บทที่ 1
นางฟ้ากับดาราตัวประกอบ
กฤษราเกลียดเลขสองที่สุด เกลียดมากกว่าเลขทุกตัว ทุกครั้งที่เห็นเลขนี้มันทำให้เธออารมณ์ขึ้นทุกที เพราะว่ามันหมายถึงความพ่ายแพ้ บางคนอาจจะชื่นชมเธอว่าเป็นอันดับสองก็ดีแล้ว ยังไงก็ดีกว่าที่สามสี่ห้า แบบนั้นก็อาจจะใช่ แต่ใครจะรู้ว่าเธอกับอันดับที่สองนี้มีความหลังอันเจ็บปวดร่วมกันมาทั้งชีวิต
เริ่มตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ก็แล้วกัน
กฤษราเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน มีพี่ชายหนึ่งคนคือกฤษณ โดยพ่อกับแม่ตั้งชื่อเล่นของเธอกับพี่ชายไว้อย่างไฮโซว่า ‘คริสซี่’ กับ ‘คริส’ ทั้งที่ไม่ได้มีบรรพบุรุษฝ่ายไหนเป็นชาวตะวันตกมาก่อน ส่วนบิดากับมารดาของเธอคือเจษฎาและไพริน เจษฎาเป็นเจ้าของบ่อพลอยที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของประเทศ ส่วนไพรินเป็นนักออกแบบอัญมณีมืออาชีพ มีเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้นคนหนึ่งชื่อ ‘เพียงฟ้า’ ซึ่งเป็นนักออกแบบอัญมณีมือหนึ่ง ต่อมาได้เจอกับทายาทเจ้าของธุรกิจอัญมณีชื่อดังคือ ‘ปรัชญ์’ หลังจากทั้งสองคนแต่งงานกันแล้วก็มีลูกสาวคนเดียวชื่อว่า ‘ปลายฟ้า’
ก่อนที่มารดาของเธอจะตัดสินใจแต่งงานกับบิดาก็เคยทำงานที่เดียวกันกับเพียงฟ้ามาก่อนในตำแหน่งนักออกแบบอัญมณีเหมือนกัน แต่มารดาของเธอเป็นรองอีกฝ่ายมาตลอด กระทั่งเรื่องความรักก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ ไพรินหลงรักปรัชญ์ แต่เพราะเพื่อนสนิทกับผู้ชายที่แอบชอบรักกันจึงต้องตัดใจ แล้วไปแต่งงานกับเจษฎาเจ้าของบ่อพลอยหน้าตาซื่อบื้อคนหนึ่ง กระทั่งมีโซ่ทองคล้องใจคือกฤษณและกฤษรา
ว่ากันตามตรงแล้วไพรินนั้นมีคุณสมบัติและรูปสมบัติเพียบพร้อมไม่ได้ด้อยกว่าใครเลย เพียงแต่หากนำมาเปรียบเทียบกับดอกไม้งามที่น่าทะนุถนอมอย่างเพียงฟ้าแล้วผู้หญิงคนอื่นก็กลายเป็นดอกหญ้าข้างทางไปโดยปริยาย แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองคนก็ยังคบหากันเป็นเพื่อนสนิทเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะอย่างไรแล้วการตัดสินใจแต่งงานกับเจษฎาก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดพลาดของไพริน ในเมื่อต่างคนก็ต่างมีความสุขกับชีวิตของตัวเอง จึงไม่มีใครโทษใครหรือแค้นใคร
จะมีก็แค่คนเดียวเท่านั้น
เธอเอง ‘นางสาวกฤษรา พลอยในบ่อ’ ที่อิจฉา ‘นางสาวปลายฟ้า วงศ์มณีสกุล’ ตั้งแต่เกิด!
“คริสซี่เจ็บปากเหรอจ๊ะ” เสียงใสๆ ของปลายฟ้าดังขึ้นทำให้กฤษราหลุดออกจากห้วงความคิดชั่วร้ายของตนเอง หญิงสาวแค่นยิ้มส่งให้ปลายฟ้าแล้วส่ายหน้าไปมา
“รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยน่ะ แล้ววันนี้ปลายไม่ไปไหนเหรอ” กฤษราถามเพื่อนกลับ ความเป็นไปของปลายฟ้ามักจะอยู่ในสายตาของเธอเสมอ ทั้งสองคนเรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่อนุบาล ตอนเด็กๆ เพียงฟ้ามักจะต้องบินไปต่างประเทศจึงนำปลายฟ้ามาฝากไว้กับไพริน เด็กทั้งสามคนจึงโตมาด้วยกัน กระทั่งกฤษณเข้ามหาวิทยาลัยก็ถูกส่งให้มาเรียนที่กรุงเทพฯ โดยมี ‘ย่าพร้อม’ มารดาของเจษฎารับอาสาขึ้นมาดูแลให้ จากนั้นไม่นานกฤษรากับปลายฟ้าก็ตามขึ้นมาเรียนที่กรุงเทพฯ ด้วย กลายเป็นว่าทั้งสองคนจึงต้องอยู่โรงเรียนเดียวกันตลอด ดีหน่อยตรงที่ปลายฟ้ากลับไปอยู่บ้านของตัวเองแล้วทำให้กฤษรามีพื้นที่หายใจจากการที่ถูกเปรียบเทียบบ้าง
แต่ก็มีไม่เยอะหรอกนะ
“วันนี้ว่าง แต่พรุ่งนี้ต้องไปทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ ปลายลุ้นอยู่ว่าจะได้รางวัลอะไรที่ทำคะแนนสอบเข้าได้เป็นอันดับหนึ่ง” รอยยิ้มของปลายฟ้าทำให้กฤษราแอบเบ้ปากในใจ ก็สอบได้ที่หนึ่งมาตลอดชีวิตยังจะลุ้นของรางวัลอะไรอีก สิ่งที่มนุษย์ทุกคนฝันอยากจะมีปลายฟ้าก็มีหมดแล้ว เป็นเธอต่างหากที่ลุ้นว่าชาติไหนจะทำคะแนนแซงปลายฟ้าได้ ยิ่งตอนนี้เรียนคนละสาขายิ่งเปรียบเทียบกันยาก ในเมื่อเรื่องเรียนเอาชนะไม่ได้ก็น่าจะมีเรื่องอื่นให้เอาชนะอีก ใช้เวลานี้ค่อยๆ คิดไปดีกว่า
“ปลายอยากได้อะไรล่ะ”
“ปลายไม่อยากได้อะไรหรอก แค่อยากให้คุณพ่อคุณแม่อยู่บ้านบ้าง” ทั้งสายตาและวิธีการพูดของปลายฟ้าช่างน่ารักน่าชมไปหมด ผู้หญิงตัวเล็กๆ ผิวขาวบริสุทธิ์ นิสัยดี สวยทั้งหน้าตางามทั้งกิริยามารยาทอย่างกับหลุดออกมาจากในวรรณคดี เทียบกับกฤษราแล้วเธอเหมือนกับนางร้ายตัวประกอบไปในทันที
เหอะ! ไม่อยากได้อะไร ทำตัวเป็นนางเอกในละครเลยนะ
“ทำไมปลายไม่ไปเรียนต่อที่โน่นล่ะ น้าเพียงจะได้ไม่ต้องไปๆ มาๆ” กฤษราแนะ มารดาของปลายฟ้าใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศเพราะเพิ่งไปเปิดตลาดอัญมณีที่นั่น ส่วนบิดาถึงจะอยู่ที่นี่แต่ก็ทำงานหนักทุกวันจนแทบไม่ได้กลับบ้าน
“ไม่เอาหรอก ปลายคิดถึงคริสซี่กับป้าไพ พี่คริสกับลุงเจษด้วย” ปลายฟ้าทำเสียงหงุงหงิงเหมือนที่ชอบทำประจำ คนที่บ้านเธอมักจะมองปลายฟ้าด้วยสายตารักใคร่เอ็นดูทุกที แต่สำหรับเธอน่ะเหรอ อาการแบบนี้เรียกได้อย่างเดียวว่า ‘แอ๊บ’
คนอะไรจะมาติดครอบครัวของคนอื่นมากกว่าครอบครัวของตัวเอง พยายามจะแย่งความเป็นที่หนึ่งไปจากเธอทุกเรื่องแบบนี้ บอกให้ไปอยู่กับแม่ตัวเองที่เมืองนอกก็ไม่ไป ไม่มีปลายฟ้าสักคนเธอคงเป็นที่หนึ่งได้ไม่ยาก
“คิดถึงก็โทรหาได้ไม่เห็นเป็นไรเลย” หญิงสาวว่า
“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากไป ไม่มีเพื่อน คริสซี่ก็รู้ว่าปลายสนิทกับคนยาก”
กฤษราแอบเบ้ปาก ถ้าคนอย่างปลายฟ้าสนิทกับคนยากแล้วคนแบบเธอคงจะเป็นพวกต่อต้านสังคม ชอบแยกตัวโดดเดี่ยวแน่ๆ ตั้งแต่เล็กจนโตเธอก็เห็นว่ามีแต่คนอยากเข้าใกล้ปลายฟ้ากันทั้งนั้น ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง หรือเพศอื่น คนสูงวัย เด็ก หรือแม้กระทั่งพวกสัตว์เลี้ยงยังชอบเข้าใกล้ปลายฟ้าเลย
แม้แต่ย่าพร้อมเองก็ชอบปลายฟ้ามากถึงขนาดอยากจะได้มาเป็นหลานสะใภ้ โชคยังดีที่พี่ชายของเธอมีหัวคิดอยู่บ้างถึงได้บอกย่าว่าเห็นอีกฝ่ายเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ถ้าปลายฟ้าต้องมาเป็นพี่สะใภ้ของเธอจริงๆ ชาตินี้ทั้งชาติเธอคงต้องติดกับคำว่าอันดับสองอย่างนี้ไปตลอด
“เออ จะว่าไปแล้วปลายมีข่าวดีที่ยังไม่ได้บอกกับคริสซี่” ใบหน้าสวยอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยื่นเอกสารบางอย่างให้กับกฤษรา หญิงสาวรับมาดูสักพักก็หน้าซีด
“ย้ายเอก?”
“ใช่จ้า ปลายรู้สึกเสียใจมากที่คริสซี่สอบเข้าเอกเดียวกับปลายไม่ได้ ปลายเลยทำเรื่องขอย้าย เราจะได้เรียนด้วยกันอีกแล้วนะ” หน้าตาดีอกดีใจของปลายฟ้าทำให้กฤษราอยากจะกระชากแม่นี่มาตบให้หายแค้น เธออุตส่าห์แอบเลือกสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเพราะคิดว่ายังไงปลายฟ้าก็คงไม่มีทางตามมา เธอจำได้ว่าเพื่อนสาวที่น่ารำคาญของเธอบอกเสมอว่าตัวเองอยากเป็นนักออกแบบอัญมณีเหมือนมารดา
แล้วจะตามมาทำ…เพื่อ?
“ปลาย คริสซี่ปวดท้อง อยากเข้าห้องน้ำหน่อย เดี๋ยวมานะ” กฤษราว่าก่อนจะรีบเดินออกไปทันที เอกสารของปลายฟ้าอยู่ในมือเธอ ของอันตรายแบบนี้ต้องกำจัด หลังจากตัดบทเดินออกมายังไม่ทันถึงห้องน้ำหญิงสาวก็ทนไม่ไหวรีบฉีกกระดาษนั้นแล้วโยนทิ้งถังขยะ
“คิดจะเป็นปลิงเกาะฉันไปตลอดชีวิตหรือไง อยู่ที่ของหล่อนนั่นแหละดีแล้ว ถังขยะ ฮ่าๆๆ” ร่างบางยืนหัวเราะอยู่คนเดียวอย่างสะใจก่อนจะหันไปเห็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งในชุดนักศึกษากำลังยืนมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง
ความอายทำให้เธอตัวชาไปหมด นี่มันวันอะไรกันเนี่ย หลังจากรู้สึกว่าไม่สามารถทนอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ หญิงสาวก็โทรไปบอกปลายฟ้าว่าอาการปวดท้องของเธอยังไม่ดีขึ้นจึงขอกลับบ้านก่อนโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายถามถึงเอกสารที่เธอหน้าด้านฉกติดมือไปด้วย
ไม่มีเอกสารก็ไม่สามารถย้ายสาขาได้ อยู่ในโลกเจ้าหญิงของหล่อนไปเถอะย่ะยายปลายฟ้า ไม่ต้องตามมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
ไม่รู้เพราะอะไรที่ทำให้เชนรู้สึกติดใจกับภาพที่เห็นเมื่อสักครู่เป็นอย่างมาก เขาถึงขนาดเดินไปดูว่าเศษกระดาษที่ผู้หญิงท่าทางสติไม่ดีคนนั้นฉีกทิ้งคืออะไร ต้องเป็นคนแบบไหนกันถึงฉีกกระดาษแล้วโยนลงในตะกร้าเก็บลูกบาสเกตบอลเพราะคิดว่าเป็นถังขยะ ชายหนุ่มลังเลใจอยู่ชั่วครู่ก่อนหยิบเศษกระดาษนั้นมาดู แล้วก็พบว่าเป็นเอกสารคำร้องขอย้ายสาขาที่ได้รับการเซ็นชื่ออนุมัติแล้ว ดูท่าจะเป็นของสำคัญแบบนี้ทำไมถึงเอามาทิ้งได้
‘ปลายฟ้า วงศ์มณีสกุล’ ชื่อเจ้าของเอกสารที่จะยื่นคำร้องขอย้ายสาขา จากสาขาการออกแบบอัญมณีไปยังสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้ว
เกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย…
“เชน ไหนตะกร้าวะ” เสียงเรียกจากด้านหลังดังขึ้น เชนหันกลับไปมองก็เห็นเพื่อนสามคนกำลังเดินมาทางนี้
“อยู่นี่” ชายหนุ่มชูตะกร้าให้เพื่อนดู
“มาเอาตะกร้าแค่นี้นานเป็นชาติ นึกว่าคุณชายเชนโดนผู้หญิงหิ้วไปแล้วเสียอีก” ทั้งสามคนและเชนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่มัธยม คนแรกเป็นหนุ่มหน้าโหดหัวโจกของกลุ่ม คอยรวมทุกคนเอาไว้ด้วยกันเสมอ ชื่อว่า ‘ธันวา’ คนที่สองเป็นหนุ่มหน้าสวยเข้ากับคนได้ทุกประเภท โดยเฉพาะผู้หญิง ชื่อว่า ‘นิกกี้’ ส่วนคนสุดท้ายเป็นคนที่มีสติที่สุด คอยแก้ปัญหาให้ทุกคนและมีความรับผิดชอบที่สุด ชื่อว่า ‘ธนดล’
“ไม่มีหรอกเรื่องแบบนั้น” เชนว่าพลางส่ายหน้า หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่เข้าใจมุกตลกของธันวา แต่อยู่ด้วยกันมานานทำให้เข้าใจว่าเรื่องเพ้อเจ้อแบบนี้เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะสามารถแซวกันได้
“ซื่อได้น่ารักแบบนี้ เมื่อไหร่โรบอตบอยของพวกเราจะมีแฟนสักที” คราวนี้นิกกี้เป็นคนพูดบ้าง หากเป็นประสบการณ์เรื่องผู้หญิง ในกลุ่มนี้นิกกี้คงจะเป็นคนที่ผ่านการมีความรักมาอย่างโชกโชนที่สุด เขาเคยทำสถิติคบผู้หญิงทีเดียวห้าคนโดยไม่โดนแต่ละคนจับได้เป็นเวลาสองเดือน จากนั้นก็ยุ่งเหยิงเละเทะจนลำดับเหตุการณ์ไม่ถูก รู้แต่ว่าผลสุดท้ายเขาก็ถูกผู้หญิงทุกคนนัดไปเจอกันทั้งหมดแล้วก็ผลัดกันตบนิกกี้คนละที หลังจากนั้นเป็นต้นมาเสือหนุ่มก็หันมาคบทีละคนอย่างประมาณตน
ผัวะ!
นิกกี้ถลาไปข้างหน้าพร้อมๆ กับความเจ็บหนึบบนศีรษะ พอหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นมือของธันวานั่นเอง
“อะไรวะ!”
“ไอ้โง่ เชนมีแฟนแล้วกลุ่มเราก็ดาวน์ดิวะ ทุกวันนี้ที่สาวๆ กรี๊ดตอนเราเล่นบาส กินข้าว ไปเที่ยว ขนาดนั่งหายใจยังมีคนแอบถ่ายรูป คิดว่าเป็นเพราะอะไร”
“ก็ไอ้เชนไง”
“เออ เพราะฉะนั้นไม่ต้องให้มันมีแฟนหรอก อยู่เป็นอาหารตาให้สาวๆ ต่อไป พวกเราจะได้พึ่งใบบุญด้วย” ธันวาพูดด้วยน้ำเสียงปลื้มอกปลื้มใจราวกับตัวเองเป็นคนเลี้ยงเพื่อนคนนี้มาให้ดูดีและเพียบพร้อมขนาดนี้
เชนไม่ใช่แค่หน้าตาดี แต่ยังเรียนเก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง ไหนจะฐานะทางบ้านที่แม้จะไม่ใช่มหาเศรษฐีแต่ก็เป็นที่นับหน้าถือตาไม่น้อย บิดาของเชนเป็นผู้พิพากษา ส่วนมารดาเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยที่พวกเขาเรียนอยู่นั่นเอง
“สาวๆ ก็มองเชนป่ะวะ ไม่ใช่พวกแก” ธนดลแย้งขึ้นหลังจากเงียบมานาน ไม่รู้ว่าทนคบสองคนนี้มาได้ยังไงตั้งหลายปี วุ่นวายแต่กับเรื่องไร้สาระกับเรื่องผู้หญิง
“เฮ้ย อย่าเหมารวม ฉันหน้าดีเป็นที่สองรองจากมันนะ” นิกกี้ชี้ไปทางเชน
“อ้าวไอ้นิกกี้ ทำไม หน้าฉันมันไม่ดีตรงไหน” ระหว่างที่ธันวากับนิกกี้กำลังทะเลาะกันเชนก็ส่ายหน้าแล้วเดินถือตะกร้าออกไป เศษกระดาษยังอยู่ในมือของเขา ถ้าเอาไปต่อกันก็น่าจะพออ่านได้อยู่ เขาคิดว่าจะเอากาวติดสักหน่อยแล้วเอาไปให้ฝ่ายธุรการเอาไปคืนเจ้าของจะดีกว่า
“อ้าว ไอ้เชนเดินไปแล้ว” ธันวาร้องก่อนจะวิ่งตามเพื่อนไป ชายหนุ่มทั้งสี่คนเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วย่อมเป็นเป้าสายตาเนื่องจากออร่าความดูดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่กับเชน
ปลายฟ้าเครียดมากเมื่อพบว่าเอกสารคำร้องขอเปลี่ยนสาขานั้นหายไป เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอจึงโทรปรึกษาเรื่องนี้กับเพียงฟ้า แต่ก็ได้คำตอบที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก
“แม่ว่าปลายติดคริสซี่มากไป เรื่องเรียนของเราควรเลือกที่เราชอบถึงจะถูก” สำหรับเพียงฟ้าแล้วงานออกแบบอัญมณีคือชีวิตของเธอ เดาว่าคงเป็นชีวิตของปลายฟ้าด้วย โดยเฉพาะเธอมีปลายฟ้าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว
“เรื่องออกแบบปลายฝึกเองได้นี่คะแม่ แต่คริสซี่มีคนเดียว หาที่ไหนไม่ได้แล้วนะคะ” ปลายฟ้าทำเสียงอ้อน เธอเคยทำแบบนี้ตอนที่ขอมารดาย้ายไปเรียนกับกฤษรา แม้ว่าจะบ่นนิดหน่อย แต่พอเธอทำเสียงอ่อนเสียงหวานในที่สุดอีกฝ่ายก็ยอม
“ก็เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันอยู่แล้วนี่ คิดถึงคริสซี่ปลายก็ไปหาได้ อันที่จริงแม่ไม่อยากให้ปลายย้ายตั้งแต่แรก ในเมื่อเอกสารหายไปแล้วก็ไม่ต้องย้ายแล้ว เชื่อแม่นะ” เพียงฟ้าว่า เธอไม่ค่อยมีเวลาคุยกับปลายฟ้ามาก ดังนั้นปลายฟ้ายังไม่ทันตอบอะไรเธอก็ขอตัวไปประชุมต่อ
หญิงสาวค่อยๆ วางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงแล้วเอนกายลงนอนมองเพดานเหมือนที่ทำบ่อยๆ เวลาที่อยู่คนเดียว ห้องนอนที่แสนใหญ่โต บ้านหลังใหญ่ที่กว้างขวางจนแทบเดินไม่ทั่ว แต่คนที่อยู่ในนี้มีเธอคนเดียว
“เบื่อ” ปลายฟ้าพึมพำออกมา
นัดทานข้าววันพรุ่งนี้ แต่จนป่านนี้มารดาของเธอยังประชุมอยู่เลย ดูท่าว่าพรุ่งนี้ก็อาจจะมีแค่เธอคนเดียวที่นั่งอยู่ในร้านอาหารหรู อ่านการ์ดสรรเสริญเยินยอของบิดามารดา ได้ของขวัญแพงๆ จากนั้นก็เหมือนเดิม กลับมานอนที่บ้านร้างหลังนี้คนเดียว
ปลายฟ้าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ที่จริงวันนี้เธอมีเรียน แต่พอมารดาบอกว่าจะไปทานข้าวด้วยกันเธอจึงบอกว่าไม่มี สุดท้ายเธอก็เห็นแค่ข้อความจากผู้ปกครองทั้งสองว่าต่างติดงานและไม่สามารถไปทานข้าวด้วยได้แล้ว
เป็นแบบนี้จนชินแล้ว
Kris : ก๊อกๆ
ข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมา เมื่อปลายฟ้าดูก็เห็นว่าเป็นแชตกลุ่มสามคนของเธอ กฤษณแล้วก็กฤษรา หญิงสาวรีบพิมพ์ข้อความตอบกลับทันที
แต่ก็มีคนเร็วกว่าเธอ
Krissy : ก๊อกบ้าไรพี่คริส จะพูดอะไรก็พูด
จากนั้นกฤษณก็ถ่ายรูปกระเป๋าสองใบมาให้ดู เป็นกระเป๋าแบรนด์เนมที่เหมือนกันแต่คนละสี มีสีขาวใบหนึ่งและสีแดงใบหนึ่ง
Kris : ซื้อกระเป๋ามาสองใบ ให้คนละใบ
Krissy : เอาสีขาว
Kris : สีขาวของปลาย
Krissy : แล้วมาถามทำไมเนี่ย
Kris : อ่านดีๆ ไม่ได้ถาม บอกว่าซื้อให้คนละใบ You know?
เมื่ออ่านแล้วปลายฟ้าก็เผลอหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข หากไม่มีกฤษราและครอบครัวอยู่เธอจะเป็นยังไง ตั้งแต่จำความได้ ถ้าจะพูดถึงเรื่องความสุขเธอก็นึกได้แต่ตอนที่อยู่บ้านของไพรินที่ต่างจังหวัดเท่านั้น
อย่างน้อยเธอก็ยังมีครอบครัวนี้เป็นครอบครัว ไม่เป็นไรเลย
PlaiPlai : ขอบคุณมากค่ะ
ปลายฟ้าพิมพ์ตอบไปก่อนจะเตรียมแต่งตัวออกไปเรียนหนังสือ วันนี้เธอบอกกับกฤษราเอาไว้ว่าต้องไปทานข้าวกับที่บ้าน เพราะฉะนั้นเธอเลยออกไปทานข้าวเย็นที่บ้านของเพื่อนไม่ได้ หากไปทุกคนก็จะรู้ว่าเธอถูกทิ้ง เธอไม่อยากให้ใครเห็นว่าเธอน่าสงสาร การเป็นคนน่าอิจฉาก็ย่อมดีกว่าเป็นคนน่าสงสารไม่ใช่หรือไง
หญิงสาวขับรถหรูที่บิดามารดาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดปีที่แล้วมาที่มหาวิทยาลัยท่ามกลางสายตาอิจฉาตาร้อนของคนอื่น ปลายฟ้ารู้สึกดีอย่างประหลาด เธอชอบเวลามีคนมองมาที่เธอด้วยสายตาอิจฉา สายตาแบบเดียวกับที่กฤษรามอง
“แกดูคนนั้นดิ สวยเนอะ เป็นลูกคุณหนูด้วยนะ สงสัยจะได้เป็นดาวมหาวิทยาลัยปีนี้แน่เลย” เสียงซุบซิบนั้นไม่ได้ดังมาก แต่ก็พอที่จะทำให้คนฟังได้ยิน ปลายฟ้าทำหน้านิ่งแล้วเลือกที่จะนั่งลงบนโต๊ะคนเดียว แต่ไม่นานนักก็มีคนเข้ามาทำลายความสงบ
“ปลายมาด้วยเหรอ นึกว่าไม่มา เห็นบอกว่ามีธุระไม่ใช่เหรอ” เพื่อนผู้หญิงสาขาเดียวกับเธอพูดขึ้นพร้อมหย่อนกายลงนั่งตรงข้าม ปลายฟ้าส่งยิ้มให้ก่อนจะตอบ
“พอดีนัดคริสซี่เอาไว้แต่โดนเทน่ะ”
“คริสซี่? อ่อ ผู้หญิงที่ใส่กระโปรงสั้นๆ ที่ชอบอยู่กับปลายน่ะนะ”
“คริสซี่เป็นเพื่อนสนิทปลายน่ะ” ปลายฟ้าว่า
“แปลกดีนะ เหมือนคนละไลฟ์สไตล์เลยทำไมสนิทกันได้ ปลายออกจะเรียบร้อย” ในสายตาของคนอื่นกฤษราเหมือนพวกที่บ้าแบรนด์เนม แต่งตัวจัด สายตาก็ดูไม่เป็นมิตรกับใคร ถึงจะหน้าตาดีแต่ก็ดูหยิ่งจนไม่มีใครกล้าเข้าไปคุยด้วย ต่างจากปลายฟ้าที่ดูยังไงก็เป็นมิตรน่าคบหากว่า
“อะไรกัน ปลายไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้นสักหน่อย”
“งั้นถามหน่อย ปลายเคยเที่ยวกลางคืนไหม เคยกินเหล้าไหม เคยพูดคำหยาบกับเพื่อนไหม”
ปลายฟ้าส่ายหน้า
“นั่นแหละเรียบร้อย เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว” ยังไงคนสวยที่เรียบร้อยและดูถ่อมตัวก็ดีกว่าคนสวยที่มองคนไม่ต่ำกว่าระดับสายตาอยู่แล้ว
ปลายฟ้าไม่รู้จะพูดอะไรต่อจึงได้แต่เปลี่ยนเรื่องคุย ระหว่างรอเวลาเรียนเธอก็เอาสมุดที่จดย่อของคาบเรียนก่อนหน้านี้ให้เพื่อน จากนั้นไม่นานก็มีเพื่อนคนอื่นมานั่งลอกสมุดของเธอเต็มไปหมด จนกระทั่งมีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาหยุดที่โต๊ะของเธอ
ผู้ชายคนนี้สวมชุดทีมบาสของมหาวิทยาลัย ที่หลังสะพายกระเป๋าเป้สีดำกับนาฬิการาคาแพงที่ข้อมือ ใบหน้าหล่อเหลาหมดจดเหมือนคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี แม้จะมีเหงื่ออยู่เต็มตัวก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายดูหมองลงไปเลย
“เอ่อ…” ปลายฟ้ากำลังคิดคำถาม
“เธอชื่อปลายฟ้า วงศ์มณีสกุลหรือเปล่า” เขาถามเสียงเรียบ
ปลายฟ้าพยักหน้า ขณะที่เพื่อนคนอื่นก็กำลังอึ้งเหมือนกัน ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่หนุ่มหล่อวัวตายควายล้มคนดังลูกชายของอธิการบดีหรือไงนะ
“ฉันเจอนี่แล้วเอาไปให้ฝ่ายธุรการ แต่เขาบอกว่าให้เอามาคืนเธอเองจะดีกว่า พอถามคนแถวนี้แล้วเขาก็บอกว่าเธอนั่งอยู่นี่ ฉันเลยเอามาคืน” เสียงแบบโมโนโทนของเขาทำให้คนฟังเดาอารมณ์ไม่ถูก ช่างห้วนแล้วก็ดิบจนไม่รู้ว่าจะแสดงปฏิกิริยาอย่างไรดี
“แล้วก็ระวังตัวด้วยนะ อาจจะมีคนคิดไม่ดีกับเธอ”
(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 23 ต.ค. 62)
Comments
comments
No tags for this post.