X
    Categories: Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธานWith Loveทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน บทที่ 3

หน้าที่แล้ว1 of 7

chapter 03

ฉันต้องการเพียงเธอ

เรื่องทุกอย่างถูกจัดการอย่างชัดเจนเรียบร้อยแล้ว ฮารีตอบยองซอไปด้วยความมั่นใจ แม้จะยังมีความกังวลอยู่บ้างก็ตาม แต่ในที่สุดเธอก็เลือกที่จะสรุปแบบนั้น เพราะหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น เธอก็ไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรอีกเลย

แต่ในระหว่างที่ฮารีคิดแบบนั้นและกำลังใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกครั้ง

“ที่อยู่บริษัทของคุณจินยองซอที่ท่านขอมาครับ”

เมื่อซองฮุนยื่นแฟ้มให้ แทมูก็หยิบกระดาษพริ้นต์ออกมาจากแฟ้ม

“แทรยุง?”

ผิดคาดที่จินยองซอไม่ได้ทำงานที่ยองจินบริษัทของพ่อเธอ แต่กลับอยู่ที่แทรยุงซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่ง

“นี่มันงานอดิเรกประเภทไหนกัน”

“ดูเหมือนจะเป็นงานอดิเรกที่แย่มากนะครับ”

ซองฮุนไม่ชอบความรู้สึกแรกที่ได้พบฮารี เขาไม่ชอบเธอโดยที่ไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่ยองซอ แต่เป็นแค่เพื่อนของยองซอเท่านั้น

“ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เนื้อคู่กันนะครับ ทำไมท่านถึงกับต้องไปหาเธอที่บริษัทด้วยล่ะครับ”

“ใครบอกว่าไม่ใช่เนื้อคู่”

“ท่านถูกปฏิเสธไม่ใช่เหรอครับ”

แทมูหรี่ตามอง

“หัวหน้าชา”

“ครับ”

“คุณเคยพูดเรื่องพรหมลิขิตใช่หรือเปล่า”

“ครับ?”

ซองฮุนรู้สึกไม่คุ้นหูเมื่อยินคำว่าพรหมลิขิตจากปากของแทมู มันทำให้เขาขนลุกไปทั้งตัว

“วันนั้นคุณบอกว่าถ้าผู้หญิงคนนั้นรอผมอยู่ มันก็อาจจะเป็นพรหมลิขิตใช่ไหม”

“ใช่ครับ ผมพูดแบบนั้น”

ผมแค่พูดไปเฉยๆ เท่านั้น แต่ท่านประธานคงจะเลือกฟังแต่สิ่งที่อยากฟังและจำแต่สิ่งที่อยากจำเพื่อให้ได้ดั่งใจตัวเองสินะ

“ผู้หญิงคนนั้นรอผมอยู่ แล้วผมก็ขอโทษเธอที่ผมกลับไปช้า”

ซองฮุนกะพริบตาปริบๆ

“แล้ว…ยังไงเหรอครับ”

อย่าบอกนะว่าคำว่าพรหมลิขิตจะออกมาจากปากของแทมู

“ผมก็เลยคิดว่าจะรอเธอบ้าง”

“…ครับ?”

“รอให้เธอมาหาผมอีกครั้ง”

คังแทมูบอกว่าจะรองั้นเหรอ…?

มุมปากของแทมูยกขึ้นข้างหนึ่งราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง มันเป็นรอยยิ้มที่ถ้าผู้หญิงคนนั้นมาเห็นเข้าคงจะต้องขนลุกซู่แน่นอน ซองฮุนเอ่ยถามด้วยความกังวล

“ไปนัดบอดใหม่อีกครั้งดีไหมครับ”

แทมูมองซองฮุนอย่างไม่พอใจ

“หัวหน้าชา”

“ครับ ท่านประธาน”

“ต้องให้ผมพูดอีกกี่ครั้งว่าผมจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้”

ถ้าคุณให้ผมต้องพูดอีกครั้งและทำให้ผมเสียเวลาล่ะก็ ผมจะไล่คุณออก แทมูจ้องซองฮุนเขม็งด้วยสายตาแบบนั้น

“ขอโทษครับ งั้นจะไปเจอเธอเมื่อไรดีครับ”

“ไม่รู้สิ”

แทมูพลิกเอกสารดูอีกครั้งเพื่อคำนวณเวลาที่จะเอาตัวเองออกไปจากเอกสารนั้นให้ได้ แต่สีหน้าเคร่งเครียดขนาดนั้นแสดงว่ายังหาคำตอบไม่ได้แน่ๆ คนที่งานยุ่งขนาดนั้น แต่กลับคิดเรื่องแต่งงานเนี่ยนะ ซองฮุนกระเดาะลิ้นในใจและก้มศีรษะลง

“เชิญทำงานต่อนะครับ”

แต่จู่ๆ แทมูก็เงยหน้าขึ้นมองซองฮุนที่กำลังจะเดินออกไปจากห้อง สายตาคู่นั้นทำให้ซองฮุนหยุดยืนตัวแข็งทื่อ

“มีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่าครับ”

“ตารางงานตอนเย็นมีอะไรบ้าง”

“ถ้าจะถามว่ายกเลิกได้ไหม ผมคิดว่าคงลำบากครับ เพราะวันนี้ท่านมีประชุมวางแผนกับคณะผู้บริหาร เพื่อเตรียมมีตติ้งกับทางฝ่ายญี่ปุ่นในวันพรุ่งนี้ครับ”

“นั่นมันตารางของผม”

“ถ้างั้น…หมายถึงของผมเหรอครับ”

แทมูพยักหน้า

“ระหว่างที่ผมประชุม คุณต้องไปทำธุระให้ผม”

“ที่ไหนเหรอครับ”

“บริษัทของคุณจินยองซอ”

“ครับ?”

“ไปพาคุณจินยองซอมาหน่อย”

แทมูพูดเหมือนกำลังสั่งไก่ทอด

“ขอเร็วหน่อยนะ”

 

“ครับ เราจะรีบจัดส่งให้นะครับ”

ฮามินรีบวางสาย ร้านไก่ทอดเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากที่ไม่มีลูกค้าสั่งมาพักหนึ่ง

“วันนี้มีไปส่งอาหารให้ลูกค้าด้วยสินะ”

เมื่อเห็นว่ารถสกู๊ตเตอร์ส่งของไม่ได้จอดอยู่ ฮารีก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข ในขณะที่ฮามินทำหน้าตาดีใจ

“เลิกงานช้าจัง เพิ่งจะเลิกงานเหรอ”

“อื้ม แต่ทำไมนายถึงอยู่ตรงนี้ล่ะ แล้วใครไปส่งอาหารเหรอ”

“ผมเรียกกองหนุนมาน่ะ”

“กองหนุน? ใครกัน”

“ฮารีกลับมาแล้วเหรอ”

จูยงพ่อของฮารีโผล่หน้าออกมาจากในครัว จูยงยิ้มหน้าบานแฉ่งในแบบที่ไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว ฮารีจึงยิ้มกว้างเช่นกัน

“จ้ะพ่อ หนูกลับมาแล้ว แม่จ๋า หนูกลับมาแล้ว”

ฮารีเดินเข้าไปในห้องครัว เสียงทอดไก่ช่างไพเราะเหลือเกิน

“อื้ม มาๆ ยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่ไหม เดี๋ยวแม่ทำอันนี้เสร็จแล้วจะทอดไก่ให้กินนะ”

“ไม่ต้องหรอกแม่ ไม่เป็นไร ตอนเลิกงานหนูกินโน่นกินนี่กับเพื่อนพนักงานมาแล้ว ว่าแต่วันนี้ยุ่งเหมือนกันนะเนี่ย”

“ก็วันนี้มีแข่งฟุตบอลไง”

“อ๋อ แข่งทีมชาติรอบคัดเลือก วันนี้เป็นนัดสำคัญใช่ไหม”

“ใช่ เพราะอย่างนี้ถึงได้มีคนสั่งหลังจากเงียบเหงามานาน”

“โล่งอกไปทีน้า”

ทั้งสามยิ้มพร้อมกัน

“หืม? นั่นอะไรน่ะ”

ฮารีชี้ไปที่กระถางต้นไม้ที่แขวนอยู่บนชั้นติดผนัง กระถางต้นไม้นั่นมีใบไม้ห้อยลงมาและแขวนเอาไว้อย่างน่าหวาดเสียว เธอไม่เคยเห็นมันมาก่อน

“อ๋อ มีคนให้มาเลยเอาไปแขวนไว้ตรงนั้นก่อนชั่วคราวน่ะ”

“ใครเหรอ”

จากนั้นประตูร้านก็ถูกเปิดออก

“ไปส่งมาเรียบร้อยแล้วครับ”

แค่ได้ยินเสียง หัวใจของฮารีก็หล่นวูบ ดวงตาของเธอเบิกตากว้าง

“อีมินอูเหรอ”

มินอูถอดหมวกกันน็อกและเดินเข้ามาในร้าน แม้มินอูจะไม่โดดเด่นเท่าแทมู แต่ความสูงไม่ต่างกันเท่าไร ผิวสีแทนดูดี ดวงตากลมโต และรูปปากน่ามอง สายตาของฮารีเหลือบไปเห็นรูปร่างหน้าตาที่เพียงแค่ได้เห็นก็มีความสุขแล้ว จึงยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“มินอู ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ล่ะ”

“ฉันทำงานพาร์ตไทม์ที่นี่น่ะ”

“อะไรนะ”

เมื่อเห็นฮารีตกใจ มินอูก็หัวเราะ

“ถ้าพี่ทำงานที่นี่ ผมก็คงจะไม่หวังอะไรอีกแล้ว เพราะสาวๆ คงโทรสั่งให้พี่ไปส่งเยอะแน่ๆ”

“นั่นมันความหวังของนายไม่ใช่เหรอ”

“แหม พี่ก็ ใช่ครับ ความหวังของผมเอง ขอบคุณมากนะครับพี่”

ฮารีขมวดคิ้วมองทั้งสองที่กำลังยิ้มให้กันอย่างสนิทสนม

อย่าบอกนะว่ากองหนุนที่ว่าคือมินอู

มินอูเป็นเพื่อนของเธอก็จริง แต่ด้วยความที่เป็นผู้ชาย เขาจึงมักพูดคุยกับฮามินน้องชายของเธอและติดต่อกันบ่อยๆ จนกลายเป็นพี่ชายน้องชายกันไปแล้ว ด้วยเหตุนี้มินอูจึงมีโอกาสพูดคุยกับพ่อแม่ของเธอไปโดยปริยาย รักข้างเดียวของฮารีจึงกลายเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายหน้ายากเกินกว่าจะสารภาพความในใจออกไปได้

“มินอู นายมาทำอะไรถึงที่นี่เหรอ”

ฮารีพยายามควบคุมสีหน้าตัวเองและเดินไปยืนตรงหน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน

“เลิกงานแล้วเหรอ”

“มาทำอะไรที่นี่เร็วขนาดนี้ แล้วงานที่บริษัทล่ะ”

“วันนี้ฉันลาพักร้อนน่ะ”

“ถ้าลาก็น่าจะพักอยู่ที่บ้านสิ มาทำงานที่นี่ทำไม”

“ฉันไม่สบายใจเรื่องที่เมื่อคราวก่อนที่เราแยกกันแบบนั้นก็เลยอยากมาเจอเธอ แล้วฉันก็ยังไม่ได้มาแสดงความยินดีที่เปิดร้านใหม่เลยนี่นา”

มินอูชี้ไปที่กระถางต้นไม้ที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนชั้น ทั้งที่รู้ดีว่าคำพูดของเขาไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ แต่เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าของฮารีก็รู้สึกวูบวาบ เธอสังเกตท่าทีของฮามินก่อนจะพูดโพล่งออกมา

“นั่นสินะ ถ้านายไม่ได้เห็นหน้าฉันก็คงลงแดงตาย ตายแน่ๆ ฮ่าๆ ขอบคุณสำหรับของขวัญนะ”

ฮามินขมวดคิ้วและพูดกับมินอู

“ทำไมพี่มินอูถึงได้มาคบกับผู้หญิงหลงตัวเองที่ไม่มีอะไรดีเลยทั้งรูปร่างหน้าตาและนิสัยแบบนี้ล่ะ”

“อะไร ทำไมฉันจะไม่มีอะไรดีเลยยะ”

ฮารีหยิบซองออกมาจากกระเป๋า

“พูดแบบนี้กับคนที่มีดีแค่ตรงที่มีค่าเช่าร้านน่ะเหรอ”

“โอ้ คุณพี่สาว!”

เมื่อฮามินทำท่าจะจับซอง ฮารีก็ยิ้มออกมา

“เมื่อกี้พูดว่าไงนะ”

“ผมพูดว่าพี่มีดีทั้งรูปร่างหน้าตาและนิสัยครับ”

“ใช่ไหมล่ะ ต่อไปก็พูดจาให้มันดีๆ หน่อย”

ฮารียื่นซองให้ฮามิน พอเปิดซอง ฮามินก็ถามขึ้นมา

“เบิกเงินเดือนล่วงหน้ามาเหรอ หรือใช้บัตรเครดิตปลอมกู้นอกระบบมา”

“มีวิธีก็แล้วกันน่า”

มหากาพย์การนัดบอดที่แลกมาด้วยเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตา

“ไม่ได้ไปขโมยมาใช่ไหม”

นั่นคือเงินที่ได้มาอย่างสง่าผ่าเผยจากยองซอด้วยการไปนัดบอดกับแทมู ก่อนจะปฏิเสธคำขอแต่งงานของเขาและไม่ยอมรับข้อเสนอในการพบกันครั้งต่อๆ ไป

ไอ้น้องชายคนนี้

เมื่อเห็นฮารีหรี่ตามอง ฮามินก็หัวเราะราวกับหยอกล้อ

“อ้อ แต่คงจะปีนรั้วไม่ไหวใช่มั้ยล่ะ เพราะอืดอาดยืดยาด”

“เดี๋ยวจะโดน!”

ฮามินมองที่มินอูและประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน

“พี่มินอู ช่วยพาพี่สาวผมไปหน่อยนะครับ ก่อนที่ผมจะถูกตีซะก่อน”

“ไปได้เหรอ ยุ่งกันอยู่นี่นา”

“จัดการงานเร่งเสร็จหมดแล้วครับ ฟุตบอลก็จะจบแล้วด้วย แค่พี่มาช่วยก่อนที่พี่ฮารีจะมาก็ขอบคุณมากแล้วครับ”

“เหรอ งั้นเราไปกันเลยไหม”

มินอูดึงแขนฮารี

“เด็กๆ จะไปไหนกันน่ะ กินไก่ทอดก่อนแล้วค่อยไปสิ”

“ไว้คราวหน้านะครับ ขอบคุณมากครับคุณแม่”

เมื่อมินอูกล่าวลาอย่างอ่อนน้อม มีจูแม่ของฮารีก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

“ทำไมมินอูของแม่ถึงได้อ่อนโยนขนาดนี้นะ”

มีจูหันขวับไปมองฮารี

“ชินฮารี แกก็พยายามเข้าหน่อยสิ จะมีผู้ชายแบบมินอูที่ไหนอีก รีบคว้าไว้ให้ได้สิ”

“พะ…พูดอะไรของแม่น่ะ มินอูกับหนูเป็นเพื่อนกันนะ”

“เป็นเพื่อนก็กลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันได้”

“แม่! มินอูมีแฟนแล้วนะ หนูก็มีแล้วด้วย”

ฮารีหลุดปากพูดออกมา ทั้งสี่คนจึงมองเธอเป็นตาเดียวกันพร้อมตั้งคำถามผ่านทางสายตาว่าจริงเหรอ

“ทำไมเหรอ คิดว่าหนูไม่มีหรือไง หนูก็มีผู้ชายที่เจอกันปุ๊บแล้วบอกว่าปิ๊งหนูปั๊บเหมือนกันนะ”

ทันใดนั้นใบหน้าของท่านประธานคังแทมูก็ลอยขึ้นมา เขาเป็นคนที่เธอตั้งใจไว้ว่าจะไม่ไปเจออีก หรือต่อให้เจอกันอีก เขาก็เป็นผู้ชายที่ไม่มีวันกลายมาเป็นผู้ชายของเธอได้

อย่างไรก็ตามนั่นคือเรื่องจริง ฮารีตั้งใจไม่พูดแก้ให้ถูกต้อง เพราะไม่อยากให้ตัวเองดูด้อยค่าต่อหน้ามินอู

“ผู้ชายที่ไหน”

“ใช่ๆ เขาเป็นใคร คนที่บริษัทเหรอ”

“เรื่องนั้นไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะ ไปกันเถอะ มินอู”

ฮารีลากมินอูออกมาข้างนอก

“ให้ตายสิ คนที่บ้านฉันเห็นนายไม่ได้เลย โทษทีนะ”

ฮารีแสร้งพูดแบบไม่ได้คิดอะไรมากและตบไหล่มินอูเบาๆ มินอูจึงคว้าข้อมือของเธอเอาไว้

“ชินฮารี”

“หืม?”

“มีเรื่องอะไรจะบอกหรือเปล่า”

“เรื่องอะไรเหรอ”

“เรื่องแฟนไง มีแฟนตั้งแต่เมื่อไร”

“อ๊ะ? เรื่องนั้น…เพิ่งไม่นานนี้เอง”

แม้เรื่องราวจะจบลงทันทีที่เจอกันก็ตาม

แต่จะให้พูดตามความจริงก็รู้สึกเสียศักดิ์ศรี ฮารีจึงไม่กล้าพูดออกไปว่าไม่เป็นความจริง

“คุณฮเยจีสบายดีไหม ฉันยังรู้สึกผิดอยู่เลยที่วันนั้นออกไปโดยไม่ล่ำลาให้เป็นกิจจะลักษณะ”

ฮารีพยายามรีบเปลี่ยนเรื่อง แต่ดันไปเอาเรื่องแฟนของมินอูขึ้นมาพูด

“สบายดี ฮเยจีน้อยใจมากเลยนะที่วันนั้นเธอออกไปแบบนั้น เอาไว้ค่อยเจอกันใหม่ก็แล้วกัน”

“หืม? อ้อ ได้สิ…”

“ตอนนั้นเธอพาแฟนมาด้วยสิ”

“ฮะ? อื้ม…”

แฟนของฉันน่ะ ตอนนี้เขาทำอะไรอยู่ที่ไหนกันนะ

 

ยองซอยืนมองด้วยสายตาหวาดระแวง ทันทีที่เธอเดินออกมาจากบริษัทก็มีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ดูดีในชุดสูทมายืนขวางหน้าเธอเอาไว้

“คุณจิน…ยองซอใช่ไหมครับ”

“ค่ะ…ฉันจินยองซอค่ะ”

ซองฮุนมองเธออย่างไม่ละสายตา ถ้าลบเครื่องสำอางออกแล้ว หน้าตาเป็นแบบนี้เองเหรอ ซองฮุนไม่เข้าใจเลยว่าถ้าสวยขนาดนี้ ทำไมถึงต้องแต่งหน้าแบบนั้นด้วย ไม่ใช่ว่าใบหน้าที่แต่งด้วยเครื่องสำอางของจินยองซอไม่สวย เพียงแต่เขาคิดว่าความรู้สึกช่างดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หรือแต่งหน้าหนาขนาดนั้นเพื่อปกปิดความอิดโรย หรือเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชายทุกคนตกหลุมรักเธอ ซึ่งความคิดนั้นกำลังสร้างเงื่อนไขว่าเขาก็อาจจะตกหลุมรักเธอได้เหมือนกัน

ซองฮุนขมวดคิ้ว

ตกหลุมรักงั้นเหรอ นายตกหลุมรักผู้หญิงของใครอยู่น่ะ

“หน้าฉันมีอะไรติดอยู่หรือเปล่าคะ”

ยองซอถามซองฮุนที่กำลังเพ่งมองเธออยู่ เขาเป็นผู้ชายที่มีดวงตาคมกริบ ถ้าถูกดวงตาคู่นั้นทิ่มแทงคงต้องเจ็บมากแน่ๆ แม้จะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่การยืนสบตากันนาทีกว่าโดยไม่แนะนำตัวให้รู้จักแบบนี้ มองได้อย่างเดียวเลยว่าเป็นผู้ชายที่เสียมารยาท ทว่าหัวใจของยองซอกลับเต้นรัวตั้งแต่ตอนที่เขามายืนขวางทางและเรียกชื่อเธอ

แปลบ ขณะที่กระแสไฟกำลังไหลเวียนอยู่นั้น ซองฮุนก็ได้สติ

“ใบหน้าคุณดูไม่เหมือนกับตอนนั้นเลย ทั้งที่เจ้าหน้าที่บอกมาแล้ว แต่ผมก็หาคุณไม่เจออยู่พักใหญ่เลยครับ”

“ตอนนั้นที่คุณพูดถึง…”

“ครับ สวัสดีครับ คังแทมูประธานบริษัทซองอุนที่นัดบอดกับคุณเมื่อไม่นานมานี้เป็น…”

“อ๋อ!”

ยังไม่ทันที่ซองฮุนจะเริ่มแนะนำตัวเอง ยองซอก็ยิ้มอย่างยินดีเหมือนรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร

“ค่ะ คุณคังแทมู ฉันต้องรู้จักสิคะ ที่นัดบอดกับฉันไง”

ยองซอพยายามฝืนยิ้มออกมา ฮารีบอกว่าคุยจบไปแล้วนี่นา เห็นว่าจบอย่างสมบูรณ์แบบด้วย เพราะอย่างนี้เธอถึงให้ค่าพาร์ตไทม์ไปจนครบ แต่ผู้ชายคนนี้กลับมาหาเธอถึงที่บริษัทงั้นเหรอ

ชินฮารี นี่มันเรื่องอะไรกัน!

ฮารีไม่มีทางโกหกอยู่แล้ว แถมเรื่องที่ฮารีพูดถึงรูปร่างหน้าตาก็เป็นความจริงเสียด้วย แม้คำพูดที่บอกไว้ว่าสามารถแต่งงานได้โดยที่ไม่ต้องเห็นหน้ากันนั้นจะฟังดูโอเวอร์ไปหน่อย แต่อย่างน้อยรูปโฉมของผู้ชายคนนี้ก็ถือว่าน่าดูชมทีเดียว

ฮารีไปนัดบอดกับผู้ชายแบบนี้และทำงานที่บริษัทเดียวกันกับผู้ชายแบบนี้นี่เอง

ทำไมตอนนี้เธอถึงรู้สึกอิจฉาฮารีขึ้นมานะ พรหมลิขิตมักเฉียดเธอไปเสมอ

ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะจำหน้าเธอไม่ได้เพราะฮารีแต่งหน้าจัดมาก จู่ๆ ยองซอก็รู้สึกไม่ยุติธรรมที่เธอไม่ได้เป็นคนไปนัดบอดเอง ปกติเธอไปนัดบอดอยู่เป็นประจำแท้ๆ แต่ตอนที่มีผู้ชายแบบนี้ เธอกลับส่งตัวแทนไป และยังทำลายโอกาสอันยิ่งใหญ่ไปเสียนี่

แถมชินฮารียังพูดว่าอะไรอีกนะ บอกว่าฉันบ้าเซ็กซ์ใช่ไหม

ยองซออยากจะร้องไห้

“ว่าแต่คุณมีเรื่องอะไรคะ เราคุยกันจบไปแล้วตั้งแต่คราวก่อนไม่ใช่เหรอคะ”

ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นชินฮารีเพื่อนฉันน่ะค่ะ

ยองซอกล้ำกลืนน้ำตาเอาไว้และเม้มริมฝีปาก

“ครับ ผมทราบดีครับว่าคุยกันจบไปแล้ว…”

ซองฮุนถามอย่างระมัดระวัง

“ถ้าพอมีเวลา ช่วยไปกับผมสักครู่ได้ไหมครับ”

ตายแล้ว มารยาทดีอีกต่างหาก มารยาทของซองฮุนทำให้หัวใจของยองซอเต้นโครมคราม ไม่เหมือนที่ได้ยินจากฮารีเลย ฮารีพูดเหมือนประธานบริษัทของตัวเองเป็นคนโรคจิต แต่ในสายตาของยองซอ เขาดูเป็นสุภาพบุรุษมากๆ

“เวลาน่ะพอมีค่ะ แต่ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรเหรอคะ”

“พอดีว่าอยากจะคุยเรื่องที่คุยกันเมื่อคราวก่อน…”

“เรื่องคราวก่อนเหรอคะ”

“เรื่องแต่งงานน่ะครับ”

“อ๋อ เรื่องแต่งงานนี่เอง”

ใช่ มีการพูดคุยเรื่องนั้นกันแล้ว แต่ยองซอเป็นคนบอกให้ฮารีไปล้มกระดานด้วยการบอกว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รู้จักแม้แต่หน้าตา เพราะฉะนั้นต่อให้ผู้ชายคนนี้มาหาเธอด้วยตัวเองแบบนี้ เธอก็ต้องบอกไปว่าไม่ได้ เมื่อคิดถึงความยากลำบากที่ได้ฟังจากฮารีแล้ว เธอควรต้องบอกไปว่าไม่ แต่เธอกลับพยักหน้าให้เขาไปเรียบร้อยแล้ว การปฏิเสธผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซองฮุนก้มหน้าให้เธอแทนคำขอบคุณ

“งั้นผมขอพาคุณไปที่รถนะครับ”

ขณะที่ซองฮุนกำลังจะเปิดประตูหลังของรถ ยองซอก็ขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว ซองฮุนมองไปรอบๆ เพื่อหาเธอ จากนั้นก็ก้มลงเล็กน้อยและมองไปทางที่นั่งข้างคนขับ ไม่ทันไรยองซอก็คาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จเรียบร้อยและกำลังยกมือขึ้นมาทาบอกพร้อมสูดหายใจเข้าลึกๆ

น่ารักจัง

ซองฮุนยิ้มบางๆ แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับจะลบสิ่งที่คิดเมื่อครู่นี้ออกไป ทันทีที่ขึ้นรถ ทั้งสองก็สบตากัน ยองซอยิ้มอย่างเขินอายแล้วหันหน้าไปทางอื่น

ได้ยินว่าไม่ใช่ผู้หญิงที่แค่ค่อนข้างรักสนุก แต่เป็นผู้หญิงที่รักสนุกมาก

เมื่อนึกถึงคำพูดของแทมู ซองฮุนก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหลงเสน่ห์เธอเข้าแล้ว เขาจึงลดกระจกลง

“ผมร้อนนิดหน่อยน่ะครับ”

เมื่อยองซอทำหน้าแปลกใจ เขาก็ยิ้มให้ ใบหน้าของเธอจึงร้อนผ่าวและเริ่มแดงขึ้นมา

“หรือคุณหนาวครับ”

“เปล่าค่ะ ฉันก็ร้อนเหมือนกันค่ะ”

ยองซอเองก็ลดกระจกลงเช่นกัน

“ถ้างั้นเราไปกันเลยนะครับ”

“ค่ะ ว่าแต่เราจะไปคุยกันที่ไหน…”

“ไปที่บริษัทครับ”

“อ๋อ ที่บริษัท…”

ยองซอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองเขา

“ว่าแต่คุณไม่หิวเหรอคะ”

 

“แล้วไง”

แทมูมองซองฮุนอย่างไม่ละสายตา ซองฮุนใช้มือแตะหน้าผากราวกับมีเหงื่อออก

“ขึ้นรถมาง่ายๆ เลยเหรอ”

“ครับ ดูท่าทางเหมือนยินดีด้วยนะครับ”

ยินดีงั้นเหรอ ทั้งที่ปฏิเสธฉันแบบนั้นเนี่ยนะ

แทมูหรี่ตามอง

“แล้วทำไมถึงออกนอกเส้นทางล่ะ”

“เรื่องนั้นเป็นเพราะจู่ๆ คุณจินยองซอก็บอกว่าหิวมาก…”

“คุณก็เลยไปเดตกับผู้หญิงที่ผมจะแต่งงานด้วยงั้นเหรอ”

“เดตอะไรกันครับ ไม่ใช่นะครับ”

ซองฮุนปฏิเสธเสียงแข็ง

“ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมถึงออกนอกเส้นทางล่ะ ทั้งที่ผมบอกแล้วว่าให้พามาที่บริษัท”

“ก็อย่างที่ผมบอกไป เพราะเธอบอกว่าหิวมาก…”

“ก็เลยไปเดตกันงั้นเหรอ”

แทมูพูดคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา การที่เจ้านายผู้เกลียดการเสียเวลาถามคำถามเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก็แสดงว่าเขาคงจะชอบผู้หญิงคนนั้นมาก

ใบหน้าแบบที่ลบเครื่องสำอางออกของยองซอดูสวยทีเดียว ดวงตาสวยโฉบเฉี่ยว บุคลิกโดดเด่น และสดใสร่าเริง รู้สึกได้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยมีเรื่องแปดเปื้อนมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว ซองฮุนรู้สึกผิดคาดมาก เพราะเธอไม่ได้แต่งหน้าประหลาดแบบในตอนนั้นที่ทำให้แทมูหลงรัก นั่นคือทั้งหมดที่เขาคิด เขาจะมอบหัวใจให้ผู้หญิงที่ผู้ชายคนอื่นหมายตาไว้ก่อนได้อย่างไร แถมเธอยังเป็นผู้หญิงของเจ้านายเขาอีกต่างหาก

“ไม่ใช่เดตนะครับ จู่ๆ คุณจินยองซอก็บอกว่าหิว และดูจากตารางของท่านประธานแล้ว ผมคิดว่าคงไม่มีเวลาทานมื้อเย็นด้วยกันได้ ก็เลยหาอะไรทานง่ายๆ…”

“กินรามยอน* มาเหรอ”

“ทะ…ท่านทราบได้ยังไงครับ”

แทมูมองซองฮุนไม่วางตา เห็นว่ายั่วยวนผู้ชายเก่ง แต่ไม่คิดเลยว่าจะยั่วยวนลูกน้องเขาแบบนี้ ถ้าถึงขนาดทำให้คนที่เหมือนจะนุ่มนวลแต่เถรตรงเป็นขวานผ่าซากอย่างซองฮุนหลงได้ล่ะก็ แสดงว่าคงไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆ แน่

ต่อให้ไม่ชอบฉันขนาดไหน แต่ถ้ามาชอบลูกน้องฉันแบบนี้ก็แย่น่ะสิ

เมื่อเห็นแทมูขมวดคิ้วเล็กน้อย ซองฮุนก็เบิกตากว้าง

“ท่านคงไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหมครับ”

“เข้าใจผิดอะไร”

“ก็อย่างเช่น คิดไปถึงเรื่องที่พวกผู้หญิงชอบชวนเข้าไปกินรามยอนในบ้าน อะไรทำนองนั้น…”

“จะตอบว่าไม่ใช่งั้นเหรอ”

“ก็ต้องไม่ใช่น่ะสิครับ!”

ซองฮุนตะโกนออกมาเสียงดัง แต่เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเสียงดังเกินไปหน่อย เขาก็กระแอมออกมา

“แค่ทานรามยอนกับคิมบับ* ที่ร้านอาหารครับ”

“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยงั้นเหรอ”

“แน่นอนครับ เธอเป็นผู้หญิงที่จะแต่งงานกับท่านประธานนี่ครับ”

“อืม”

หลังจากพยักหน้าและเงียบไปครู่หนึ่ง แทมูก็มองซองฮุนแล้วยกมุมปากข้างหนึ่ง

“ว่ากันว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุไม่ใช่เหรอ”

“ครับ ใช่…มั้งครับ แต่ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไรเหรอครับ”

พอเห็นซองฮุนกำลังร้อนตัว แทมูก็จัดระเบียบความคิดของตัวเอง

ต่อให้พายองซอมาที่บริษัทได้ แต่การประชุมวางแผนก็ล่าช้าจนทำให้ไม่ได้เจอกันอยู่ดี บางทีการที่ซองฮุนไปกินข้าวกับยองซอและแยกย้ายกันไปแบบนั้น อาจเป็นเรื่องที่ถือว่าโชคดีก็ได้ เพราะในเมื่อเธอไม่ได้ถูกเบี้ยวนัดก็เท่ากับว่าเธอไม่ได้กลับไปอย่างอารมณ์เสีย ซึ่งหมายความว่ายังพอมีโอกาสที่จะได้พบกันอีก ถ้าเรียกเรื่องแบบนี้ว่าเป็นพรหมลิขิต มันก็คงเป็นพรหมลิขิตจริงๆ

แทมูลุกขึ้นจากที่นั่งและหยิบเสื้อคลุม

“นำไปเลย”

ดูเหมือนว่าการคลาดกันเมื่อวานนี้ทำให้เขาต้องไปเจอยองซอด้วยตัวเอง

จะออกไปโดยไม่ถามว่าตารางงานตอนนี้เป็นยังไงบ้างงั้นเหรอ คังแทมูเนี่ยนะ

ซองฮุนเบิกตากว้าง

“จะไปบริษัทแทรยุงเหรอครับ”

แทมูทำตาเป็นประกายเมื่อได้ยินซองฮุนถามแบบนั้น

“ไปแทรยุงทำไม”

“ก็ไปเจอคุณจินยองซอไงครับ”

แทมูหรี่ตามอง

“ไม่ใช่ว่าคุณอยากไปเจอเองหรอกเหรอ”

“พูดอะไรอย่างนั้นครับ! ไม่…ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ”

“งั้นทำไมจู่ๆ ก็พูดถึงจินยองซอขึ้นมาล่ะ”

“จู่ๆ ก็พูดถึงจินยองซออะไรกันครับ ก็ท่านพูดขึ้นมาว่าให้นำไปเลย…”

“คุณจะให้ผมไปหาผู้หญิงในเวลางานเนี่ยนะ”

แทมูสวมเสื้อคลุมพลางมองซองฮุนด้วยสายตาที่เหมือนตำหนิว่าไม่รู้จักเจ้านายตัวเองเลยหรือไง

“ก็ท่านกำลังพูดเรื่องคุณจินยองซออยู่…”

“ผมพูดแต่ผมไม่ได้คิดสักหน่อย”

แก้มของซองฮุนร้อนผ่าวไปชั่วขณะ บางทีเขาอาจจะกำลังคิดถึงแต่เรื่องของเธออย่างที่แทมูพูดจริงๆ ก็ได้

“ก่อนหน้านั้นกำลังพูดถึงเรื่องกรรมการยุนอยู่ไม่ใช่เหรอ”

หลังจากนั้นก็พูดถึงคุณจินยองซอนี่ครับ แต่ซองฮุนก็ไม่กล้าเถียงกลับไป ผู้ชายที่บอกว่าจะแต่งงานกับยองซอกำลังอยู่ตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่าคนที่คิดถึงเธออยู่เรื่อยๆ จะเป็นตัวซองฮุนเองมากกว่า

ต้องรีบมีแฟนเร็วๆ ซะแล้ว

ทั้งวันฮารีทำงานด้วยใบหน้าบูดบึ้ง นั่นเป็นเพราะมินอูอวยพรเธออย่างจริงใจและอวดแฟนสาวของตัวเองอย่างเต็มที่ เธอจึงรู้สึกหดหู่จนเมื่อคืนถึงกับนอนไม่หลับ

ถึงจะเป็นเพื่อนกัน แต่ฮารีก็คิดไปว่าถ้าเธอบอกว่ามีแฟนแล้ว มินอูอาจรู้สึกหึงหวงขึ้นมาก็ได้ แต่มินอูกลับแสดงความยินดีแถมยังอวดแฟนตัวเองให้ฟังอีกด้วย ต่อให้ความรู้สึกช้าขนาดไหนก็เถอะ ทั้งที่เธอตั้งใจหาวและแสร้งทำเป็นรู้สึกเพลียให้เห็นขนาดนั้น แต่เขาก็ยังจะเลี้ยงเบียร์ต่ออีกตั้งหลายแก้วและรั้งให้เธออยู่ต่อจนดึก

ยิ่งไปกว่านั้นยังชวนทั้งแฟนของเธอและแฟนของตัวเองมาเจอกันสี่คนพร้อมนัดวันอย่างชัดเจน เรื่องวันนัด เธออาจจะยกเรื่องงานที่บริษัทมาอ้างและพอจะเลื่อนออกไปได้ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่น่าเศร้าใจนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรีบมีแฟนให้เร็วที่สุด

จะมีผู้ชายที่ไหนที่ทั้งหล่อ เท่ สมาร์ต และรวย ที่จะทำให้มินอูกลายเป็นปลาหมึกไปทันทีเลยไหมนะ

ไม่มีหรอก ผู้ชายแบบนั้นน่ะ ไม่สิ อาจจะมีก็ได้ แต่ผู้ชายแบบนั้นคงไม่มีทางมาคบกับเธอหรอก

“เศร้าจะแย่อยู่แล้ว”

ขณะที่กำลังบ่นพึมพำ ‘คาทอล์ก’* ก็ถูกส่งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือของเธอ

 

จินยองซอ : ฉันมีอะไรจะบอก

 

ยองซอนั่นเอง

 

ชินฮารี : มีอะไรของเธอ ฉันไม่มี

จินยองซอ : แต่ฉันมี!

ชินฮารี : อะไร

จินยองซอ : ฉันว่าฉันน่าจะต้องบอกเธอ…

ชินฮารี : เรื่องอะไร ทำให้ตื่นเต้นอยู่ได้ อะไรเหรอ อะไร

จินยองซอ : คือว่า…

ชินฮารี : ถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็อย่ามาพูดให้อยากฟังแล้วจากไปแบบนี้

จินยองซอ : เมื่อวานผู้ชายคนนั้นมาหาฉัน

ชินฮารี : ผู้ชายคนนั้นคือคนไหน

จินยองซอ : ผู้ชายที่นัดบอด

ชินฮารี : เธอไปนัดบอดมาอีกแล้วเหรอ

จินยองซอ : เปล่า…ผู้ชายที่นัดบอดกับเธอน่ะ

 

ผู้ชายที่นัดบอดกับฉันเหรอ ใครนะ

“คังแทมูเหรอ”

ดวงตาของฮารีพลันเบิกกว้าง ความเร็วในการพิมพ์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

 

ชินฮารี : เธอไม่ได้พูดเรื่องฉันใช่ไหม

จินยองซอ : เรื่องเธอเหรอ ไม่มีจังหวะให้พูดสักหน่อย

 

“เฮ้อ”

 

ชินฮารี : ถึงมีจังหวะก็ห้ามพูดนะ

จินยองซอ : ฉันไปกินข้าวกับผู้ชายคนนั้นมา

 

“ว่าไงนะ”

เรื่องอันน่าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นอยู่นี้คืออะไร

 

ชินฮารี : ได้ยังไง???

 

ฮารีส่งเครื่องหมายคำถามไปรัวๆ จนกระทั่งได้รับคำตอบ

 

จินยองซอ : จู่ๆ เขาก็มาหาฉันที่บริษัท

 

เดี๋ยวนะ ขนาดฉันปฏิเสธไปแรงขนาดนั้นแล้ว ยังจะไปหาที่บริษัทอีกเหรอ

ฮารีกะพริบตาปริบๆ และส่งเครื่องหมายคำถามไปอย่างต่อเนื่อง เครื่องหมายคำถามนั้นมุ่งเป้าไปที่ผู้ชายลึกลับคนนั้นมากกว่าที่จะบอกว่าเป็นความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับรายละเอียดของเหตุการณ์นี้

ตาบ้านั่นยังไงกันนะ ยังไงกันแน่ เขาเป็นผู้ชายแบบไหนกัน

 

จินยองซอ : เขาเป็นผู้ชายที่พอใช้ได้เลยนะ

 

“อะไรนะ”

ผู้ชายที่พอใช้ได้อะไรกันล่ะ ให้ตายสิ ทำไมถึงได้เห็นว่านายจิตวิปริตคนนั้น…

ฮารีนึกถึงคำพูดของเขาที่เคยบอกว่าต่อให้ภรรยาไปเจอผู้ชายคนอื่น เขาก็ไม่สนใจ ขอให้แต่งงานกับเขาก็พอ ถ้ามองในแง่ดีก็อาจมองว่าเขาเป็นคนเปิดกว้าง แต่เขาไม่ใช่คนที่ควรถูกมองในแง่ดีแบบนั้นได้สักเท่าไร ฮารีจึงได้แต่มองว่าเขามีปัญหาทางจิต

 

ชินฮารี : แล้วไง

จินยองซอ : ลองคบเขาดูดีไหม

 

ยายซื่อบื้อ! คบกับเขาเมื่อไร เป็นได้แต่งงานแน่!

ฮารีขยุ้มศีรษะพลางคิดหนัก

ก็แน่ล่ะ เพื่อนฉันเองก็ไม่ได้สติดีสักเท่าไร หรือพวกที่สติไม่ดีเหมือนกันจะอยู่ด้วยกันได้นะ

ภาพของทั้งสองคนเหมือนจะออกมาดีงามกว่าที่คิด ระหว่างที่กำลังใจลอยนึกภาพนั้นอยู่ในหัว จู่ๆ ฮารีก็รู้สึกได้ถึงพลังงานอันเย็นยะเยือกจากด้านหลัง

“งานไม่ราบรื่นเหรอครับ”

ฮารีเบิกตากว้างพร้อมหันหลังไปมองทั้งที่ยังขยุ้มศีรษะอยู่ แผงอกของใครบางคนอยู่ตรงหน้า ความแข็งแกร่งดั่งกำแพงและความมั่นคงที่ไม่มีวันล้มลงง่ายๆ นั้นทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว

อะไรเนี่ย ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกัน

พอฮารีค่อยๆ เงยหน้าขึ้นก็พบว่าแทมูกำลังก้มมองเธออยู่

เฮือก! ผู้ชายตัวปัญหาคนนั้น!

ขณะที่เธอกำลังคิดแบบนั้น ใบหน้าอันหล่อเหลาก็ทำให้เธอต้องเพ่งตามองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็รีบคิดเรื่องที่ควรคิดต่อทันที

ทำไมถึงได้เจอกันอีกล่ะ!

เธอมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วเหมือนเมียร์แคต* ที่นี่คือโถงทางเดินของห้องทำงานเธอที่อยู่ชั้นแปด ไม่ใช่ชั้นสิบสองสักหน่อย เมื่อเห็นเธอทำท่าทางแปลกๆ เขาก็เลิกคิ้วขึ้น

“ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ”

“คะ? ไม่ค่ะ”

แต่ขณะที่กำลังบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร เธอก็รู้สึกว่าน่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่ตัวเองดูเหมือนคนบ้า เธอจึงค่อยๆ ลดมือที่กำลังจับศีรษะลงอย่างสุภาพเรียบร้อยและรีบก้มหน้าลงทันที

“มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อยน่ะค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”

เธอพูดเสียงเบาราวกับเสียงยุงบินและพยายามดัดเสียงตัวเองเท่าที่พอจะทำได้ เมื่อเธอพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา เขาจึงยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“สบตากันหน่อยได้ไหมครับ”

เธอเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อได้สบตากัน เขาก็หรี่ตามอง

“อยู่แผนกอะไรครับ”

“แผนกวางแผนและการเงินทีมสองค่ะ”

“เราเคยเจอกันหรือเปล่าครับ”

“ไม่ค่ะ ไม่เคยเลย!…ค่ะ”

“ไม่เคยเลย?”

เมื่อเธอพยักหน้า เขาก็เอียงศีรษะด้วยความสงสัย

“น่าจะเคยเจอกันสองครั้งแล้วนะ”

เฮือก! สองครั้ง? อะไรกัน ฉันโดนจับได้แล้วเหรอ

ฮารีเคยเจอเขาที่ร้านกาแฟถึงสองครั้ง ทั้งที่เธอแต่งหน้าเหมือนคน ‘ตาช้ำ’ ขนาดนั้น แต่เขากลับมองทะลุเครื่องสำอางนั่นแล้วจำหน้าเธอได้งั้นเหรอ แถมยังจำจำนวนครั้งได้อีกต่างหาก

แทมูมองเธออย่างไม่วางตา ความวุ่นวายใจทำให้เธอเริ่มหายใจลำบาก ขณะที่กำลังคิดว่าคราวหน้าจะไม่เขียนคิ้วมาทำงานอยู่นั้น จู่ๆ เธอก็ได้สติขึ้นมา

แต่ไม่สิ ผู้ชายคนนี้ไปกินข้าวกับยองซอมาแล้วนี่นา นั่นหมายความว่าเขาจำหน้าตาแบบที่ลบเครื่องสำอางไม่ได้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือซื่อบื้อนั่นเอง

เธอจ้องเขาเขม็ง หน้าตาของเขายังคงดีงามเกินกว่าที่เธอจะรับมือไหว แต่เมื่อได้เห็นบ่อยๆ เข้าก็เหมือนจะเริ่มมีภูมิต้านทานขึ้นมาบ้างแล้ว

ใช่ ไม่รู้ เขาไม่รู้หรอก

ดูเหมือนเขาจะไม่มีเซ้นส์ทางนั้นเอาเสียเลย แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะไม่มีเซ้นส์ถึงขนาดนี้

เธอคิดว่าคงจะไม่เคยมีคนรอบตัวจ้องหน้าเขาแบบนี้มาก่อน จึงขยับหน้าออกมาจากเขาด้วยท่าทีสับสน

“ฉันจำไม่ได้เลยค่ะว่าเราเคยเจอกัน”

เมื่อเธอพูดออกมาอย่างมั่นใจ เขาก็ยิ่งขมวดคิ้ว

“คุณความจำไม่ดีเลยนะครับ”

“…คะ?”

“คุณจำไม่ได้เหรอครับว่าเคยเจอผมในลิฟต์”

อ้อ จริงด้วย ในลิฟต์!

ฮารีมัวแต่คิดถึงนัดบอดจนไม่ทันได้นับตอนที่เจอกันในบริษัทด้วยความบังเอิญ

“เวลาที่คิดงานไม่ออกจนถึงกับเอามือกุมศีรษะแบบนั้นก็ลองจดบันทึกดูสิครับ”

ยายพนักงานซื่อบื้อความจำบ้ง เธอรู้สึกเหมือนเขากำลังพูดอย่างนั้นแบบอ้อมๆ แต่ถึงอย่างไรพนักงานที่ห้ามโดนไล่ออกก็ไม่ควรไปจ้องหน้าท่านประธานแบบนั้นสิ เธอพยายามฝืนยิ้มและคำนับอย่างสุภาพ

“ค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”

“ถ้างั้น…”

พอแทมูส่งสายตา ฮารีก็หันไปมองรอบๆ ตามสายตาของเขา คราวนี้เขาจึงยื่นคางออกมา เมื่อเห็นเธอมองมาที่คางของตัวเอง เขาก็ขมวดคิ้ว

“ช่วยหลีกทางหน่อยได้ไหมครับ”

“คะ? อ๋อ ค่ะ”

ทันทีที่เธอหลบไปข้างๆ เขาก็เดินผ่านโถงทางเดินไปอย่างรวดเร็ว เธอจึงเพิ่งเห็นว่าซองฮุนเดินตามหลังเขาอยู่ ซองฮุนมองเธอ เอียงศีรษะเล็กน้อย และเดินจากไป

 

จินยองซอ : ขนาดเธอบอกไปว่าไม่ชอบขนาดนั้น เขายังมาหาฉันแบบนี้ มันคงเป็นพรหมลิขิตแล้วล่ะ พรหมลิขิตที่ต้องได้เจอกันในที่สุดไง

 

พอได้อ่านคาทอล์กที่ยองซอส่งมาพอดี ฮารีก็กระเดาะลิ้น

 

ชินฮารี : ท่านประธานของฉันเป็นคนที่งานยุ่งมากเลยนะ

จินยองซอ : จริงด้วย เขาเป็นประธานบริษัทเธอนี่

ชินฮารี : ว่าไงนะ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเขาเป็นประธานบริษัทฉัน ต่อให้เธอเจอกับเขายังไงก็ห้ามเผลอพูดเด็ดขาดนะ!

จินยองซอ : ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก แต่ช่วยสอดแนมท่านประธานของเธอให้หน่อยสิ

 

สอดแนม?

 

จินยองซอ : ถ้าเธอช่วยสอดแนม ฉันก็จะทำตามที่เธอขอร้อง

ชินฮารี : พรหมลิขิตภาษาอะไรถึงได้ใช้วิธีสกปรกแบบนั้น

 

อย่างไรก็ตามถ้าการติดต่อกันแบบนี้เป็นพรหมลิขิตตามที่ยองซอบอก ก็อาจจะเป็นพรหมลิขิตจริงๆ ก็ได้

“ว่ากันว่าถ้าเป็นพรหมลิขิต ไม่ว่ายังไงก็จะได้เจอกัน”

แม้ฮารีจะเป็นคนไปนัดบอด แต่ดูเหมือนว่าดวงคนจะได้เจอกัน สุดท้ายแล้วไม่ว่ายังไงก็ต้องได้เจอกันสินะ หากดูจากการที่เขาได้เจอยองซอแบบนั้นแล้ว

ใช่ มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ

ในเมื่อพวกเขาได้เจอคู่ที่เหมาะสมในแวดวงของพวกเขาแล้ว เดี๋ยวก็คงจะไปนั่งเรือยอชต์เที่ยวเล่นกันอย่างราบรื่นปราศจากอุปสรรคใดๆ ผีเสื้อที่สร้างพายุทอร์นาโด* อย่างฮารีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ถ้าฉันมีแฟน มันก็จะเพอร์เฟ็กต์มากจริงๆ”

ผู้ชายที่ทั้งหล่อ เท่ สมาร์ต รวย และสามารถทำให้อีมินอูกลายเป็นปลาหมึกไปได้ ผู้ชายแบบนั้นอยู่ที่ไหนกันนะ

“แต่ผู้ชายคนนั้นตลกจริงๆ จำหน้าของผู้หญิงที่ตัวเองขอแต่งงานไม่ได้ได้ยังไงกัน”

ฮารีเบ้ปากพลางมองไปยังทิศทางที่แทมูเดินจากไป

‘คุณทานอาหารแบบนี้ด้วยเหรอครับ’

ยองซอนั่งใจลอยนึกถึงเสียงของเขา ตอนนั้นเธอกำลังนั่งกินรามยอนอยู่ข้างๆ เขาในร้านอาหารพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ขณะที่เขากำลังมองเธอด้วยสายตาประหลาดใจ

‘อาหารแบบนี้คืออาหารแบบไหนเหรอคะ’

‘รามยอน ต๊อกบกกี* คิมบับ…อาหารประเภทบุนชิก** แบบนี้น่ะครับ’

‘ทำไมคะ ฉันดูเป็นคนที่ทานอาหารแบบนี้ไม่ได้เหรอคะ’

เขามองยองซอนิ่งๆ พอได้สบตากัน ยองซอก็รู้สึกได้ถึงอาการใจสั่น นั่นเป็นอาการที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

‘ผมคิดว่าคุณไม่น่าจะทานได้น่ะครับ’

‘ฉันทำลายภาพของตัวเองในจินตนาการของคุณเหรอคะ’

พอเขาหัวเราะออกมา หัวใจของเธอก็ยิ่งหวั่นไหว

ยองซอยกมือขึ้นทาบอกระหว่างที่กำลังทำงาน พอนึกถึงเขา หัวใจของเธอเต้นโครมคราม เขาไปอยู่ที่ไหนมา ถึงเพิ่งจะโผล่เอาตอนนี้นะ เดี๋ยวนะ ไม่สิ นี่คือเนื้อคู่ที่เกือบจะคลาดกันเพราะเธอส่งเพื่อนไปนัดบอดแทน อย่างน้อยก็ได้มาเจอกันแบบนี้แล้ว เพราะฉะนั้นเธอจะไม่บ่นเรื่องอื่นใดอีกต่อไป

‘ขอโทษด้วยครับ พอดีที่บริษัทเรียกตัวด่วน แล้วผมจะติดต่อไปใหม่นะครับ ขอโทษที่ไม่ได้ไปส่งนะครับ’

เธอเคยรู้สึกถึงพรหมลิขิตอย่างแรงกล้าขนาดนี้มาก่อนหรือเปล่านะ ถ้าเขาไม่ได้รับสายโทรศัพท์จากใครบางคนและหายตัวไปแบบนั้น เธอก็อาจจะคิดถึงเรื่องแต่งงานแล้วชวนเขามาลองคบกันก็ได้

 

ชินฮารี : ไม่รู้ ตอนนี้ท่านประธานฉันดูยุ่งมาก เดินเข้าไปในห้องของกรรมการผู้จัดการแล้ว

 

ยองซออ่านข้อความในคาทอล์กที่ฮารีส่งมาและพยักหน้า

“เขายุ่งสินะ ใช่แล้ว ฉันควรต้องรอจนกว่าเขาจะติดต่อมา”

ยองซอเริ่มทำงานต่อและมองนาฬิกาอย่างว้าวุ่นใจ สุดท้ายเธอก็ส่งข้อความไปหาฮารีอีกครั้งทั้งที่เวลาเพิ่งผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

 

จินยองซอ : ขอเบอร์โทรท่านประธานของเธอหน่อยสิ

ชินฮารี : ไม่รู้เบอร์โทรเขาเหรอ

จินยองซอ : ก็ฉันลบไปแล้วน่ะสิ

ชินฮารี : ถ้าเธอให้ฉันไปนัดบอดกับผู้ชายที่เท่สุดๆ แล้วฉันจะบอกเบอร์เขา

 

ยองซอขมวดคิ้ว

“ทำไมจู่ๆ ยายนี่ถึงพูดเรื่องนัดบอดขึ้นมาอีกนะ ถ้ามีผู้ชายเท่ๆ แบบนั้น ฉันก็ไปนัดบอดก่อนแล้วสิ”

แต่ก็นั่นสินะ มินอูก็โดนแย่งไปแล้ว แถมยังโดนแย่งคู่นัดบอดไปอีก คงจะเหงาน่าดู

 

จินยองซอ : รู้แล้วน่า เดี๋ยวจะรีบจัดการให้

 

และแล้วเบอร์โทรก็ถูกส่งมาพร้อมข้อความตอบกลับว่าถ้าไม่จัดการเรื่องนัดบอดให้ก็จะไม่สอดแนมท่านประธานให้เหมือนกัน

ยองซอโทรหาแทมู ผู้ชายที่เป็นทั้งท่านประธานของฮารีและเป็นคนที่เธอเชื่อว่าตัวเองเพิ่งไปเจอมา

 

ยองซอนั่งรอแทมูอยู่ในร้านกาแฟอย่างกระวนกระวายใจ ในที่สุดเธอก็อดใจไม่ไหวและเป็นคนโทรไปหาแทมูเพื่อขอนัดเจอ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเอาความกล้านี้มาจากไหน ตั้งแต่ตอนนั้นหัวใจก็เต้นรัวมาโดยตลอด และทุกครั้งที่ประตูร้านถูกเปิด หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้นจนกลัวว่ามันจะระเบิดออกมา

“แต่ทำไมเสียงตอนที่ฉันโทรไปนัดเจอกับตอนที่ได้เจอกันคราวนั้นถึงได้ต่างกันขนาดนั้นนะ”

ตอนที่เจอกัน เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนสุภาพอ่อนโยน แต่ตอนคุยโทรศัพท์กัน เธอกลับรู้สึกว่าเสียงของเขาฟังดูหนัก ทุ้มต่ำ และแข็งกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นทันทีที่นัดเวลากันได้แล้ว เขาก็รีบวางสาย ที่บอกว่างานยุ่งก็คงจะยุ่งมากจริงๆ

“นั่นสินะ จู่ๆ โทรไปนัดกะทันหัน มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นสิ”

ทว่าความแปลกที่รู้สึกได้ตอนคุยโทรศัพท์ไม่ใช่เรื่องที่ยองซอเป็นกังวลในตอนนี้ เพราะเป้าหมายเดียวของเธอคือการได้พบผู้ชายที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง เฮ้อ เธอส่องกระจกพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสงบใจไม่ได้เสียที เธอรู้สึกใจเต้นแบบนี้เป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบเจ็ดปี ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป หัวใจอาจจะวายก่อนก็ได้ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง เธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่น

คาทอล์กของฮารีถูกส่งเข้ามา

 

ชินฮารี : ถ้าเธอให้ฉันไปนัดบอดกับผู้ชายที่เท่สุดๆ

ชินฮารี : 010-xxxx-xxxx

ชินฮารี : เจอท่านประธานแล้วห้ามเปิดปากพูดถึงฉันนะ

 

ยองซอทำหน้ากลัดกลุ้ม

“จะมีผู้ชายที่เหมาะสมกับชินฮารีหรือเปล่านะ”

ถ้าเป็นผู้ชายที่ดูเล่นกีฬาเก่งเหมือนมินอูจะพอได้ไหมนะ แต่ถึงอย่างนั้นยองซอเองก็รู้ดีว่านอกจากมินอูจะดูเป็นสปอร์ตแมนแล้ว เขายังหน้าตาดีอีกด้วย ในเมื่อฮารีชอบผู้ชายระดับนั้น เธอควรจะแนะนำใครให้ดีถึงจะทำให้ฮารีพอใจ

“ถ้าไม่ได้เป็นผู้ชายที่หล่อมากจริงๆ ล่ะก็”

แต่รอบตัวเธอไม่มีผู้ชายแบบนั้นเลยนี่นา

“คุณจินยองซอหรือเปล่าครับ”

จู่ๆ ผู้ชายหล่อเหลาคนหนึ่งก็มายืนใกล้ๆ ตัวยองซอราวกับเรื่องโกหก

“ใช่ค่ะ ฉันชื่อจินยองซอ ไม่ทราบว่าคุณคือ…ใครเหรอคะ”

แทมูมองยองซออย่างพิจารณา หน้าตาที่ลบเครื่องสำอางออกแล้วเป็นแบบนี้งั้นเหรอ รูปหน้าดูเรียวคล้ายกันก็จริง แต่ความรู้สึกดูต่างกันเล็กน้อย แล้วเขาก็ลดสายตาลง

หน้าอก…เขามองก่อนที่เธอจะแสดงสีหน้าไม่พอใจและยกมือขึ้นมาปิดไว้…นั่น เขาจำได้ว่าหน้าอกของเธอไม่ได้เล็ก ส่วนเอว…มองไม่เห็นเพราะเสื้อบังอยู่ ขา…ขาน่ะเหรอ

แทมูลองนึกถึงขาของยองซอที่เขาเห็นในวันนัดบอด เขาจำได้ว่าตอนนั้นจู่ๆ เธอก็ตะโกนออกมาว่า ‘ท่านประธาน’ แล้วลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง เขาจึงได้เห็นขาของเธอที่กระตุ้นหัวใจของเขาให้สั่นไหว รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแตกต่างกัน ดูเหมือนจะเล็กกว่าขาที่เขาเคยเห็น

ยองซอขมวดคิ้วเมื่อเห็นเขามองต้นขาของเธออย่างไม่ละสายตา

“คุณกำลังทำอะไรคะ”

“ตรวจสอบคน”

“คุณเป็นใครคะ”

“นั่นน่าจะเป็นคำพูดของผมมากกว่านะ คุณคือใครครับ”

“ฉันบอกไปแล้วไงคะว่าชื่อจินยองซอ”

ยองซอถามอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวดระวัง

“แล้วคุณล่ะคะเป็นใคร”

เขาแสดงสีหน้าสนอกสนใจ นี่มันเรื่องอะไรกัน

“คุณจินยองซอ?”

“เลิกเรียกชื่อฉันได้แล้วค่ะ คุณคือใครกันแน่”

“ผู้ชายที่นัดบอดกับคุณจินยองซอ”

“…คะ?”

“คังแทมูครับ”

“คะ?”

ยองซออ้าปากค้าง สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาด้วยความสับสน

แทมูหรี่ตามอง เขามั่นใจว่าไม่ใช่ใบหน้าแบบนี้ รูปร่างและภาพรวมอาจมีบางส่วนคล้ายกันก็จริง แต่ความรู้สึกแตกต่างกัน สิ่งที่ชัดเจนก็คือผู้หญิงที่เขาพบในตอนนั้นค่อนข้าง…

“ถ้าคุณคือคุณคังแทมู…”

ยองซอหรี่ตาลงเหมือนพยายามสรุปสถานการณ์ จากนั้นก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ถ้างั้นคนที่ฉันเจอเมื่อวานนี้คือใครเหรอคะ”

“ผมต้องตอบด้วยเหรอครับ”

“อ้าว แต่เมื่อวานมีคนมาหาฉันที่บริษัท คนที่ทานรามยอนกับฉันน่ะค่ะ”

อ๋อ รามยอนนั่น

แทมูค่อยๆ หันหน้าไปทางซองฮุนที่กำลังนั่งทำงานโดยการจ้องแท็บเลตรอเขาอยู่ที่มุมหนึ่ง แต่ในสายตาของแทมูมองว่าซองฮุนแสร้งทำงานอย่างเอาเป็นเอาตายมากกว่า

ชาซองฮุน คุณสวมรอยเป็นผมงั้นเหรอ

“หมายถึงเลขาฯ ของผมน่ะเหรอครับ”

“ละ…เลขาฯ เหรอคะ”

“ถ้าพูดให้ชัดเจนก็คือหัวหน้าเลขาฯ”

แทมูมองยองซอด้วยสายตาแปลกใจ ตอนที่เห็นว่าเบอร์โทรศัพท์ไม่เหมือนกัน เขาคิดว่าเธอใช้เบอร์ที่ทำงานคนละเบอร์กับโทรศัพท์ส่วนตัวเสียอีก

“คุณคือคุณจินยองซอถูกไหมครับ”

“ค่ะ แน่นอนสิคะ”

“คุณคือผู้หญิงที่บ้าผู้ชาย ชอบผู้หญิง วันๆ คิดแต่เรื่องมีเซ็กซ์หรือเปล่าครับ”

“คะ?”

“ผมได้ยินแบบนี้ตอนที่เรานัดบอดกัน”

ชินฮารี ยายบ้า!

“นะ…แนะนำตัวไปแบบนั้นใช่ไหมคะ”

“ถ้าใช่ แล้วทำไมคุณถึงไม่รู้จักหน้าตาผมล่ะครับ”

ไม่ใช่! เธอควรต้องตอบไปแบบนั้น แต่คำถามของเขากลับทำให้เธอพูดไม่ออก

“คือว่าพะ…เพื่อน…”

ยองซอนึกถึงข้อความของฮารีที่ข่มขู่เอาไว้ว่าห้ามพูดเรื่องของเธอเด็ดขาด พอกำลังจะขยับปากพูด ยองซอก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้และพยายามฝืนยิ้มให้แทมู

“เรานั่งคุยกันก่อนดีไหมคะ”

ยองซอหันหน้าไปมองที่มุมหนึ่งของร้านกาแฟ ขณะที่กำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างในแท็บเล็ตอยู่นั้น ซองฮุนก็เงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนมองมา พอได้สบตากับยองซอ เขาก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ยองซอเองก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยเช่นกัน ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากนั้น แต่ใบหน้าของเธอกลับค่อยๆ แดงขึ้นและหัวใจก็เหมือนกำลังจะระเบิดออกมา

หมายความว่าผู้ชายที่ฉันต้องไปนัดบอดด้วยไม่ใช่คนโน้นแต่เป็นคนนี้งั้นเหรอ

พอหันกลับมาที่แทมูที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะก็พบว่าเขากำลังเพ่งมองเธออยู่ หน้าตาของเขาทำให้คนอื่นรู้สึกหนักใจเหลือเกิน เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมฮารีถึงกล้ารับประกันเรื่องหน้าตา ถ้าไม่ได้เจอซองฮุนก่อน บางทีเธออาจจะหลงเสน่ห์แทมูไปแล้วก็ได้ เขาเป็นคนคิ้วเข้ม แววตาดูเย็นชาเล็กน้อย สายตาคมเข้มของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์สุดเซ็กซี่

ฮารีคงลำบากน่าดูสินะ

เธอรู้สึกผิดที่ขอร้องให้ฮารีไปพบเขาอีกครั้ง เพราะแค่ได้นั่งเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้โดยไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยก็รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกแล้ว เสน่ห์ที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้แพร่กระจายออกมาจากทุกส่วนในร่างกายของเขา แม้จะกำลังนิ่งเงียบอยู่ แต่หัวใจของเธอช่างหนักอึ้งเหลือเกิน

ฉันสั่งให้ฮารีพูดโกหกต่อหน้าผู้ชายแบบนี้เหรอเนี่ย

แน่นอนว่าฮารีเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันที่ทำอย่างเต็มที่จนเรียกได้ว่าทำได้ดีมากเกินไป

เขาหล่อจริงๆ ด้วย

ยองซอพอจะเข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมตอนที่พ่อพูดเรื่องแต่งงาน ท่านถึงได้พูดว่าการนัดบอดครั้งนี้ต้องแตกต่างจากครั้งอื่น อย่างไรก็ตามความสนใจของยองซอไม่ได้อยู่ที่ผู้ชายที่กำลังนั่งรอให้เธอพูดอะไรสักอย่างและส่งสายตาเหมือนยิงเลเซอร์มาที่เธอ แต่ความสนใจของเธออยู่ที่ผู้ชายอีกคนหนึ่งที่นั่งหลบมุมอยู่ทางโน้นต่างหาก

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่อยากนัดบอดก็เลยส่งตัวแทนไปค่ะ ถ้าคุณอยากบอกคุณพ่อก็เชิญได้เลย แต่คุณก็คงทราบดีว่าในวงการนี้การเปิดเผยเรื่องแบบนั้นออกไปทั้งหมดมีแต่จะทำให้ต่างฝ่ายต่างกระอักกระอ่วนใจเปล่าๆ ไหนๆ ก็เป็นอย่างนี้แล้ว ฉันขอเสนอให้ไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดกับผู้ใหญ่ในครอบครัวค่ะ”

แทมูนั่งพิงเก้าอี้ เท้าคาง และมองยองซออย่างไม่วางตาโดยที่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ หรือพูดอะไรออกมาสักคำ เขาดูเหมือนรูปปั้นที่ถูกรังสรรค์มาเป็นอย่างดี

อะไรเนี่ย จะพูดว่ารู้สึกแย่มากก็พูดออกมาเลย หรือไม่ก็พูดว่าไม่ใช่อย่างนั้น ตัวเองก็ไม่ชอบการนัดบอดเหมือนกัน แล้วก็ยิ้มให้พอเป็นมารยาทก็ยังดี

ยองซอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยคำขอโทษออกไปอย่างนอบน้อม

“ขอโทษค่ะ นี่คือเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลของเหตุการณ์นี้ค่ะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วค่ะ”

เขาเปลี่ยนแขนที่เท้าคางเป็นอีกข้างหนึ่ง แต่สายตายังคงจ้องมองยองซอจนเกือบทะลุ

“ฉะ…ฉันบอกแล้วไงคะว่าขอโทษน่ะค่ะ ที่ทำแบบนั้นก็เพราะไม่อยากไปนัดบอด อย่างที่คุณทราบว่าฉันเคยนัดบอดมาเยอะมาก ฉันยังไม่อยากแต่งงาน แต่ครอบครัวก็คอยแต่จะให้ฉันไปนัดบอดอยู่เรื่อยจนฉันรู้สึกเบื่อมาก แค่นั้นจริงๆ ค่ะ ฉันทราบดีว่าคุณอาจจะรู้สึกแย่ ฉันผิดเองที่ไม่คิดให้รอบคอบ แต่ฉันไม่มีอะไรจะพูดไปมากกว่านี้แล้วค่ะ”

เขายังคงเงียบต่อไป ขณะที่เธอกำลังลังเลว่าจะลุกหรือไม่ลุกอยู่นั้น เขาก็นั่งตัวตรงขึ้นมา

“คุณจินยองซอครับ”

เขาเป็นคนที่ทำให้บรรยากาศตึงเครียดได้อย่างน่าแปลกใจจนเธอรู้สึกว่าไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาอีก

“ค่ะ เชิญพูดได้เลยค่ะ”

เขาค่อยๆ อ้าปากช้าๆ

เอาล่ะ ท่านประธานของฮารี รีบพูดมาสิว่าเข้าใจแล้ว และรีบลุกได้แล้ว! ฉันทนนั่งตรงนี้ต่อไปไม่ไหวแล้วนะ เร็วเข้า รีบพูดมาสิว่าไม่เป็นไร…

“อยู่ที่ไหนครับ”

“คะ?”

ใคร…

“ผู้หญิง…ที่ผม…จะแต่งงานด้วย”

เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง ยองซอรู้สึกได้ถึงความหนักแน่นระหว่างที่เขาพูดแต่ละคำนั้นออกมา

ผมเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว ทีนี้ก็ช่วยพาผู้หญิงที่ผมจะแต่งงานด้วยมาหาผมหน่อย

 

ขณะกำลังนอนหลับฝันหวานอย่างที่ไม่เคยเป็นมานานอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ทำไมถึงไม่ปิดเสียงเอาไว้นะ ฮารีค่อยๆ ใช้มือคลำหาและคว้าโทรศัพท์มือถือมาแนบหู ยองซอนี่เอง เมื่อเธอถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียว่าโทรมาทำไมดึกดื่นป่านนี้ คำพูดที่ได้ยินกลับเป็นเรื่องที่เธอไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร ไม่สิ มันเป็นคำพูดที่ค่อนข้างแปลก

ฮารีลุกพรวดขึ้นจากที่นอน

“คังแทมูไม่ใช่คังแทมูงั้นเหรอ”

“ไม่ใช่ๆ เป็นคังแทมูน่ะถูกแล้ว แต่ไม่ใช่คังแทมูที่ฉันรู้จัก คนนั้นเป็นหัวหน้าเลขาฯ ของคังแทมู”

“หัวหน้าเลขาฯ ของคังแทมูเป็นคนมานัดบอดแทนคังแทมู ท่านประธานของฉันบอกว่าฉันไปนัดบอดกับหัวหน้าเลขาฯ เหรอ”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้น สรุปว่าเป็นคังแทมูถูกแล้ว แต่คังแทมูที่ฉันพูดถึงไม่ใช่คังแทมูคนนั้น…”

ฮารีขมวดคิ้ว ยายนี่โทรมาปลุกคนที่กำลังนอนเพื่อพูดเรื่องไร้สาระทำไมกัน

“นี่ พอแล้ว พอ สรุปว่าเธอได้เจอท่านประธานของฉันหรือเปล่า”

“เจอ ก็บอกแล้วไงว่าได้เจอ แต่คนที่ฉันเจอคราวนั้น…”

“ก็แค่นั้น แล้วเธอพูดเรื่องฉันให้ท่านประธานของฉันฟังหรือเปล่า”

“ไม่ได้พูด”

“งั้นก็แล้วไป”

ฮารีล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม โทรมาดึกดื่นขนาดนี้เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเนี่ยนะ

“ขอฉันนอนเถอะนะ พรุ่งนี้ฉันต้องออกแต่เช้า”

“ตอนนี้มันใช่เวลานอนเหรอยะ!”

“จินยองซอ ตอนนี้มันเที่ยงคืนครึ่งแล้วนะ ถ้าตอนนี้ไม่ใช่เวลานอน แล้วตอนไหนถึงจะเป็นเวลานอนล่ะ”

“ฮารี ฉันขอแนะนำในฐานะเพื่อนนะ ฉันว่าเราสองคนไปสารภาพกับท่านประธานของเธอกันดีไหม”

ฮารีลุกพรวดขึ้นมานั่งเหมือนเดิม

“ทำไมถึงแนะนำอะไรที่เป็นลางแบบนั้นล่ะ”

“คือว่าคังแทมูที่ฉันเล่าให้ฟังทางคาทอล์กว่าเขาพอใช้ได้น่ะ ไม่ใช่คังแทมู แต่เขาเป็นหัวหน้าเลขาฯ”

หัวหน้าเลขาฯ?

จู่ๆ ฮารีก็นึกถึงผู้ชายที่คอยเดินตามแทมูเป็นเงาขึ้นมา

“จู่ๆ พูดถึงหัวหน้าเลขาฯ ขึ้นมาทำไม”

“ก็ท่านประธานของเธอสั่งให้หัวหน้าเลขาฯ ไปหาเธอ แต่ประวัติของเธอมันเป็นข้อมูลของฉันหมดเลยนี่นา หัวหน้าเลขาฯ คนนั้นก็เลยมาหาฉันน่ะสิ แล้วฉันก็โดนเขาตกตั้งแต่แรกเจอ ไม่ทันได้ฟังที่เขาพูดให้ดีก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าเขาคือคังแทมู”

“โห เธอโง่หรือเปล่าเนี่ย”

“ฉันไม่รู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนั้นก็เลยขอเบอร์โทรจากเธอ แล้วฉันก็ไปเจอท่านประธานของเธอมาแล้วด้วย สรุปก็คือฉันเป็นคนโทรไปหาท่านประธานของเธอ แล้วบอกให้เขารู้เองว่าผู้หญิงที่ไปนัดบอด…ไม่ใช่ฉัน”

“อ่อ เธอโง่ใช่ไหม”

“นี่ ชินฮารี!”

“แล้วทำไมฉันถึงต้องไปสารภาพเรื่องทั้งหมดด้วยล่ะ ในเมื่อเธอบอกว่าไม่ได้พูดถึงฉัน เธอโกหกใช่ไหม เธอพูดเรื่องฉันใช่ไหม”

“เปล่านะ ฉันไม่ได้พูด แต่ถ้าเธอไม่สารภาพ…”

ถ้าไม่สารภาพ?

“แต่งงาน”

เฮือก! ไอ้การแต่งงานบ้านั่น!

“ท่านประธานพูดเรื่องแต่งงานกับเธอด้วยเหรอ”

แบบนี้เรียกว่าเสพติดการแต่งงานสุดๆ แล้วนะ

“ขอร้องล่ะ สารภาพทั้งหมดเถอะนะ เขาบอกว่าถ้าไม่ยอมสารภาพว่าเธอเป็นใคร เขาจะเอาเรื่องที่ฉันทำตอนนัดบอดไปบอกที่บ้านให้หมด รวมทั้งเรื่องแปลกๆ ที่เธอไปพูดไว้ด้วย ฉันยอมไม่ได้หรอกนะ บัตรเครดิตของฉัน ชีวิตของฉัน”

“นี่ เรื่องบัตรเครดิตมันใช่ปัญหาไหม เธอต้องแต่งงานแล้วนะ”

“ฮะ? ฉันน่ะเหรอ หมายความว่ายังไง”

“ก็เธอบอกว่าผู้ชายคนนั้นขอแต่งงานไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเธอ”

“อ๋อ ฉันเหรอ”

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังตื๊อกับคนแค่คนเดียวสินะ ฮารียิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แล้วเธอก็ทำหน้าเครียด

“แต่งงานกับฉันเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ ท่านประธานบอกว่าต้องพาผู้หญิงที่เขานัดบอดด้วยไปหาเขา ถ้าไม่พาไป เขาจะเอาเรื่องทั้งหมดไปเปิดเผยกับที่บ้านฉัน…”

“โอย! นี่มันโรคจิตเสพติดการแต่งงานชัดๆ! ทำไมฉันถึงต้องมาโดนผู้ชายแบบนั้นหมายตาด้วยนะ!”

“ฉันก็ว่างั้นแหละ หมายตาเธอได้ไงนะ เขาต้องไม่ปกติแน่เลย”

ฉันไม่อาจปฏิเสธออกไปได้ว่าไม่ใช่

“ได้โปรดเถอะนะ อย่างน้อยก็คิดถึงความรักของฉันที่เพิ่งจะเริ่มต้น ช่วยจัดระเบียบการจราจรให้ฉันหน่อยนะ!”

“สถานการณ์แบบนี้ยังจะมีหน้ามาพล่ามเรื่องความรักอีกเหรอ ตอนนี้เพื่อนเธอถูกคนจิตวิปริตหมายตาอยู่นะ”

“ไม่เห็นต้องกังวลเลย แค่แต่งงานก็สิ้นเรื่อง”

“กับคนโรคจิตเนี่ยนะ”

“อ้อ อันนั้นก็ไม่ดีแฮะ”

ยองซอหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตะโกนออกมาอีกครั้ง

“เพราะอย่างนี้ฉันถึงบอกให้สารภาพไปเลยไง! ผู้ชายคนนั้นดูโมโหเหมือนกันนะที่ทำเหมือนเขาเป็นของเล่น สารภาพก่อนที่เขาจะโมโหมากไปกว่านี้เถอะนะ! ถ้าเขาตามหาเธอจนเจอล่ะก็ ฉันว่ามีอยู่สองอย่าง คือไม่จับแต่งงานก็จับเธอลงโทษ! ดังนั้นเรามีแค่วิธีเดียวเท่านั้นก็คือต้องพูดความจริง!”

หลังจากที่วางสาย ฮารีก็รู้สึกว่าหน้าผากของตัวเองเต็มไปด้วยเหงื่อ

หรือต้องสารภาพจริงๆ นะ แต่อาจจะไม่ถูกจับได้ก็ได้นี่นา จำเป็นด้วยเหรอ ขนาดเจอที่บริษัทเขายังจำฉันไม่ได้เลย

“การแต่งงานไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ แล้วผู้ชายคนนั้นจะแต่งงานคนเดียวได้ยังไง ถ้าฉันไม่แต่งด้วย เรื่องจะจบไหมนะ”

ฮารีกัดริมฝีปากด้วยความกระวนกระวายใจจนได้ลิ้มรสเลือด

“คงรู้สึกแย่มากเลยนะครับ”

พอรถมาจอดหน้าบ้าน แทมูก็ลงจากรถ แล้วเสียงของซองฮุนก็ดังมาจากข้างหลัง

“คุณจินยองซอไม่ได้มาด้วยตัวเอง แต่ให้เด็กพาร์ตไทม์มาแทน คิดไม่ถึงจริงๆ นะครับ”

ดูเหมือนซองฮุนพูดเพื่อต้องการปลอบใจ แต่ไม่รู้ว่าแทมูคิดไปเองหรือเปล่าที่รู้สึกว่าสีหน้าของซองฮุนดูสดใสขึ้นเล็กน้อย เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

จริงด้วย งานพาร์ตไทม์ ทำไมที่ผ่านมาฉันคิดไม่ถึงนะ

เมื่อลองคำนวณเวลาที่เขาเสียไปในการดื้อแพ่งกับประธานใหญ่คังว่าจะไม่ไปนัดบอดและเวลาที่เขาไปนัดบอดในช่วงที่ผ่านมาดูแล้ว การใช้เด็กพาร์ตไทม์น่าจะมีประสิทธิภาพกว่ามาก

“ยังไงเรื่องก็เป็นแบบนี้แล้ว ผมว่าสำหรับการแต่งงานครั้งนี้ ท่านประธานคงต้องถอยแล้วล่ะครับ”

ดูเหมือนว่าซองฮุนจะแสดงสีหน้ามีความสุขอย่างเปิดเผยราวกับเก็บสีหน้าต่อไปไม่ไหวแล้ว แทมูมองแล้วก็ยิ้มออกมา

“หัวหน้าชา”

“ครับ ท่านประธาน”

“ทำไมถึงชอบลืมคำพูดของผมอยู่เรื่อยเลยนะ”

แทมูเดินเข้าไปใกล้ซองฮุนแล้วจับไหล่อย่างแรงจนซองฮุนสะดุ้ง

“งะ…งั้นหมายความว่าท่านจะเดินหน้าแต่งงานกับคุณจินยองซอเหรอครับ”

“ใช่”

สีหน้าของซองฮุนซีดลงทันที

“แต่คุณจินยองซอ…ทะ…ท่านประธาน”

“ที่ไปเจอมาวันนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงปกติดีนะ ดูไม่น่าจะทำให้ผมหรือบริษัทต้องเสียภาพลักษณ์อย่างที่คุณกังวล หัวหน้าชากังวลเรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ครับ”

“งั้นก็ไม่น่ามีปัญหาแล้วไม่ใช่เหรอ”

“แต่คุณจินยองซอไม่ใช่ผู้หญิงที่มานัดบอดกับท่านตอนนั้นนี่ครับ”

ซองฮุนพูดต่ออย่างรีบร้อนเล็กน้อย

“ท่านประธานเคยบอกว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงที่มานัดบอดในวันและเวลานั้นไม่ใช่เหรอครับ บอกว่าจะแต่งงานในการนัดบอดครั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงแบบไหนก็ตาม”

แทมูยิ้มบางๆ

“คุณก็รู้นี่”

“…ครับ?”

“เพราะงั้นคุณต้องไปหาจินยองซอคนที่กินรามยอนกับคุณ แล้วพาจินยองซอคนที่ผมนัดบอดด้วยกลับมาให้ได้ ไม่ใช่จินยองซอคนนี้ แต่เป็นจินยองซอคนนั้น”

เขาเน้นตรงคำว่า ‘คนนั้น’ เป็นพิเศษ แววตาเต็มไปด้วยความโกรธจนซองฮุนกลัวว่าถ้าผู้หญิงคนนั้นที่นัดบอดกับแทมูถูกจับได้ล่ะก็ เธออาจถึงตายเลยก็ได้

เฮ้อ ช่างเป็นผู้ชายที่รั้นไม่เข้าเรื่องจริงๆ แต่ในเวลานี้ สำหรับซองฮุนแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่น่าขอบคุณมากเหลือเกิน

 

‘นี่คุณกำลังบอกว่าคุณใช้คนทำงานพาร์ตไทม์ในการนัดบอดกับผมเหรอครับ’

ยองซอนึกว่าแทมูกำลังจะตบเธอสักฉาดเสียอีก เพราะแววตาเขาดูเย็นยะเยือกมากเสียจนรู้สึกว่าเขาอาจจะทำแบบนั้นจริงๆ ก็ได้ แม้ยองซอจะอยู่ที่บริษัท แต่เธอกลับไม่มีสมาธิทำงานเลยทั้งวัน

‘ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครครับ’

‘ฉันก็ไม่รู้จักเหมือนกันค่ะ เป็นผู้หญิงที่เจอกันทางโฆษณารับสมัครงานน่ะค่ะ’

‘คุณเห็นโฆษณานั่นที่ไหนครับ’

‘จะ…จำไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันติดต่อไปเยอะมากกว่าจะได้รับการติดต่อกลับมา’

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ยองซอก็นึกว่าเขาจะบอกว่าเข้าใจแล้วและลุกขึ้นเสียอีก แต่เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ง่ายขนาดนั้น

‘คุณจินยองซอ’

เขาเรียกด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวมาก

‘ผมตัดสินใจว่าจะแต่งงานจากการนัดบอดครั้งนี้’

‘อ๋อ อย่างนั้นเหรอคะ…’

ให้ตายสิ ใครบอกว่าจะแต่งด้วย

ขณะที่ยองซอกำลังคิดแบบนั้น แทมูก็พูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

‘แต่คุณจินยองซอกลับใช้คนอื่นมานัดบอดที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายนัดไว้ให้แทน ทำให้ผมต้องเสียเวลา’

‘เรื่องนั้นฉันขอโทษไปแล้วนี่คะ’

‘แต่ผมต้องการอะไรที่เป็นรูปธรรมมากกว่าคำขอโทษครับ’

‘มะ…มันคืออะไรเหรอคะ’

‘การแต่งงาน’

‘คะ? คุณกำลังบอกว่าอยากแต่งงานกับฉันเหรอคะ’

เมื่อเขามองเธออย่างอึ้งๆ เธอก็รู้สึกอึ้งเช่นกัน

‘ผู้หญิงคนนั้น’

เขาฉายไฟไปยังผู้หญิงคนนั้นที่นัดบอดกับเขา ยองซอตัวสั่นและมองเขาด้วยสายตาหวาดกลัว

‘ถะ…ถ้าอยากตามหาขนาดนั้น คุณโทรไปหาเธอเองก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ’

‘เรื่องนั้น…’

เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยความรู้สึกเก้อเล็กน้อย

‘เธอบล็อกเบอร์ผม’

‘คุณใช้เบอร์อื่นโทรไปก็ได้นี่คะ’

‘ถ้าเธอรู้ว่าเป็นผม ยังไงก็วางสายอยู่ดี แล้วผมจะเสียเวลาแบบนั้นไปทำไมล่ะครับ’

นั่นก็จริง ยองซอพยักหน้า แต่เมื่อมาคิดดูแล้ว จะว่าไปก็ตลกดี เพราะดูจากภาพรวมแล้ว คนที่ทำให้เสียเวลาเปล่าก็คือเขาเองไม่ใช่เหรอ ถ้าคิดว่าจะแต่งงานกับใครก็ได้แบบนั้น ก็ไปหาผู้หญิงคนอื่นแล้วแต่งๆ ไปก็ได้นี่นา ทำไมถึงดึงดันว่าจะต้องตามหาผู้หญิงที่บล็อกเบอร์เขาด้วยนะ แต่แน่นอนว่าถ้าเขาทำอย่างนั้น ตัวยองซอเองก็อาจกลายเป็นคู่แต่งงานของเขาก็ได้ ความดื้อรั้นแปลกๆ ของเขาจึงถือเป็นเรื่องโชคดีอยู่เหมือนกัน แต่เธอก็รู้สึกแปลกๆ อยู่ดี

“อย่าบอกนะ เขาคงไม่ได้ตกหลุมรักชินฮารีตั้งแต่แรกเห็นหรอกใช่ไหม”

ยองซอลองนึกภาพแทมูกับฮารีอยู่เคียงข้างกัน ช่างเป็นภาพที่ดูเหมาะสมกันไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ฮารีมีใจให้มินอู ส่วนแทมูก็ดูเหมือนผู้ชายที่ไม่อาจมีใจรักใครได้เลย

“ดูเหมือนเป็นผู้ชายที่ไม่มีทางชอบใคร ไม่มีทางตกหลุมรักใคร หรือทำอะไรทำนองนั้นได้เลยนี่นา”

ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เห็นว่าแทมูจะดูเป็นคนที่สนใจผู้หญิงเลย ไม่สิ เขาดูไม่เหมือนคนเลยด้วยซ้ำ จากที่ใช้สายตาเหมือนยิงเลเซอร์ใส่เธอ ใช้ปากพูดแต่คำพูดที่ไร้อารมณ์ออกมาอย่างกับหุ่นยนต์ และทั้งที่ขอโทษไปแล้วแต่ก็ยังพยายามตามหาฮารีไม่เลิกแบบนั้น เขาต้องมีความดื้อดึงอยู่เต็มเปี่ยมว่าจะต้องตามหาผู้หญิงที่เห็นเขาเป็นของเล่นให้เจอแล้วทำลายให้สิ้นซาก!

“ไม่ได้ ฉันไม่มีทางปล่อยให้ฮารีของฉันตกอยู่ในมือผู้ชายคนนั้นเด็ดขาด ขืนปล่อยให้เป็นแบบนั้นล่ะก็ ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่”

ขณะที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่นั้น ใครบางคนมาสะกิดที่ไหล่ของยองซอ พอหันไปมองก็พบว่าเป็นพนักงานในแผนกเดียวกัน

“คุณผู้ช่วยจินคะ”

“หืม?”

“มีคนมาหาที่ล็อบบี้ค่ะ”

“ใครเหรอ”

“เห็นว่าชื่อชาซองฮุนค่ะ”

ชาซองฮุนคือใครกันนะ ยองซอเดินไปที่ล็อบบี้ด้วยความสงสัย แล้วก็พบว่าผู้ชายที่ทำให้หัวใจเธอเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งกำลังยืนรอเธออยู่

“คุณ…”

เมื่อเห็นยองซอ ซองฮุนก็ทักทายอย่างนอบน้อม

ให้ตายสิ ทำไมจู่ๆ โชคก็หล่นทับแบบนี้

“คุณคงจะงานยุ่งอยู่ ขอโทษด้วยนะครับที่มาหากะทันหันแบบนี้”

“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร ว่าแต่มีเรื่องอะไรคะ…”

“ผมอยากขอโทษที่วันนั้นไม่รีบแนะนำตัว ก็เลยทำให้คุณสับสนน่ะครับ”

ตายแล้ว ทำไมถึงเป็นคำขอโทษที่น่าขอบคุณขนาดนี้นะ

ท่าทางที่น่าเชื่อถือของซองฮุนไม่ได้ทำให้หัวใจของยองซอเต้นตึกตัก แต่ทำให้หัวใจของเธอเต้นโครมครามเลยทีเดียว

“แต่ฉันไม่รับคำขอโทษปากเปล่านะคะ”

ยองซอพูดอย่างมีเลศนัยพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำ แก้มของซองฮุนก็แดงขึ้นมาด้วยเช่นกัน

“คุณหมายความว่า…”

“เย็นนี้ ถ้าคุณพอมีเวลา…”

“ผมมีเวลาครับ”

ยองซอยิ้มกว้างเหมือนถูกใจที่ซองฮุนตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

“งั้นเราไปทานรามยอนกันดีไหมคะ”

“ผมขอเลี้ยงนะครับ”

ยองซอและซองฮุนมองหน้ากันและยิ้มอย่างเขินอาย

 

* ‘กินรามยอน’ เป็นคำที่มีความหมายแฝงในทางชู้สาว มาจากบทพูด “กินรามยอนไหมคะ” จากภาพยนตร์เรื่อง ’One Fine Spring Day’ ซึ่งเป็นคำพูดที่ชวนมีเซ็กซ์กันอย่างอ้อมๆ

* คิมบับ หมายถึงข้าวห่อสาหร่าย

* คาทอล์ก หรือ Katalk ย่อมาจาก KakaoTalk เป็นแอพพลิเคชั่นแชตฟรีที่นิยมใช้ในประเทศเกาหลี

* เมียร์แคต เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับพังพอน มีประสาทสัมผัสและการระแวดระวังภัยที่ดีเยี่ยม ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง มีพฤติกรรมชอบยืนชะเง้อคอ เพื่อสำรวจและดมกลิ่นที่อยู่บริเวณโดยรอบ

* ‘ผีเสื้อที่สร้างพายุทอร์นาโด’ มาจากทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก กล่าวถึงการที่ผีเสื้อขยับปีกหนึ่งครั้งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศ ซึ่งส่งผลให้เกิดพายุทอร์นาโดได้ การขยับของปีกผีเสื้อจึงแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยที่อาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่มาก

* ต๊อกบกกี คืออาหารที่นำแป้งข้าวเจ้าแท่งสีขาวหั่นเป็นชิ้นพอประมาณ ผัดกับผักหลายชนิดและใส่เครื่องปรุงสีแดง

** บุนชิก คืออาหารจำพวกแป้งที่กินง่ายและราคาไม่แพง เช่น รามยอน ต๊อกบกกี คิมบับ

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 18 .. 65 เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 7

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: