษณาจงกลายมาเป็นเงินทุนของตาณ เพี้ยง!”

ท่าทางทะเล้นของลูกชายทำให้คุณบุหลันอดไม่ได้ที่จะตีเพียะเข้าให้ที่ท่อนแขนแข็งแรง หลายปีแล้วที่คุณบุหลันเลี้ยงดูลูกชายคนเดียวด้วยน้ำพักน้ำแรงในวงการบันเทิงควบคู่ไปกับงานเขียนในวงการวรรณกรรม สำหรับวงการหลังอาจจะพิเศษอยู่สักหน่อยตรงที่ท่านไม่เคยเปิดเผยตัว แม้จะใช้ชื่อนามปากกาใกล้เคียงกับชื่อจริงของตัวเอง แต่คุณบุหลันไม่เคยออกตัวเลยสักครั้งว่าคือ ‘แววบุหลัน’

‘ไม่อยากให้คนอ่านซื้อหนังสือเราเพราะติดภาพจากทีวี ให้เขาซื้อเพราะชอบตัวหนังสือของเราดีกว่า’

คุณบุหลันเคยให้เหตุผลอย่างนั้นเมื่อลูกชายหรือก้องภพ ผู้รับหน้าที่เป็นบรรณาธิการดูแลงานเขียนที่ท่านจับพลัดจับผลูเข้าไปมีโอกาสทำถาม ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ ‘แววบุหลัน’ ไม่เคยปรากฏตัวที่ไหนเลย กลายเป็นนักเขียนที่ไม่เคยมีใครได้พบเห็นตัวตน ทั้งที่ใบหน้าออกสื่อต่างๆ อยู่แทบจะทุกวัน

“นามปากกาเพราะดี แปลกด้วย จะอ่านจริงเหรอเรา” คุณบุหลันหันกลับมาถามถึงหนังสือในมือ

“อ่านสิแม่ ซื้อมาแล้วนี่ ว่าแต่หมดเนี่ยหกพัน…แม่รับปากเป็นเจ้ามือให้ตาณแล้วนะ”

“จ่ายไปก่อนสิ เอาไว้มีแล้วแม่จะคืนให้” คุณบุหลันตอบหน้าตายโดยไม่ให้คำมั่นว่าจะคืนให้เมื่อไร อย่างไร ตามองบรรดาหนังสือทั้งหลายของลูกชายที่แม้จะแพงหนักหนา แต่ก็รู้ว่าตาณจะอ่านและถนอมเป็นอย่างดี

รสนิยมหนึ่งที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนของตัวเองและลูกชายคนเดียวคนนี้เห็นจะเป็นเรื่องการอ่าน เสียเท่าไรเท่ากัน หลายครั้งที่เงินหมดกระเป๋าก็เพราะหนังสือ แต่คุณบุหลันกลับไม่คิดว่าเป็นการเสียแต่ฝ่ายเดียว

…ความรู้…ใช้เงินซื้อหาความรู้ใส่ตัวไม่ใช่การเสียเปล่าแน่ ไม่อย่างนั้นท่านจะมีเรื่องราวให้ถ่ายทอดและเลี้ยงลูกมาจนป่านนี้ได้หรือ

“ไม่ต้องคืนตาณก็ได้แม่ คืนแบงก์แล้วกัน สิ้นเดือนใบทวงหนี้ส่งมาแล้วตาณจะเอามาให้”

พ่อตัวดียิ้มระรื่นรีบยื่นกำหนดเวลาหมับ ไม่เปิดช่องว่างให้เสียโอกาส จนคนเป็นแม่เริ่มลังเลแล้วว่าไอ้ที่คิดว่าเป็นแม่ เป็นผู้นำครอบครัวนั้น ทุกวันนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่หรือเปล่า

โลกข้างนอกหมุนเร็วขึ้น ลูกชายโตขึ้น ความคิดความอ่านก็เริ่มจะกลายเป็นล่วงหน้าแม่ไปหลายขั้นรำไรแล้ว

“วันนี้แม่จะไปงานเลี้ยงที่ไหน เดี๋ยวตาณขับรถให้เอง เสร็จงานแล้วแม่ก็โทรเรียก แล้วตาณจะรีบบึ่งไปรับเลย รับรองว่าแม่รอไม่นาน”

คุณบุหลันยิ้มให้ลูกชาย ในขณะที่โลกของตาณหมุนไปข้างหน้า…ไวขึ้น โลกของท่านทำท่าจะหมุนกลับช้าๆ จากที่เคยได้ดูแลรับส่ง วันนี้ต้องกลายเป็นฝ่ายได้รับบ้างแล้ว

“รออยู่ที่งานก็ได้ ไม่ต้องวกรถไปมาหรอก”

คุณบุหลันไม่ชวนลูกชายเข้าไปในงานด้วยกันเพราะรู้ว่าเจ้าตัวไม่ชอบเป็นจุดสนใจจนกลายเป็นคนไม่ชอบอยู่ใกล้สื่อมวลชนสักเท่าไหร่ แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็ทำให้ต้องส่ายหน้าไม่รู้จะว่าอย่างไร

“ไม่เอาดีกว่า ตาณว่าจะแวะไปหาพี่เพชรสักหน่อย เห็นว่าวันนี้จะออดิชั่นนักร้องใหม่ที่ผับ สาวๆ ในงานที่แม่ไปตาณเห็นในทีวีบ่อยๆ อยู่แล้ว ไปดูหน้าใหม่ดีกว่า”

นั่นปะไร โลกของลูกชาย…วันนี้นอกจากจะหมุนไวกว่าคนเป็นแม่แล้ว ยังดูเหมือนว่าจะหมุนในมุมและทิศที่แม่อย่างท่านอยากจะหยิกเหน็บเข้าให้เสียทีจริงๆ

 

กระท้อนลอยแก้วหมดถ้วยในเวลาไม่นานนัก มารดาแยกไปแต่งตัวเตรียมไปงานเลี้ยงค่ำนี้ ทำให้ตาณได้มีโอกาสนอนเอกเขนกตรงมุมโปรดริมระเบียง ที่มองออกไปจะเห็นกอกุหลาบสีขาวซึ่งกำลังผลิดอกอวดทั้งรูปและกลิ่นหอมกรุ่นจนฟุ้ง มือใหญ่ขยับรื้อหนังสือที่ขนซื้อมาเปิดอ่าน แต่แทนที่จะหยิบเท็กซ์บุ๊กอย่างเคย กลับหยิบนิยายปกสีน้ำมาพลิกอ่านคำโปรยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ตาณเหลือบตาไปมองต้นเสียง พอเห็นว่าเป็นโทรศัพท์ของมารดาที่ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะก็เลิกสนใจ เลื่อนสายตากลับมายังตัวหนังสือที่อ่านค้างต่อ ไม่คิดจะเดินไปหยิบมามองหรือรับแทน ตั้งใจทิ้งไว้ให้กลายเป็นหมายเลขที่ไม่ได้รับเพื่อให้เจ้าของเครื่องได้เห็นเองแม้ว่ามันจะดังต่อมาอีกพักใหญ่ แต่พอเงียบไป โทรศัพท์บ้านที่มุมห้องก็ดังขึ้นแทนที่

ถึงอย่างนั้นตาณก็ยังเลือกที่จะไม่ขยับตัว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเด็กสาวรูปร่างท้วมวิ่งเข้ามารับสาย กระทั่งได้ยินเสียงค่ะๆ และขอให้คอยสักครู่จึงเงยหน้าไปมอง

“ใครเหรอเอ๋”

“คุณพัฒน์โทรหาคุณท่านค่ะ”

ร่างสูงขยับเปลี่ยนอิริยาบถจากอาการทอดตัวนอนสบายมานั่งตัวตรงทันทีเมื่อได้ยินว่าใครโทรเข้ามา พลางพยักหน้าให้เอ๋ที่บอกว่าจะไปตามมารดาของเขาเป็นเชิงอนุญาต

ทันทีที่ร่างของเอ๋ลับสายตา ตาณก็หยัดตัวลุก เดินไปยกหูโทรศัพท์ที่ถูกวางพักไว้ให้คอยขึ้นมาทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ปลายสายต้องการจะคุยด้วย

“แม่กำลังแต่งตัวเตรียมไปงานเลี้ยงเย็นนี้ครับ…น่าจะนาน คุณพัฒน์มีอะไรฝากผมไว้ก็ได้” ตาณบอกเสียงเอื่อยเหมือนไม่มีอะไร แต่คนปลายสายถึงกับชะงัก

…ไม่นึกว่าลูกชายคุณบุหลันจะอยู่บ้าน…

“ตาณเหรอ เป็นไงบ้าง ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ สบายดีใช่ไหม”

“สบายดีครับ” น้ำเสียงของตาณฟังสุภาพผิดวิสัย แต่เป็นเสียงที่เขาจะเลือกใช้กับบางคน โดยเฉพาะพีรพัฒน์ที่ดูเหมือนจะได้ฟังเสียงแบบนี้อยู่บ่อยๆ

“ลุงตั้งใจจะไปรับแม่ตาณไปงานเลี้ยงเย็นนี้ ไหนๆ ก็ไปงานเดียวกัน ฝากตาณบอกคุณบุหลันหน่อยได้ไหม ลุงจะไปรับหกโมง”

“ไม่รบกวนคุณพัฒน์ดีกว่าครับ วันนี้ผมว่าง…ตั้งใจจะไปส่งแม่เอง”

“งั้นก็ไม่เป็นไร ลุงแค่เป็นห่วงน่ะ ค่ำมืดไม่อยากให้คุณบุหลันขับรถเอง” พีรพัฒน์ที่เตรียมใจไว้แล้วว่าจะถูกตัดรอนไม่ดึงดัน

“อย่าให้ต้องเป็นภาระของคุณพัฒน์เลยครับ ผมดูแลแม่ได้ ถ้าคุณพัฒน์ไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้นะครับ สวัสดีครับ” เสียงฝีเท้าที่จำได้ขึ้นใจแว่วติดหูทำให้ตาณเลือกที่จะตัดบท ก่อนจะลดหูโทรศัพท์วางลงบนแป้น ไม่สนใจว่าคนในสายจะคิดอย่างไร

“อ้าว…”

ลูกชายที่ยืนข้างโต๊ะวางโทรศัพท์ทำให้คุณบุหลันพูดได้แค่นั้น ในขณะที่ตาณทำหน้าตาย เกลื่อนสีหน้าเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังทำเสียงละห้อยอ้อน

“หิวจังแม่ กระท้อนลอยแก้วไม่ค่อยอยู่ท้องเลย มีอะไรหนักท้องให้ตาณกินอีกบ้างไหม”

คุณบุหลันได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ อ่อนใจ พลางหันไปเรียกเด็กมาเตรียมอาหารให้คนที่อ้างว่าหิวๆ แต่ตาไม่มีแววโหยเลยสักนิด และก็ยังอดเหน็บให้ไม่ได้

“เหลือใส่ปิ่นโตไว้บ้างนะเอ๋ แล้วเย็นนี้ก็เอาขึ้นรถให้คุณตาณด้วย เผื่อเขาจะนั่งดูออดิชั่นนักร้องผ่านมือถือในรถหน้างานเลี้ยงเฝ้าแม่”

ตาณหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนอนเอกเขนก หยิบนิยายปกสีหวานมาอ่านต่อด้วยท่าทางสบายใจเหมือนเดิม แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของแม่จากไปไหนก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบตามอง

สีหน้าครุ่นคิดของท่านที่มองโทรศัพท์มือถือทำให้แววตาของตาณกลายเป็นนิ่งลึก ก่อนจะหันกลับมาทำเป็นสนใจหนังสือในมือ แต่หูยังเงี่ยฟัง กระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าของแม่ก้าวห่างออกไปโดยที่เขาไม่ได้ยินเสียงท่านต่อสายโทรศัพท์ไปหาใครทั้งนั้น

มือใหญ่ลดหนังสือลงวางบนหน้าอก ตาตวัดมองโทรศัพท์มือถือของมารดาที่ยังถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม เหมือนเจ้าของตั้งใจจะทิ้งไว้ไม่แตะต้อง เสียงถอนหายใจของตาณผ่านริมฝีปากออกมาแผ่วเบาอย่างโล่งใจ

ขอบคุณครับแม่

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 27 มี.ค. 64

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: