X
    Categories: LOVEทดลองอ่านทิวาหลอมทราย ชุด ม่านรักฐานันดร

ทดลองอ่าน ทิวาหลอมทราย ชุด ม่านรักฐานันดร บทที่ 4

หน้าที่แล้ว1 of 7

บทที่ 4

รักหมดอายุ

นับตั้งแต่วันที่พาลูกไปเข้าโรงเรียน รศิตาจะย้ำกับลูกเสมอว่าไม่ให้พูดถึง ‘พ่อ’ กับใครที่โรงเรียนเพราะพ่อเป็นพระเอกคนดัง การที่ประชาชนรับรู้ว่าพ่อมีลูกมีเมียจะทำให้ความนิยมลดลง ซึ่งน้องภูก็รับปากเธอเป็นอย่างดี นอกจากนี้เธอก็ไม่เคยเปิดเผยกับใครนอกจากคนสนิทว่าสามีของเธอคือภาคิน แต่พอเป็นข่าวดัง ใครต่อใครก็พยายามเสาะหาว่าใครคือเมียและลูกที่ภาคินซุกเอาไว้

 

ไฮโซสาวบุกแฉกลางงานแต่ง ภาคินซุกลูกซุกเมีย!’

พระเอกดังทิ้งลูกทิ้งเมีย แต่งกับคู่จิ้น ถูกแฉกลางงาน!’

แฉยับ! พระเอกซุปตาร์สันดานแมงดาทิ้งลูกทิ้งเมีย!’

 

แค่นึกถึงพาดหัวข่าวในวันนี้รศิตาก็แทบหายใจไม่ออก เธอยังไม่ได้รับการติดต่อจากภาคิน แต่เธอรู้ว่าเขาต้องโกรธมาก เพราะขนาดไม่เป็นข่าว แค่เธอโทรหาเขาเวลาอยู่กองถ่าย เขายังโกรธเธอเลย

‘บอกเพื่อนคุณให้หุบปากบ้างนะ’

ในอดีตภาคินเคยบอกกับรศิตาเช่นนั้นตอนที่เขาแอบกลับมาบ้านแล้วบังเอิญเจอกับธรณินพอดี ฝ่ายธรณินจึงพูดจาเหน็บแนมเรื่องที่เขามีข่าวกับนางเอกคู่จิ้นโดยไม่เกรงใจเมียอย่างรศิตา

‘เรื่องตัวเองก็ไม่ใช่ เสนอหน้าพูดอยู่ได้’

ภาคินไม่พอใจทุกครั้งเวลาที่ธรณินถามว่าเมื่อไหร่เขาจะแต่งงานกับรศิตาอย่างออกหน้าออกตา แต่เขาไม่กล้าออกปากเตือนธรณินเองเพราะมักจะถูกสวนกลับด้วยความจริงจนหน้าชาเสมอ รศิตาเองก็เข้าใจดีว่าเพื่อนเป็นห่วงแต่เธอก็ช่วยออกปากเตือนด้วยกลัวว่าภาคินจะโกรธจนไม่แบ่งเวลามาเยี่ยมลูก

‘แกหงอเขาเกินไปหรือเปล่าศิ’

ธรณินถามอย่างขัดใจทุกครั้งที่เห็นรศิตาก้มหน้าร้องไห้เวลาเห็นข่าวสามีออกงานกับนางเอกคู่จิ้นแล้วทั้งสองมีทีท่าว่ากำลังคบหาดูใจกัน ต่อให้เขาจะบอกกับเธอว่ามันเป็นแค่งานก็เถอะ

ภาคินเป็นรุ่นน้องร่วมคณะกับพวกเธอหนึ่งชั้นปี เขากับรศิตาได้ร่วมกิจกรรมด้วยกันบ่อยๆ แล้วต่างฝ่ายต่างก็ชอบพอกัน จนตกลงคบกันตอนที่รศิตาเรียนปีสามและภาคินกำลังเรียนปีสอง

รศิตาเป็นลูกสาวคนเดียว บิดากับมารดาเสียไปตั้งแต่ตอนเธอเรียนอยู่ชั้นปีสอง เธอไม่มีญาติสนิทที่ไหน แต่โชคดีที่พวกท่านทิ้งบ้านและทำประกันชีวิต ทำให้เธอยังมีที่อยู่อาศัยและมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง

ด้วยความที่เธออยู่บ้านคนเดียว เธอจึงชวนภาคินมาอยู่ด้วยกันซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่อยู่กลายๆ ในตอนนั้นธรณินไม่เห็นด้วยเลยสักนิดเพราะคิดว่าทั้งสองยังเด็กเกินไป เธอรู้สึกว่าภาคินอาจจะเข้ามาเพราะผลประโยชน์ และเธออยากให้รศิตาคบหาดูใจกับอีกฝ่ายให้นานกว่านี้ก่อนที่จะอยู่ด้วยกัน ทว่ารศิตาก็ยืนยันว่าเธอกับภาคินรักกัน และเธอรู้จักตัวตนของเขาดีแล้ว

เมื่อรศิตาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วธรณินก็ไม่ได้ว่าอะไร

ตอนนั้นภาคินฐานะแย่กว่ารศิตามาก เขามีเงินใช้จ่ายรายเดือนแค่หมื่นเดียวซึ่งเงินจำนวนนี้ต้องใช้สำหรับเป็นค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเช่าหอพัก แม้จะหารค่าเช่าห้องกับเพื่อนแต่ก็มีเงินเหลือใช้แค่ไม่กี่พันบาท รศิตาสงสารและเห็นใจคนรักถึงได้ชวนเขามาอยู่ด้วยกัน

ในช่วงแรกชีวิตคู่ของรศิตากับภาคินลงตัวดีทุกอย่าง เธอรับผิดชอบเรื่องรายจ่ายทุกอย่างในบ้าน รวมทั้งของภาคินด้วย ส่วนเขาก็ดูแลเธออย่างดีทั้งช่วยดูแลบ้านและยังเตรียมอาหารให้เธอ

รศิตาอยากทำงานด้านออร์แกไนเซอร์ ส่วนภาคินใฝ่ฝันอยากเข้าวงการ พอย้ายมาอยู่ด้วยกันเขาเริ่มไปแคสต์งานต่างๆ แต่ก็ยังไม่ได้งานสักที รศิตาจึงต้องช่วยเหลือเขาเรื่องเงินเสมอ เพราะเขาไม่อยากทำงานประจำหรืองานเสริมอื่นๆ ด้วยว่าอยากมุ่งมั่นกับงานแสดงเพียงอย่างเดียว

การเตรียมตัวจะเป็นดาราต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย ทั้งค่าเสื้อผ้า ค่าสมาชิกฟิตเนส ค่าบำรุงผิวหรือเสริมแต่งใบหน้าให้เข้ารูป รวมทั้งค่าเข้าเรียนในโรงเรียนการแสดงดังๆ เผื่อว่าวันหนึ่งจะไปเตะตาคนเบื้องหลัง…ซึ่งแน่นอนว่ารศิตาเป็นคนออกเงินทุกอย่างจนเงินเก็บของเธอเริ่มร่อยหรอลง

ภาคินบอกว่ามันคือการลงทุนที่คุ้มค่า ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน แม้จะไม่ได้จดทะเบียน แต่เขาก็รักเธอมาก ถ้าเขาประสบความสำเร็จ เธอเองก็จะสบายไปด้วย และเธอก็เชื่อเขามาโดยตลอด

เงินเก็บก้อนใหญ่เหลืออยู่ไม่มาก ช่วงปิดเทอมปีสามกำลังจะขึ้นปีสี่รศิตามีโอกาสไปฝึกงานกับบริษัทออร์แกไนซ์ เธอจึงชวนภาคินไปทำงานอีเวนต์ที่เธออยู่เบื้องหลังเวลาที่หัวหน้าทีมต้องการหนุ่มหล่อมายืนเป็นนายแบบ ซึ่งถ้าเป็นงานโชว์ตัวแบบนี้ภาคินก็ยินดีจะไป

กระทั่งวันหนึ่งความหล่อเหลาของชายหนุ่มก็ไปเตะตาผู้จัดละครคนหนึ่งจนชวนเขาไปเซ็นสัญญา แล้วเริ่มผลักดันเขาเข้าวงการ

ภาคินเริ่มแสดงละครเรื่องแรกในฐานะพระรองตอนเขาอยู่ปีสามและตอนนั้นรศิตากำลังเรียนปีสี่ซึ่งผลงานเรื่องแรกทำให้เขาเริ่มมีชื่อเสียง บทพระรองที่เขาแสดงแย่งซีนพระเอกจนได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างล้นหลาม ทางผู้จัดจึงผลักดันเขาขึ้นเป็นพระเอกโดยให้ประกบคู่กับนางเอกใหม่อย่างมุกตาภา

‘365 วัน…ฉันกลับมาเพื่อเอาคืน’ คือละครเรื่องแรกที่ภาคินขึ้นแท่นเป็นพระเอกเต็มตัวซึ่งตอนนั้นเขากำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่สี่ ส่วนรศิตาเรียนจบแล้ว และได้ทำงานในบริษัทออร์แกไนเซอร์แห่งหนึ่ง

ถึงแม้ละครเรื่องดังกล่าวจะค่อนข้างเป็นละคร ‘จานด่วน’ แต่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะประสบความสำเร็จจนส่งให้ทั้งภาคินกับมุกตาภากลายเป็นพระเอกนางเอกดังระดับซุป’ตาร์เลยทีเดียว

ทั้งสองคนมีงานคู่กันตามมามากมาย เพราะกระแสคู่จิ้นจากละครเพียงเรื่องเดียวช่วยต่อยอดงานได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นงานอีเวนต์ งานโฆษณา งานถ่ายแบบ และงานสัมภาษณ์ในรายการต่างๆ เพราะภาคินไม่เคยบอกใครว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว แต่ไม่ถึงหนึ่งปีต่อมา…รศิตาก็ตั้งท้องน้องภู

ภาคินค่อนข้างหัวเสียเพราะเขายังไม่อยากมีลูกในตอนที่เพิ่งเรียนจบและอายุแค่ยี่สิบสองปีเท่านั้น แต่เขาก็พลาดเองที่ประมาทมีอะไรกับรศิตาโดยไม่ได้ป้องกันครั้งหนึ่ง และเธอก็ไม่ได้กินยาคุมฉุกเฉิน

ภาคินอยากให้รศิตาเอาเด็กออก แต่เธอยืนยันว่าจะเก็บลูกเอาไว้ และนั่นคือจุดที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเริ่มแตกร้าว เพราะหลังจากนั้นภาคินก็มีเวลาให้รศิตาน้อยลง เขาเอาแต่ทำงาน และให้เวลากับคู่จิ้นอย่างมุกตาภาโดยอ้างว่ากระแสของทั้งคู่กำลังมาแรง น้ำขึ้นก็ต้องรีบตักตวงเอาไว้

รศิตาค่อนข้างหวั่นใจกับกระแสของภาคินกับมุกตาภา ทว่าภาคินก็บอกเธอว่าภาพที่เห็นในข่าวหรืออีเวนต์ต่างๆ เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น มุกตาภาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับรศิตา อีกฝ่ายรับรู้อยู่แล้วว่าเขาคบเธอ และคนระดับมุกตาภาไม่มีทางแย่งแฟนใคร แต่ที่ทั้งสองต้องทำทีเหมือนชอบพอกันเพราะมีแฟนคลับชอบ และพอแฟนคลับคิดว่าทั้งสองกำลังแอบคบหากันก็จะทำให้ได้ทั้งกระแสข่าวทั้งงานอีเวนต์

ออร์แกไนเซอร์สาวพยายามเชื่อตามที่คนรักพร่ำบอก แต่ความเชื่อใจก็ลดน้อยลงเมื่อฝ่ายชายขอย้ายไปอยู่ที่คอนโดฯ ตามลำพังโดยให้เหตุผลว่าอยากโฟกัสกับการทำงาน แล้วการอยู่ร่วมบ้านกับเธอจะทำให้เป็นข่าว เพราะตอนนี้เขากำลังโด่งดัง หากมีนักข่าวรู้ว่าเขาแอบซุกเมียเอาไว้อนาคตพระเอกอย่างเขาต้องพังแน่ๆ ในตอนนั้นรศิตาไม่เห็นด้วยเลย เพราะเธอท้องใกล้คลอดแล้ว แต่เขาก็ยังยืนยันว่าจะไป

กระทั่งในวันคลอดรศิตาอยากให้ภาคินมาอยู่ด้วย แต่เขาอ้างว่าติดถ่ายละครที่ต่างจังหวัดจนมาไม่ได้ทำให้เธอต้องไปที่โรงพยาบาลคนเดียว

ยังดีที่ธรณินมาอยู่เป็นเพื่อนและคอยให้กำลังใจ ไม่อย่างนั้นสภาพจิตใจของเธอคงย่ำแย่ แต่พอผ่านคืนนั้นมาได้เธอก็ต้องช็อกหนักเมื่อเห็นข่าวภาคินขอมุกตาภาหมั้นกลางกองถ่าย

หัวใจของรศิตาถูกขยี้จนแหลกสลาย ความเชื่อมั่นที่มีต่อภาคินแทบไม่เหลือแล้ว ส่วนธรณินโกรธจนตามไปด่าภาคินถึงคอนโดฯ ส่วนตัวของเขา และทำให้เขาโกรธมากจนมาลงกับรศิตา

ในตอนนั้นสภาพจิตใจของรศิตาแย่มาก เพราะทั้งผลพวงจากภาวะหลังคลอด ทั้งต้องดูแลลูกคนเดียว ทั้งข่าวหมั้นของภาคินกับมุกตาภา และเขายังมาต่อว่าเธอที่ปล่อยให้ธรณินไปวุ่นวายกับชีวิตเขาอีก เธอขอคำอธิบายจากเขาว่าข่าวหมั้นคืออะไร เขาบอกแค่เพียงว่าเป็นการสร้างกระแสเท่านั้น

นั่นเป็นอีกครั้งที่รศิตายอมเชื่อเพราะยังตัดใจจากเขาไม่ได้…

ก่อนหน้านี้ธรณินเก็บความไม่พอใจที่มีต่อภาคินเอาไว้มาตลอด แม้จะต้องเห็นเพื่อนเสียใจ ร้องไห้ จิตใจย่ำแย่ และใบหน้ามีแต่ความหม่นหมองแทบจะทุกวัน แต่หลังจากที่ภาคินขอมุกตาภาหมั้นหมายนี่แหละที่เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป เพราะคิดว่านั่นไม่ใช่แค่การสร้างกระแสหรือทำเพื่องานแน่ๆ

รศิตาเองก็รู้ว่าธรณินโกรธแค่ไหนที่ผู้ชายคนนั้นทำร้ายจิตใจเธอ นับตั้งแต่รศิตาตั้งท้องน้องภู เธอมีคนรักก็เหมือนไม่มี มีสามีก็ไม่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระใดๆ

เธอต้องไปฝากท้องคนเดียว ไปโรงพยาบาลคนเดียว ดูแลตัวเองคนเดียว และทำอะไรคนเดียวเสมอ แม้จะมีธรณินคอยอยู่ข้างๆ และมีแม่บ้านคอยดูแล แต่หลายครั้งเธอก็อดที่จะรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนอยู่คนเดียวไม่ได้ เพราะภาคินแทบจะไม่เหลียวแลครอบครัวเลย

แม้กระทั่งน้องภูลืมตาออกมาดูโลก เขาก็ไม่ได้สนใจเธอกับลูก!

ระยะหลังๆ ธรณินจึงออกปากให้รศิตาตัดใจจากภาคิน อีกทั้งยังด่าทอว่าเขาสารเลวแค่ไหนที่ไร้ความรับผิดชอบจนแทบจะไม่มาหาลูก เดือนหนึ่งจะแวะมาแค่สองถึงสามครั้ง เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ถ้าไม่ขอก็ไม่คิดจะให้จนกลายเป็นว่ารศิตาต้องดูแลค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการคลอดลูกและดูแลลูกเพียงลำพัง

‘เขาถีบหัวส่งแกแล้วศิ ตัดใจจากผู้ชายสันดานแมงดาพรรค์นั้นแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะ คิดซะว่าที่ผ่านมาเสียค่าโง่ ถึงแกจะมีลูกแล้วแต่สมัยนี้ผู้ชายดีๆ เขาก็ไม่แคร์หรอก ถ้าแกตัดใจได้ อีกไม่นานแกก็จะเจอคนใหม่ ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเก่งและรักแฟนอย่างแกหาผู้ชายดีๆ ได้ไม่ยากหรอก แกเชื่อฉัน’

ธรณินทั้งปลอบทั้งดุเมื่อเห็นรศิตาแอบร้องไห้เพราะเห็นข่าวภาคินกับมุกตาภาประกาศจะแต่งงานกัน หลายครั้งเธอพยายามตัดใจอย่างที่เพื่อนแนะนำ แต่สุดท้ายก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้อยู่ดี

รศิตารู้ว่าถ้าใครรับรู้เรื่องนี้คงจะด่าว่าเธอโง่งม และด่าว่าที่เธอเจ็บก็เพราะจมปลักอยู่กับภาคินเอง แต่ถ้าใครไม่เจออย่างเธอก็คงไม่รู้ว่าการตัดใจมันทำได้ยากที่สุดโดยเฉพาะเมื่อเธอมีลูกกับเขาแล้ว

‘ผมแต่งงานกับตาก็ไม่ใช่ว่าผมจะทิ้งคุณกับลูก’

ภาคินบอกเธออย่างนั้นหลังจากที่เธอโทรไปถามเขาเมื่อเห็นข่าวที่เขาประกาศแต่งงานกับมุกตาภาโดยไม่ปรึกษาหรือบอกเธอสักคำ น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่พอใจและแค่อธิบายให้มันจบๆ ไปเท่านั้น

‘มันหมายความว่าคุณจะจริงจังกับผู้หญิงคนนั้นแล้วใช่มั้ย ไหนคุณบอกว่าที่ผ่านมามันเป็นแค่เรื่องงานไง แล้วคุณจะไปแต่งงานกับยายตาแบบนั้น คุณเอาฉันกับลูกไปไว้ที่ไหน!’

รศิตาจำได้ว่าเธอร้องไห้สะอึกสะอื้นและตะโกนใส่โทรศัพท์มือถืออย่างทนไม่ไหว เพราะที่ผ่านมาเธอพยายามอดทนมาตลอด

หลายครั้งที่เธอพูดถึงปัญหาและถามภาคินเพื่อให้หายข้องใจ เขาก็มักจะโยนความผิดมาให้เธอว่าชอบหาเรื่องชวนทะเลาะทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาทำงานหนักเพื่อครอบครัว สุดท้ายเธอก็ทำได้แค่อดทน สงบปากสงบคำ อีกทั้งยังเก็บความเจ็บช้ำ ความกังวล และความเสียใจเอาไว้คนเดียว

หญิงสาวต้องนอนร้องไห้แทบทุกคืน ในขณะที่ภาคินไปออกงานกับนางเอกคู่ใจและใช้ชีวิตกับนางเอกคนนั้นอย่างมีความสุขเหมือนไม่มีเธอกับลูกอยู่ในชีวิต และทั้งสองคนอยู่กันคนละโลก

“แด๊ดดี้ไม่รักหม่ามี้กับน้องภูแล้วเหรอฮะ”

ลูกชายตัวน้อยถามต่อเมื่อผู้เป็นแม่ไม่ตอบคำถามเลยสักคำ

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะ”

รศิตาฝืนยิ้ม เธอกล้ำกลืนน้ำตาบอกปัดกับลูกชายเพราะไม่อยากให้แกเสียใจเหมือนที่เธอกำลังรู้สึก แต่ธรณินรู้ว่าภายใต้รอยยิ้มอ่อนหวานนี้มีแต่ความเจ็บช้ำและน้ำตาที่หลั่งอยู่ข้างใน

“คุณภาคินมาค่ะ”

แม่บ้านเข้ามาบอกขณะที่รศิตากำลังปลอบใจลูกชายทำให้หญิงสาวต้องมองไปทางธรณินด้วยความกังวล แล้วไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็นึกขึ้นได้ว่าสาเหตุที่ทำให้เขามาที่นี่คงไม่พ้นเรื่องข่าวนั่น!

ภาคินทำทีเป็นโพสต์อินสตาแกรมโชว์ความหวานกับภรรยาใหม่เหมือนไม่แคร์สื่อ แต่ความจริงในใจเขาคงร้อนรุ่มราวกับถูกสุมไฟ เขาถึงต้องแวะมาหาเธอทั้งๆ ที่เพิ่งแต่งงานไปเมื่อวาน

“แด๊ดดี้!”

น้องภูผละจากอ้อมกอดแม่โผเข้าไปหาผู้เป็นพ่อที่ไม่ได้เจอหน้ามาเกือบเดือน

แกหวังให้อีกฝ่ายก้มลงมากอดหรืออุ้มแกเหมือนทุกครั้ง แต่ภาคินก็ทำแค่ก้มมาลูบผมแล้วปัดมือแกออกไปไม่ให้เกาะแกะเขา เพราะสาเหตุที่เขามาบ้านหลังนี้ก็เพื่อเคลียร์กับรศิตาเรื่องข่าว

เขาไม่ได้จะมาหาลูก…

“แด๊ดดี้มีเรื่องจะคุยกับหม่ามี้ น้องภูขึ้นห้องไปก่อนนะ” เขาบอกอย่างรำคาญ

“แต่น้องภูอยากคุยกับแด๊ดดี้ น้องภูไม่เจอแด๊ดดี้ตั้งนาน”

“ไว้ค่อยคุยนะ ให้แด๊ดดี้คุยกับหม่ามี้ก่อน”

“แต่…”

“น้องภู!”

ภาคินบอกเสียงดุจนรศิตาต้องรีบเข้าไปดึงมือลูกออกมาเพราะกลัวว่าเขาจะหมดความอดทนแล้วตวาดใส่ลูกแรงๆ วันนี้น้องภูเพิ่งจะเสียขวัญมา เธอไม่อยากให้ลูกถูกดุจนสภาพจิตใจย่ำแย่

“แด๊ดดี้กลับมาเหนื่อยๆ น้องภูอย่าเพิ่งกวนแด๊ดดี้ดีกว่านะคะ” เธอบอกอย่างใจเย็น

“น้องภูขึ้นไปวาดรูปบนห้องต่อดีกว่า ถ้าวาดรูปสวยแด๊ดดี้อาจจะมีรางวัลให้น้องภูนะ” ธรณินช่วยพูด ก่อนจะทำใจเย็นหันไปทางภาคินเพื่อบอกให้เขาเออออไปกับเธอ “ใช่มั้ยภาคิน”

“ใช่…น้องภูไปวาดรูปให้เสร็จแล้วเอามาให้แด๊ดดี้ดูนะ”

“แต่พอน้องภูลงมาแด๊ดดี้ก็จะกลับไปแล้ว”

เด็กน้อยบอกอย่างรู้ทัน เพราะมีหลายครั้งที่ภาคินแวะมาคุยกับรศิตา เขาบอกให้แกขึ้นไปรอบนห้อง แต่พอแกลงมาจากห้อง เขาก็กลับไปก่อน

ธรณินได้ฟังก็ยิ่งโกรธภาคินที่ปลูกฝังเรื่องแย่ๆ ให้ลูกโดยไม่รู้ตัว เขาไม่คิดบ้างหรือไงว่าการผิดสัญญาหรือผิดคำพูดกับลูกจะทำให้ลูกมีปมในใจ และอาจจะโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่รักษาคำพูดเช่นกัน

“อย่าดื้อน่ะภู” ภาคินบอกเสียงดุ “ถ้าเราดื้อแบบนี้แด๊ดดี้จะไม่มาหาอีกแล้วนะ”

“แต่ว่า…”

“ทำไมเป็นเด็กพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้!”

เสียงของภาคินดุขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาคมกริบมองหน้าลูกน้อยอย่างน่ากลัวจนทำให้น้องภูยอมเงียบ แววตาเด็กน้อยเต็มไปด้วยความเสียใจจนธรณินสงสาร

“เดือนพาน้องภูขึ้นห้องไปก่อนไป”

รศิตาออกปากเพราะกลัวว่าลูกจะถูกดุอีก น้องภูเห็นพ่อมองด้วยสายตาเอาเรื่องก็ไม่กล้างอแงอีกต่อไป ผู้ใหญ่ทั้งสามยืนรอจนเดือนพาน้องภูไปเก็บอุปกรณ์วาดรูปในห้องนั่งเล่นแล้วขึ้นห้อง

“งั้นฉันกลับก่อนนะ แกจะได้คุยกับผัวแกอย่างเป็นส่วนตัว”

ธรณินขอตัวกลับเพราะคิดว่าภาคินกับรศิตาคงจะอยากคุยกันตามประสาผัวเมีย แม้ว่าเธออยากจะอยู่ด่าภาคินแค่ไหนก็ตาม

“จะไปไหนล่ะ!”

ภาคินก้าวออกมาขวาง ไหนๆ ก็เจอตัวแล้ว เขาก็อยากจะเคลียร์กับเธอเหมือนกัน

“กลัวผมจะต่อว่าเหรอถึงได้รีบหนีกลับไปทั้งๆ ที่สร้างเรื่องเดือดร้อนให้ผมขนาดนั้น”

“คนอย่างฉันน่ะเหรอจะกลัวนาย”

พออีกฝ่ายเปิดศึกก่อน ธรณินที่ในใจกำลังเดือดดาลก็สนองตอบทันที

“ที่ฉันขอกลับก่อนก็เพราะไม่อยากให้นายพูดได้ว่าฉันยุ่งเรื่องครอบครัวของนายเกินไปต่างหาก”

“คุณยุให้ศิเลิกกับผมทุกวันยังกล้าพูดอีกเหรอว่าไม่ได้ยุ่งเรื่องภายในครอบครัวเรา”

ภาคินแค่นหัวเราะอย่างประชดประชัน

“แล้วที่คุณไปแฉผมกับตาปาวๆ ในงานแต่งแบบนั้นมันก็ยิ่งกว่า ‘เข้ามายุ่ง’ ซะอีก ถ้าว่างมากก็เอาเวลาไปหาผัวซะนะ จะได้ไม่ประสาทแดกมายุ่งเรื่องในมุ้งของคนอื่นเขา!”

“หาผัวน่ะมันหาไม่ยากหรอก แต่ฉันไม่อยากรีบจนได้ผัวเฮงซวยแบบนาย!” ธรณินตอกกลับไปอย่างถึงพริกถึงขิง “และฉันก็ไม่ได้อยากจะยุ่งหรอกถ้านายไม่ได้ทำเลวระยำกับเพื่อนฉันเอาไว้ นายมันคนเห็นแก่ตัว แม้แต่ลูกยังไม่คิดจะดูดำดูดี ถ้ารับผิดชอบลูกไม่ได้ก็ปล่อยยายศิไปสักทีสิ จะกั๊กยายศิไว้ทำไม!”

“ถามเพื่อนคุณก่อนนะว่าพร้อมจะเลิกกับผมหรือเปล่า ทุกวันนี้ที่ผมทนอยู่ก็เพราะใคร!”

ธรณินถึงกับเถียงไม่ออกเมื่อภาคินตอกกลับมาอย่างไม่แยแสความรู้สึกของรศิตาเลยสักนิด เธออยากจะด่าเขาแต่ก็กลัวว่าคำพูดที่เขางัดมาตอกกลับเธอจะยิ่งทำให้เพื่อนเสียใจ

“พอเถอะแซนด์…”

รศิตากล้ำกลืนน้ำตาบอกกับเพื่อน

“เขาพูดถึงขนาดนี้แล้วแกจะทนต่อไปทำไม!”

ธรณินถามอย่างเหลืออดเหลือทน เธอคิดว่าการที่ภาคินหนีไปแต่งงานกับมุกตาภาจะทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของรศิตาขาดลง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นแบบนั้น

ผู้ชายคนนี้เลวไม่มีที่ติ เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมรศิตาถึงยังรักเขาอยู่ได้!

“ฉันแค่พยายามรักษาครอบครัวเอาไว้ น้องภูต้องมีพ่อนะแซนด์”

“มีพ่อแบบนี้สู้ไม่มีซะยังจะดีกว่า” ธรณินอยากให้เพื่อนตาสว่างสักที “แกคิดว่าที่แกทนเจ็บปวดอยู่คนเดียวมันจะมีประโยชน์งั้นเหรอ ถึงน้องภูจะไม่รู้ว่าแกมีปัญหากับเขา แต่น้องภูก็ต้องสัมผัสอารมณ์ของแกได้ แล้วแกคิดว่าสภาพจิตใจลูกจะเป็นยังไง ถ้าลูกรู้สึกได้ว่าแม่ต้องอมทุกข์อยู่ทุกวันแบบนี้”

รศิตาเถียงไม่ออก เธอได้แต่แอบปาดน้ำตาที่กำลังรินไหลลงมาเงียบๆ เพราะธรณินพูดถูกทุกอย่าง มันไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ เพียงแต่ว่าเธอแค่ไม่ได้พูดมันออกมา และยังทำใจยอมรับมันไม่ได้

“ความจริงแกไม่ได้พยายามรักษาครอบครัวเอาไว้หรอกศิ แกแค่ยังทำใจเลิกกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทั้งๆ ที่เขาทำร้ายจิตใจแก และไม่ได้เห็นแกกับลูกมีตัวตนในชีวิตเขาเลย”

“หยุดพล่ามได้แล้ว! ทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกนี่มีความสุขมากหรือไง” ภาคินทนฟังไม่ได้ เขาตรงเข้าไปกระชากแขนธรณินเพื่อให้เธอหยุดเป่าหูรศิตา แต่เธอก็สะบัดมือเขาทิ้ง

“ผู้ชายคนนี้ไม่เคยรักแกเลย”

ธรณินยังพูดกับรศิตาเหมือนไม่เห็นหัวภาคิน

“เมื่อก่อนที่เขาดีกับแกก็เพราะแค่มีคนให้เกาะ พอเขาโด่งดังแล้วสันดานชั่วก็ออกมาอย่างที่เห็น เขาทิ้งแกทิ้งลูกไปแต่งงานใหม่เพราะผู้หญิงคนใหม่ทั้งสวยกว่าแก ดังกว่าแก และทำให้เขามีงานมีเงินมากกว่าแก สักวันถ้าเขามีลูกกับผู้หญิงคนนั้น เขาจะยิ่งไม่เห็นค่าของแกกับลูก ตาสว่างสักทีเถอะศิ!”

“คุณนั่นแหละหุบปากสักที! เรื่องของตัวเองก็ไม่ใช่ เสนอหน้าอยู่ได้ ตัวเองไม่มีผัว ขึ้นคานคนเดียวไม่พอ ยังมีหน้ามายุให้เพื่อนเลิกกับผัวด้วย คนที่เลวมันคือคุณมากกว่ามั้ง!”

ภาคินด่าอย่างทนไม่ไหว เขาหันไปกระชากแขนรศิตาบ้าง เขาอาจจะทำอะไรธรณินไม่ได้ แต่เขาทำกับรศิตาได้ และคำพูดของรศิตานี่แหละที่จะมีผลกับความรู้สึกของธรณิน

“ศิ! บอกเพื่อนคุณเดี๋ยวนี้ว่าให้เลิกยุ่งเรื่องของเรา ไม่อย่างนั้นผมจะไม่สนใจคุณกับลูกอีกต่อไป” ภาคินยื่นคำขาด ประโยคนั้นทำให้รศิตาถึงกับมองเขาด้วยสายตาเจ็บปวดร้าวลึก

เธอรู้ว่าเขากำลังท้าให้เธอเลือกระหว่างเขากับเพื่อนรักอย่างธรณิน

“รู้บ้างมั้ยว่าที่เพื่อนคุณไปอาละวาดในงานแต่งผมมันทำให้ผมเสียหายแค่ไหน ผมถูกแคนเซิลงานอีเวนต์ ถูกพักงานละคร และถูกถอดจากพรีเซ็นเตอร์โฆษณา จนป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะแก้ข่าวยังไง”

“มันก็สมควรแล้วนี่!” ธรณินอยากให้ภาคินหันกลับไปมองตัวเองบ้างว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญขณะนี้มาจากการกระทำเลวๆ ของตน “ที่ผ่านมาผู้ชายอย่างนายได้ดีเกินไปแล้วด้วยซ้ำ ที่สำคัญนะ…เจอแค่นี้มันยังน้อยเกินไปกับสิ่งที่นายทำกับยายศิและน้องภู ความจริงฉันอยากจะเหยียบนายให้จมดินกว่านี้อีก!”

“พอสักทีได้มั้ยแซนด์!”

รศิตาตวาดเมื่อเพื่อนรักระเบิดอารมณ์ใส่คนรักของเธอโดยไม่มีทีท่าว่าจะยอมลงง่ายๆ แล้วทั้งสองคนก็จะสาดคำพูดเผ็ดร้อนใส่กันโดยไม่สนใจความรู้สึกของคนกลางอย่างเธอเลย

“ฉันเคยบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าพูดเรื่องฉันกับภาคินอีก”

รศิตากลั้นใจพูดต่อเพราะยังไม่อยากให้ภาคินกลับไป เธออยากคุยกับเขาให้รู้เรื่องก่อน เพราะเรื่องระหว่างเขากับเธอมันเดินมาถึงปากเหวแล้ว เธอเข้าใจว่าธรณินปกป้องเธอ เป็นห่วงเธอ และการที่เธอพูดแบบนี้จะทำให้อีกฝ่ายเสียใจ แต่การที่ธรณินเข้ามายุ่งมากๆ มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น

“ฉันเข้าใจว่าแกทำเพื่อปกป้องฉันกับน้องภู แต่…ให้ฉันจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเถอะ ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ของฉันกับภาคินมันก็แย่มากพออยู่แล้ว แกอย่ามาทำให้ทุกอย่างมันแย่ไปมากกว่านี้เลย”

“ฉันเหรอที่ทำให้ความสัมพันธ์ของแกสองคนแย่ลง”

ธรณินชี้ที่ตัวเอง เธอกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอ หญิงสาวทั้งอึ้งทั้งเสียใจ เพราะไม่คิดเลยว่ารศิตาจะพูดกับเธอแบบนี้ อีกทั้งยังไล่เธอต่อหน้าผู้ชายอย่างภาคินด้วย

เธอยอมเอาชื่อเสียงของตัวเองไปเสี่ยงเพื่อปกป้องรศิตา แต่อีกฝ่ายกลับมองไม่เห็นเลย…

“จบนะ”

ภาคินเลิกคิ้วมองธรณินอย่างผู้ชนะ เหมือนจะบอกเธอว่าต่อให้เธอจะเป็นเพื่อนที่รักและทำดีกับรศิตามากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่มีทางมีความหมายกับรศิตาเหนือผู้ชายที่เป็นสามีอย่างเขา

ต่อให้เขาจะเลว แต่สุดท้ายรศิตาก็เลือกเขาอยู่ดี!

“กลับไปเถอะแซนด์ ให้ฉันเคลียร์กับภาคินเองดีกว่า”

วินาทีนี้ธรณินรู้สึกไม่ต่างจากการถูกรศิตาตบหน้า อีกฝ่ายเลือกภาคินและออกปากไล่เธอ นั่นก็แสดงว่ารศิตาคงคิดไม่ต่างจากภาคินว่าเธอคือคนที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลง และหากวันหนึ่งภาคินไม่มาหาลูกอีก นั่นไม่ได้หมายความว่าภาคินเลว แต่เป็นเพราะเธอต่างหากที่ทำลายครอบครัวนี้

“ฉันขอโทษด้วยแล้วกันที่ยุ่งเรื่องของแกมากเกินไป”

ธรณินพยายามบอกตัวเองให้เข้มแข็งแล้วกลั้นใจบอกลาเพื่อนรักก่อนที่เธอจะเดินออกมา แล้วไม่กี่วินาทีต่อมาน้ำตาก็หยดลงทั้งๆ ที่เธอไม่ใช่ผู้หญิงเจ้าน้ำตา แต่ตอนนี้เธอเจ็บปวดจริงๆ

สิ่งที่เธอทำลงไปไม่ได้มีความหมายในสายตาของรศิตาเลย

ไม่มี…

 

ติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 7

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: