X
    Categories: LOVEทดลองอ่านนางสาวอันดับสอง

ทดลองอ่าน นางสาวอันดับสอง บทที่ 2 – บทที่ 3

หน้าที่แล้ว1 of 12

บทที่ 2

นางฟ้ากับเทวดา

ข่าวซุบซิบเรื่องของปลายฟ้ากับเชนดังไปทั่วมหาวิทยาลัยในเวลาไม่นาน ต่างคนต่างพูดกันไปว่าหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ ทั้งมหาวิทยาลัยกำลังตามจีบสาวสวยไฮโซอย่างปลายฟ้า ขนาดเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัยยังมีคนตัดต่อรูปของทั้งสองคนเอามาคู่กันต่างๆ นานา พวกผู้หญิงตอนแรกก็พากันโวยวาย แต่พอเห็นตัวจริงของหญิงสาวที่เป็นข่าวแล้วก็ต่างพากันยกธงขาว

สวยขนาดนี้ก็ไม่แปลกหรอกที่เชนจะชอบ

แม้แต่แก๊งเพื่อนของเชนก็ยังเกาะติดสถานการณ์ดังกล่าวเป็นระยะๆ โดยคนที่เป็นข่าวไม่ได้สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นเลย มิหนำซ้ำกลับนั่งต่อเลโก้อย่างสบายใจ

“โรบอตบอย ไปรู้จักคุณหนูปลายฟ้าได้ยังไง” ธันวาถามขึ้น

“ปลายฟ้า วงศ์มณีสกุลน่ะเหรอ”

“โหย มาทั้งชื่อนามสกุล สงสัยจะมีโอกาส”

“ไอ้ธัน เชนมันก็จำชื่อนามสกุลของคนที่เคยเรียนห้องเดียวกับเราได้แทบทุกคน พิเศษตรงไหนวะ” นิกกี้เถียง จากนั้นทั้งสามคนที่กำลังยืนสอบปากคำเชนอยู่ก็พยักหน้าพร้อมกัน ใช่แล้ว เชนความจำดีเลิศเหมือนมีพื้นที่สี่เทราไบต์อยู่ในสมอง

“งั้นถามตรงๆ แกชอบเขาเหรอ คุณหนูปลายฟ้าน่ะ” ธันวาถามขึ้นอีก

“เปล่า”

“โอเค งั้นจบ” ธนดลสรุป ถ้าเชนบอกว่าไม่ก็คือไม่ เพื่อนของเขาคนนี้มักจะพูดความจริงเสมอ และความจริงนั้นก็จะตรงกับความรู้สึกตลอด

“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงลือกันทั่วแบบนี้” สิ่งที่ธนดลสงสัยคือเรื่องนี้ต่างหาก ปกติเชนแทบจะไม่คุยกับผู้หญิงเลยด้วยซ้ำ พวกผู้หญิงที่เข้ามาหาก็มักจะเข้ามาไม่ถึงตัวเพราะเชนอยู่กับเพื่อนตลอด หรือหากจะอยู่คนเดียวก็เป็นสถานที่เงียบๆ ที่ไม่ค่อยมีคน ดังนั้นหากจะเกิดภาพที่เพื่อนของเขาคุยกับผู้หญิงก็เป็นภาพที่หาดูได้ยากมาก

เชนเล่าเรื่องสั้นๆ ที่เจอมาให้เพื่อนฟัง ตัวเขาเองไม่เห็นว่าจะมีอะไรแปลก ก็เลยไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนอื่นถึงต้องสนใจขนาดนี้ด้วย

“โด่ว ไม่มีอะไรเลยนี่หว่า”

“นี่จะเลิกถามกันได้แล้วใช่ไหม ไม่มีสมาธิเลย” เชนว่า

“เออๆ ไม่ถามแล้ว ไม่สนุกเลย ไปเหอะนิกกี้ ไปหลีสาวกัน”

ไม่นานเรื่องก็เงียบไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นจนถึงช่วงที่ต้องแข่งขันดาวเดือนของมหาวิทยาลัย เชนถูกหลอกแกมบังคับให้เป็นตัวแทนคณะไปแข่ง เจ้าตัวคิดง่ายๆ ว่าแกล้งทำอะไรห่วยๆ ไปจะได้ไม่ชนะ ดังนั้นเขาจึงโชว์ความสามารถพิเศษคือการจัดดอกไม้โดยเอาหญ้าชนิดต่างๆ มาปักๆ ลงไปในแจกันอย่างไม่มีศาสตร์หรือศิลป์อะไรทั้งนั้น

ผลสรุปออกมาว่าเขาชนะ!

กรรมการพากันชมว่า “คุณเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มาก หญ้าพวกนี้ปกติทุกคนจะมองข้าม แต่คุณให้คุณค่ากับมัน คุณสมควรเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยแห่งนี้”

ชายหนุ่มทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจ จากนั้นก็ถูกเพื่อนลากไปดูการแข่งของทางฝ่ายหญิงบ้าง ขณะที่ทุกคนกำลังรอดูอยู่อย่างใจจดจ่อ เขาก็ปลีกตัวออกมาเพราะอยากเข้าห้องน้ำ หลังจากเสร็จธุระระหว่างเดินกลับก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงสองคนคุยกัน

“คริสซี่ว่าปลายใส่ชุดไหนดี”

“ชุดสีรุ้งเลยปลาย สวยมากๆ” เสียงของผู้หญิงอีกคนตอบ ฟังดูก็รู้แล้วว่าไม่จริงใจสักนิด แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา ชายหนุ่มตัดสินใจเดินเลี่ยงไปทางอื่น ไม่อยากให้พวกเธอคิดว่าเขาแอบฟัง แต่ระหว่างที่จะเลี้ยวแยกไปอีกทางหางตาก็เห็นเจ้าของเสียงนั้นเข้า

ผู้หญิงที่พูดคนเดียวคนนั้นกับปลายฟ้า วงศ์มณีสกุล…

เป็นเพื่อนกันอย่างนั้นเหรอ

ปลายฟ้าเดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัว ขณะที่กฤษราหันมาเจอกับชายหนุ่มที่เธอรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตามากๆ จะว่าเขาเข้ามาขายถั่วในมหาวิทยาลัยก็หน้าตาดีเกินไปอีก พักหลังนี้มีแต่คนขายถั่วที่กล้าเข้ามาพูดกับเธอ

“เอ่อ มาหาใคร”

“ไม่ได้มาหาใคร เดินผ่านมาเฉยๆ” ถึงแม้ว่าคำตอบของเชนจะเป็นคำตอบที่แสนจะธรรมดา แต่สำหรับคนฟังอย่างกฤษรานั้นอดที่จะรู้สึกโมโหไม่ได้

“งั้นก็เดินผ่านไปเฉยๆ นะ ระวังเท้าคนอื่นด้วย” หญิงสาวว่าก่อนจะเลิกสนใจคนตรงหน้า แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินผ่านไปก็มีผู้หญิงสองคนเดินสวนมาก่อนจะส่งเสียงดังหนวกหู

“เฮ้ย นั่นเชนนี่ เชนพี่ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยนะ หล่อมากเลยนะวันนี้” เสียงน่ารำคาญนั้นดังอยู่ไม่นานก็หายไปพร้อมกับร่างสูงที่คงจะไปหาที่ถ่ายรูปกับแฟนคลับ กฤษราเบ้ปาก เธอไม่ชอบเลยเวลาที่เห็นผู้หญิงส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด น่ารำคาญจะตายชัก ผู้ชายนั่นก็…งั้นๆ แหละ

แต่เดี๋ยวนะ เขาชื่อเชนเหรอ

ข่าวของปลายฟ้าก่อนหน้านี้ไม่ใช่กับหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยที่ชื่อเชนหรอกเหรอ ถ้าเป็นข่าวลือเฉยๆ เธออาจจะปล่อยไป แต่หลังจากพิจารณาอาการของปลายฟ้าแล้วมีความเป็นไปได้สูงว่าเพื่อนของเธอจะสนใจเขา

ยังไงน่ะเหรอ

ทุกครั้งที่เพื่อนที่เรียนกับปลายฟ้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเจ้าตัวจะปฏิเสธแต่ก็แอบทำเอียงอาย และปลายฟ้าก็ดูไม่รำคาญใจเลยเวลาที่มีคนพูดเรื่องนี้บ่อยๆ ผิดกับตอนเรียนมัธยม เวลามีคนพูดเรื่องปลายฟ้ากับผู้ชาย เจ้าตัวก็จะแสดงอาการไม่อยากตอบออกมา

แต่นี่ปฏิเสธเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ชักมีมูลแฮะ

เอาเป็นว่าต้องสืบให้ชัดเจนก่อน เพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยเห็นปลายฟ้าสนใจเรื่องความรัก ดังนั้นเธอเองก็เลยไม่ได้สนใจเช่นกัน เรื่องอื่นสู้ไม่ได้แต่อย่างน้อยเรื่องนี้เธอเชื่อว่าต้องเอาชนะปลายฟ้าได้แน่ พอคิดได้แบบนั้นกฤษราก็หัวเราะเสียงดังออกมาอย่างลืมตัว

“คริสซี่เป็นอะไรน่ะ ยังไม่แต่งตัวเหรอ” เพื่อนคนหนึ่งในสาขาของเธอถามขึ้น วันนี้กฤษราก็ลงแข่งขันเป็นตัวแทนของสาขาเหมือนกัน และก็ต้องมาเจอกับปลายฟ้าตอนแข่งขันรวมอีกเหมือนเดิม อย่างน้อยชุดสีรุ้งนั่นน่าจะช่วยทำให้ปลายฟ้าสวยน้อยลงมาหน่อยเพื่อที่เธอจะได้มีโอกาสชนะ โดยการแสดงความสามารถพิเศษของกฤษราเป็นการโชว์เต้นบัลเล่ต์ที่แสนจะไฮไซ ในขณะที่ปลายฟ้ามาโชว์ทำขนมไทยโบราณ ชัยชนะก็เห็นๆ กันอยู่

“ผู้ชนะตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัยในปีนี้คือ…นางสาวปลายฟ้า วงศ์มณีสกุล”

สิ้นเสียงประกาศกฤษราก็หันควับไปที่ผู้หญิงใส่ชุดสีรุ้ง ยอมรับนิดหน่อยก็ได้ว่าปลายฟ้าใส่ชุดนี้แล้วไม่ได้น่าเกลียดอย่างที่คิด แต่อีแค่ทำขนมไทยมันน่าพิสมัยตรงไหนกัน

“ว่าแล้วว่าคุณหนูปลายต้องชนะ” ธันวาพูดขึ้น ชายหนุ่มอีกสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กอดอกท่าเดียวกันก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียง ส่วนคนที่นั่งริมสุดอย่างเชนก็มองชัยชนะของปลายฟ้าอย่างครุ่นคิด ยิ่งมองหญิงสาวที่ได้อันดับสองที่มีสีหน้าเหมือนกลืนดินเข้าไปก็รู้สึกว่าขัดหูขัดตาแปลกๆ

แต่มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขานี่นา คิดไปก็เปล่าประโยชน์

ตอนนั้นอาจจะจริงที่เชนคิดอย่างนั้น แต่หลังจากนั้นไม่นานเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเรื่องนี้ก็วกกลับมาวุ่นวายกับเขาจนได้ เพราะเรื่องกิจกรรมดาวเดือนของมหาวิทยาลัยทำให้เขากับปลายฟ้าต้องมาเจอกันบ่อยๆ ทั้งถ่ายรูปทำกิจกรรม แล้วข่าวลือเดิมก็กลับมาอีกครั้ง

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาต้องโดดซ้อมบาสเกตบอลกับเพื่อนแล้วมาถ่ายรูปรอบมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นการโปรโมต ซึ่งโปรโมตอะไรเขาก็ไม่รู้ ได้แต่ทำให้มันเสร็จๆ ไปเพราะปฏิเสธไม่ได้

ก็มารดาของเขาเล่นพาเขามาด้วยตัวเอง หลังจากคุยกับทุกคนเสร็จท่านอธิการบดีก็คุยโทรศัพท์ต่อเรื่องงานไม่หยุด ขณะที่ปลายฟ้ากับเชนนั่งรอถ่ายรูปอยู่ หญิงสาวมองมารดาของเชนที่ดูเหมือนจะไม่มีเวลาคุยกับลูกชายด้วยซ้ำ นั่นทำให้เธอนึกถึงตัวเอง

มีพร้อมทุกอย่าง ยกเว้นเวลาจากคนในครอบครัว

“เหมือนที่บ้านปลายเลย” ปลายฟ้าพูดขึ้น

“ว่าอะไรนะ” เชนถามกลับ ที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยได้คุยกับปลายฟ้าเท่าไหร่เพราะคิดว่าจะวุ่นวายหากมีคนเอาไปลือผิดๆ อีก ถึงเขาจะไม่ได้คิดอะไร แต่สำหรับผู้หญิงคงไม่ค่อยดีนัก

“แม่เชนน่ะยุ่งเหมือนแม่ปลายเลย ปีนี้ปลายคุยกับแม่แค่สามสิบประโยคเองนะ”

“ยังดีกว่าแม่ฉัน เขาชอบพูดคนเดียว” ทันทีที่เชนพูดจบปลายฟ้าก็หัวเราะเสียงดัง การที่เขาทำหน้านิ่งแล้วพูดแบบนี้ทำให้เธอยิ่งรู้สึกว่าน่าขำ

“เอ่อ เชน แม่ต้องไปก่อนนะ” มารดาของเชนว่าก่อนจะหันมายิ้มให้ปลายฟ้าแล้วเดินออกไป ความรู้สึกอันแสนจะคุ้นเคยนี้ทำให้ปลายฟ้ารู้สึกประหลาด เธอไม่ได้เป็นคนเดียวที่อยู่ในครอบครัวที่พ่อแม่ทำงานจนไม่มีเวลาให้ลูก ที่ผ่านมาเธอเห็นแค่ครอบครัวอันอบอุ่นของกฤษรา แต่ข้างนอกนั่นจะต้องมีคนที่เป็นแบบเธอสักคนซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือคนตรงหน้า

“แต่แม่เชนก็ยังอุตส่าห์มาดูนะ” หญิงสาวว่า

“ก็เขาเป็นอธิการบดี ต่อให้เป็นคนอื่นก็ต้องแวะมาดูอยู่แล้ว” ชายหนุ่มยักไหล่ หากเป็นเมื่อก่อนเขาก็อาจจะรู้สึกเหงาบ้าง แต่เพราะมีเพื่อนก็เลยไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว บิดาและมารดาของเขาก็งานยุ่งกันอยู่ตลอด ในหนึ่งปีอาจจะมีบางวันที่ได้ทานข้าวด้วยกัน แต่จะวันไหนเขาก็เลิกรอแล้ว

ปลายฟ้ายิ้มแห้งๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ

“เธอน่ะ มีเพื่อนคนอื่นอีกไหม” อยู่ดีๆ เขาก็ถามขึ้น

“เอ่อ หมายความว่ายังไง”

“คนนั้นที่ได้ที่สองน่ะ เพื่อนกันใช่ไหม”

“คริสซี่เหรอ ใช่ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่จำความได้ แม่เราก็เป็นเพื่อนกัน” ปลายฟ้าเล่าด้วยรอยยิ้ม นอกจากกฤษราเธอก็ไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหนอีก

“อ่อ” เขาตอบสั้นๆ

“ใช่ ปลายว่าจะถามเชนนานแล้ว ไปเจอใบคำร้องย้ายสาขาของปลายที่ไหนเหรอ”

“ที่พื้น มันขาดอยู่ก็เลยเอามาต่อ แต่ตอนนี้ไม่ได้ย้ายแล้วนี่” เชนว่า การที่เธอเป็นตัวแทนของสาขามาประกวดก็แสดงว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากจะย้ายสาขาแล้ว

“ความจริงที่ปลายอยากย้ายก็เพราะว่าคริสซี่น่ะ แต่พอมาคิดดีๆ เราก็ต้องเลือกสิ่งที่เราอยากเรียนมากกว่าตามเพื่อนสิเนอะ”

เชนหันไปมองใบหน้าสวยที่เพื่อนของเขาชมนักหนานั่นด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่รู้จริงๆ หรือว่าแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ แต่ก็เอาเถอะ เขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเรื่องนี้อยู่แล้ว คำเตือนเล็กน้อยนั่นเขาก็บอกไปแล้ว หากอีกฝ่ายไม่เชื่อก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องพูดซ้ำ

“โอ๊ยไอ้เชน อยู่นี่เอง เสร็จยัง” ธันวาเดินถลาเข้ามาโดยลืมดูว่าปลายฟ้าก็นั่งอยู่ด้วย พอหันไปเจอสาวสวยธันวาก็ชะงัก เขาไม่ควรมาให้เธอเห็นในสภาพสวมชุดซ้อมบาสเกตบอลเหงื่อไหลโซมกายแบบนี้

“ยังไม่เสร็จ” เชนตอบ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจฟังเสียแล้ว

“สวัสดีครับ ปลายใช่ไหมครับ” เสียงของธันวาอ่อนลงทันที

“ค่ะ แล้วคุณ…”

“เรียกธันก็ได้ครับ เป็นเพื่อนเชน เล่นบาสครับ อีกไม่นานจะมีแข่ง ไปดูได้นะครับ” ท่าทางก้อร่อก้อติกของเพื่อนทำให้เชนส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดูดฆ่าเวลา

ปลายฟ้าพูดด้วยตามมารยาท ตอนที่อยู่กับกฤษราส่วนใหญ่ไม่มีใครกล้าเข้ามาคุย อาจจะเป็นเพราะทุกคนกลัวเพื่อนของเธอ ปลายฟ้าเองก็ไม่รู้ว่ากฤษราน่ากลัวตรงไหน

“อยู่ทีมบาสกันเหรอ เมื่อก่อนพี่ชายปลายก็ชอบเล่น เคยสอนปลายเล่นด้วย แต่ปลายไม่เก่ง” ปลายฟ้านึกถึงตอนที่กฤษณสอนเธอกับกฤษราเล่นบาส มีผู้หญิงที่ไหนจะชอบกีฬาหนักๆ แบบนั้นกัน แต่ก็อีกนั่นแหละ เพราะเธอไม่มีอะไรทำก็เลยต้องเล่นด้วย ได้ยินกฤษณชมว่าเธอเล่นเก่งกว่ากฤษราก็ยิ่งรู้สึกมีแรงฮึดที่จะเล่น

“ฮ้า ปลายน่ะเหรอเล่นบาส” ธันวาทำหน้าตาตกใจ

“เล่นกีฬาไม่ได้ฆ่าคนตาย ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น” เชนพูดขึ้น

“โรบอตบอย นี่มนุษย์เขาคุยกันอย่าเพิ่งแทรก”

พอธันวาพูดจบปลายฟ้าก็หัวเราะเสียงดังจนทุกคนหันมามอง แม้แต่เสียงหัวเราะยังสวย ถึงจะดังไปหน่อยก็ตาม เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองเริ่มสนุกที่ได้รู้จักคนโน้นคนนี้ บางทีการที่ต้องแยกกับกฤษราก็อาจจะเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน

“เอ่อ จริงๆ เราเป็นผู้ชายที่ตลก แต่ก็ไม่ได้ตลกแบบนี้ตลอดนะ บางมุมก็มีเท่ๆ บ้าง เอาอย่างนี้สิ ไว้ว่างๆ ลองไปเล่นบาสด้วยกันขำๆ” อันที่จริงธันวาก็นึกไม่ออกว่าการที่เล่นบาสเกตบอลกับผู้หญิงสวยๆ มันจะเป็นยังไง อาจจะต้องอ่อนข้อให้หรือว่าอาจจะแกล้งโยนไม่เข้าห่วง มีหลายอย่างที่เขากังวลอย่างเช่นเรื่องที่จะทำให้ปลายฟ้าบาดเจ็บ

“ทำไมเรียกเชนว่าโรบอตบอยล่ะ” ปลายฟ้าถาม

“ก็มันพูดไม่เหมือนคนนี่ สังเกตดีๆ”

“จริงด้วย แต่ตลกดีนะ”

ดูเหมือนว่าปลายฟ้าจะเป็นคนเข้ากับคนง่ายไม่เหมือนที่ตัวเองคิดเอาไว้ตอนแรก เมื่อตัดสินใจที่จะไม่ย้ายสาขาแล้วเธอก็พยายามจะเข้ากับเพื่อนที่เรียนสาขาเดียวกันให้ได้ ก็เลยพอจะมีเพื่อนอยู่บ้าง

แต่ก็ยังไม่มีเพื่อนผู้ชาย นี่เป็นครั้งแรก

หลังจากวันนั้นไม่กี่วันธันวาก็นัดให้ทุกคนมาเล่นบาสด้วยกัน และแน่นอนว่ามีปลายฟ้าด้วย ทุกคนเกร็งกันหมดยกเว้นเชน แต่แทนที่จะต้องอ่อนข้อให้ปลายฟ้า หรือแกล้งโยนลูกให้ไม่ลงห่วง พวกเขากลับมีความเครียดอย่างอื่นขึ้นมาแทน

เครียดที่ว่าจะแย่งบอลจากหญิงสาวยังไง ไหงคนสวยเล่นบาสโคตรเก่ง!

“ไอ้ธัน ปลายเป็นทีมชาติป่ะวะ ดูดิขนาดวิ่งตั้งนานยังดูไม่เหนื่อย” นิกกี้พูดขึ้น ก่อนหน้านี้เขาจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นแค่ไหน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเหนื่อยจนหัวใจแทบหยุดเต้น ทั้งธันวา ธนดล และเขานั่งอยู่บนพื้นข้างสนามเพื่อดูปลายฟ้ากับเชนเล่นกันสองคนแบบวันออนวัน

“เก่งนะ สามคนนั่นหมอบไปแล้ว” เชนว่า

“เมื่อก่อนปลายเล่นบ่อย แต่หลังๆ เปลี่ยนมาชกมวย แบบฟิตเนสน่ะ ไม่ได้จริงจังอะไร” ปลายฟ้าว่า พอกฤษณเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็เลยไม่ค่อยมีเวลามาเล่นกับเธอและกฤษราอีก เธอจึงหากิจกรรมอย่างอื่นทำแทน

“พอแค่นี้ก่อนเถอะ ฉันต้องกลับบ้านแล้ว”

“โอเค” ปลายฟ้าว่า

เชนเดินไปที่กระเป๋าของตัวเองพร้อมกับปลายฟ้า เขาหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดเหงื่อ เห็นหญิงสาวหยิบน้ำมาดื่มแล้วก็เก็บลงไปในกระเป๋าเป้ รูดซิปเตรียมจะสะพาย

“เหงื่อเธอออกเยอะเลย เอานี่เช็ดก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาพร้อมหยิบผ้าขนหนูอีกผืนในกระเป๋าของเขาเช็ดที่ข้างลำคอของอีกฝ่าย ดูแล้วอาจจะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เหมือนกับเขาพยายามจะแต๊ะอั๋งผู้หญิง แต่ปลายฟ้ากลับไม่รู้สึกอย่างนั้น สายตาของเขาไม่ได้มีเจตนาแอบแฝง กลับหมายความอย่างที่พูดจริงๆ

“ขะ…ขอบคุณมาก” ปลายฟ้ากล่าวขอบคุณเสียงสั่น ใจเธอเต้นแรงไปหมด หญิงสาวจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนั้นเดินออกมาด้วยสีหน้ายังไง รู้แต่ว่าตั้งแต่วันนั้นไม่ว่าจะเห็นเชนที่ไหนเธอก็ไม่กล้าสบตาอีกเลย

ความอึดอัดนี้ทำให้ปลายฟ้ารู้สึกเหมือนกำลังหายใจไม่ออก เธอต้องระบายให้ใครสักคนฟัง แต่เพื่อนที่เรียนด้วยกันก็ไม่สนิทกันมากพอ ดังนั้นจึงกลายเป็นกฤษราที่ต้องฟังเรื่องของผู้ชายนิรนามคนนี้ ตอนแรกกฤษราก็สงสัยอยู่ว่าคนที่ปลายฟ้าเล่าคือใคร

แต่สมองอันชาญฉลาดของเธอนั้นประมวลความน่าจะเป็นไปได้ออกมาได้แค่คนเดียวก็คือคนที่เธอสงสัยในตอนแรก ฟังดูแล้วน่าจะเป็น…เชน

“เป็นเรื่องของเพื่อนของเพื่อนน่ะ แล้วคริสซี่ว่าไง”

“ไม่ว่ายังไง ถ้าชอบก็บอกเขาไปสิ” กฤษราแนะนำ ดีเลย ชอบเข้าไป ชอบให้มากๆ เวลาผิดหวังจะได้รู้สึกว่าการที่ไม่ได้ดั่งใจสักเรื่องมันเป็นยังไง

“แต่เพื่อนของปลายขี้อายมาก”

“ถ้าอย่างนั้นก็ตัดใจเถอะ ปลายบอกนี่ว่าผู้ชายคนนั้นเขาดีมาก คนแบบนั้นผู้หญิงติดเยอะแน่ๆ”

“แต่เขาก็ดูไม่เจ้าชู้เลยนะ”

“ปลายรู้เหรอว่าเพื่อนชอบคนไหน” กฤษราแกล้งถาม ยิ่งเห็นปลายฟ้าเอียงอายก็ยิ่งแน่ใจ ตอนนี้ไฟริษยาในตัวของเธอกำลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ทั้งตื่นเต้นและดีใจที่ในที่สุดก็มีเรื่องน่าสนุกให้เอาชนะปลายฟ้าอีกเรื่อง แม้ว่าตนเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ด้านความรักอะไรมาก่อน แต่ยังไงเรื่องนี้เธอก็คิดว่าตัวเองต้องไวกว่านางฟ้าแสนสวยอย่างปลายฟ้าแน่นอน

“ไม่รู้หรอก ก็ฟังจากที่เพื่อนเล่า” ปลายฟ้าว่า

“เป็นคนดีขนาดนั้นถ้าไม่รีบก็อาจจะโดนแย่งก็ได้นะ” จะถือว่าเป็นการประกาศสงครามโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้เรื่องด้วยก็ได้ แต่ยังไงก็ตามหลังจากนี้เธอต้องไปหาวิธีที่จะแย่งผู้ชายคนนั้นมา หรืออย่างน้อยก็กันให้ปลายฟ้าไม่สมหวัง

“ทำไมช่วงนี้คริสซี่ชอบทำท่ากัดปากแบบนั้นบ่อยจัง ไม่เจ็บเหรอ”

“โฮะๆๆ มันเป็นสไตล์น่ะ ปลายไม่เข้าใจหรอก”

บทที่ 3

จะทำยังไงดีน้าาา คริสซี่ (คิดซิ)

หลายวันที่ผ่านมากฤษราทำงานอย่างหนัก เริ่มจากการสืบประวัติของชายหนุ่ม จากนั้นก็สะกดรอยตาม ก่อนที่จะลงมืออ่อยเธอจะต้องรู้ก่อนว่าเขามีรสนิยมเป็นยังไง เธอไม่ใช่คนที่จะทำอะไรลวกๆ โดยที่ไม่ศึกษาก่อน เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอจึงพยายามไม่ให้เขาเห็นหน้าโดยการปิดผ้าปิดจมูกเอาไว้ แน่นอนมันก็อาจจะแลกมาด้วยเสียงนินทานิดหน่อย

“เธอดูคนนั้นดิ ไปอัพหน้ามาแน่เลย อยู่เอกไหนน่ะ”

ฉันสวยแต่เกิดย่ะ…ยายพวกบ้า

กฤษราได้ความสวยมาจากไพรินผู้เป็นมารดา ส่วนบิดาน่ะเหรอ โชคดีที่ทั้งเธอทั้งพี่ชายไม่มีใครหน้าเหมือนบิดาเลย ไม่อย่างนั้นคงต้องช้ำใจแน่ที่แม้แต่ความสวยก็ไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกับปลายฟ้าได้

หลังจากกฤษราตามเชนไปทุกที่ก็พบว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีชีวิตน่าเบื่อเหลือเกิน เรียนกฎหมาย เรียนดี เล่นกีฬาเก่ง มีเพื่อนอีกสามคนไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนบอยแบนด์ แล้วยังมีคนหนึ่งชอบมองมาทางเธอเหมือนกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง เธอจึงหลบออกมาก่อน คิดว่าพรุ่งนี้ต้องพักก่อนหนึ่งวันเพื่อไม่ให้คนสงสัย

“ไอ้เชน ฉันเห็นคนนั้นเดินตามเรา หรือฉันคิดไปเองวะ” นิกกี้สะกิดถามเพื่อน

“เขาตามอย่างนั้นมาหลายวันแล้วล่ะ”

“อ้าวเฮ้ย โรคจิตเหรอ แจ้งตำรวจยัง” นิกกี้ทำท่าทางตื่นตกใจ ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวมาก เกิดบันดาลโทสะหยิบมีดขึ้นมาแทงเพื่อนเขาจะทำยังไง

“ไม่ต้องแจ้งหรอก เดี๋ยวเหนื่อยก็คงเลิกมั้ง” ใช่ว่าเชนจะไม่กังวลเรื่องที่เพื่อนบอกให้แจ้งตำรวจ แต่ในระหว่างที่เธอตามดูเขาทุกวัน เขาก็ศึกษาพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้ามเหมือนกัน เริ่มตั้งแต่ตอนที่แอบอยู่หลังเสาลานจอดรถแล้วถูกรถบีบแตรใส่ แอบอยู่หลังพุ่มไม้แล้วโดนมดกัด ตามเขาไปถึงแถวบ้านแต่ก็ถูกสุนัขไล่

ผู้หญิงแบบนี้ปล่อยทิ้งเอาไว้เดี๋ยวก็คงตายไปเอง ไม่มีอะไรต้องห่วง…

“ฉันว่าระวังตัวไว้บ้างก็ดี คืนนี้ไปเที่ยวกันไหม” อยู่ๆ นิกกี้ก็เปลี่ยนเรื่อง

“ฉันว่านายมีปัญหาในการเชื่อมโยงเหตุการณ์”

“โอเค จะถือว่าไม่ได้ชวน” พูดจบเขาก็เดินออกไป แต่ก็ไม่วายมองไปที่หลังถังขยะ ศีรษะของผู้หญิงคนนั้นยังโผล่อยู่นิดหน่อย เหมือนจะมีเศษขยะติดที่ผมด้วย หรือเขาควรจะไปบอกเธอดีว่าไม่ต้องแอบแล้ว แต่…ไม่ดีกว่า วันนี้ต้องรีบไปเที่ยว

กฤษราไม่ยอมแพ้ หลังจากพักผ่อนหนึ่งวัน เธอก็ตามชายหนุ่มอย่างทรหดต่ออีกหลายวัน ยิ่งหลังๆ เขาชอบไปนั่งดูหนังคนเดียวในโรงหนังทั้งวัน ย้ำว่าทั้งวัน แรกๆ เธอก็ช็อปปิ้งรอข้างนอก เมื่อเขาออกมาจากโรงหนังแล้วก็ตามต่อ แต่วันนี้เธอเบื่อเลยเข้าไปดูหนังในโรงภาพยนตร์เดียวกัน ผลก็คือเธอหลับ แล้วพอตื่นขึ้นมาก็เจอกระดาษแปะอยู่บนหน้าผาก

 

‘คุณกำลังละเมิดปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน 1945’

 

“คือไร” กฤษราพูดพึมพำกับตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ค้นหาสิ่งที่เขียนไว้ในกระดาษ พออ่านจบก็รู้สึกโมโหขึ้นมา ทำไมเธอรู้สึกว่าตัวเองโง่เลย ที่แท้ตานั่นรู้แล้วว่าเธอแอบสะกดรอยตาม คิดว่าเธอจะยอมง่ายๆ หรือไง เย็นวันนั้นกฤษราแวะเข้าร้านหนังสือเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการอ่อยผู้ชาย ถึงจะเป็นมือใหม่ แต่เธอก็รู้ว่าหากทำพลาดแล้วควรหาวิธีการแก้ไขที่ถูกต้อง

 

‘เมื่อคิดว่าเขารู้แล้วควรใช้ความจริงใจเข้าสู้ บอกไปเลยว่าคุณรู้สึกยังไง’

 

ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย! เธอแค่จะเอาชนะปลายฟ้าเฉยๆ จะแสดงความจริงใจยังไงในเมื่อมันเป็นการเสแสร้ง อย่างนั้นก็เปลี่ยนเล่มใหม่ดีกว่า

 

‘ลองยั่วยวนเขาด้วยสายตาดูสิ คุณจะได้ทุกอย่าง’

 

“ยั่วยวนด้วยสายตา” หญิงสาวพึมพำก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อย ท่านี้เนี่ยแหละที่เธอคิดว่าเซ็กซี่ที่สุด ว่าแล้วเธอก็กลับบ้านไปซ้อมท่าทางยั่วยวนตามที่หนังสือบอก แต่คนฉลาดย่อมไม่ประมาท เธอยังคงไปหาแผนสำรองกับหนังสือเล่มเดิมที่ร้านหนังสือในอีกสองสามวันต่อมา

“ขอโทษนะคะคุณผู้หญิง ยังไงลองซื้อหนังสือเล่มนี้ไปอ่านที่บ้านดูไหมคะ” พนักงานในร้านหนังสือคนหนึ่งเดินเข้ามาถามเธอ

กฤษราช้อนตามองพนักงานอย่างรำคาญใจ อีแค่ยืมอ่านนิดหน่อยทำไมต้องมากดดันเธอด้วยนะ แต่ก็เอาเถอะ เห็นแก่ว่าหนังสือมันยับเยินด้วยมือเธอหมดแล้ว จะยอมซื้อก็ได้

“ก็ได้ค่ะ จ่ายเงินตรงไหนคะ” ท่าทางของกฤษรานั้นสามารถสร้างศัตรูได้เสมอ มองภายนอกใครๆ ก็ต้องคิดว่าเธอเป็นคุณหนูขี้เหวี่ยงกันทั้งนั้น แม้แต่ตัวเธอเองก็คิดแบบนั้น…ช่วยไม่ได้ คนมันสวยและรวยมาก

“สองร้อยเก้าสิบห้าบาทครับ” พนักงานแคชเชียร์ว่า

กฤษราเบ้ปากก่อนจะหยิบบัตรเครดิตยื่นให้

“เอ่อ รับชำระขั้นต่ำสามร้อยบาทนะครับ”

“อะไรกัน มีเรื่องอย่างนี้ด้วยเหรอ” กฤษราไม่เข้าใจ เธอแทบจะไม่เคยพกเงินสดติดตัวเลย ใช้บัตรเครดิตตลอด มูลค่าของที่เธอซื้อยังไงก็มากกว่าสามร้อยอยู่แล้ว เธอจึงไม่รู้มาก่อน

“ลองรับสินค้าเพิ่มไหมครับ”

“แต่ฉันไม่ได้อยากได้นี่”

“อย่างนั้นจ่ายเป็นเงินสดนะครับ”

“ฉันไม่มีเงินสดนะ”

เท่านั้นพนักงานทั้งร้านรวมถึงลูกค้าคนอื่นก็หันมามองหญิงสาวเป็นตาเดียว ผู้หญิงอะไรแต่งตัวก็ดี ท่าทางดูมีเงินแต่ไม่มีปัญญาจ่ายค่าหนังสือ ในระหว่างที่ทุกคนกำลังอึดอัดใจชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินมาที่เคาน์เตอร์แล้ววางเงินสามร้อยบาท

“เอ่อ ขอบคุณครับ” พนักงานรับเงินมาแล้วรีบเอาหนังสือใส่ถุงให้

กฤษรายังรู้สึกตกใจไม่หายที่อยู่ๆ เป้าหมายของเธอก็โผล่มาพร้อมเงินสามร้อยบาท แต่ก็สมควรล่ะนะ ที่เธอต้องมาซื้อหนังสือเพราะอยากจะจับเขาเพื่อเอาชนะปลายฟ้านี่นา เขาควรจ่ายถึงจะถูกต้อง

ชายหนุ่มจ่ายเงินเสร็จก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเดินออกไปจากร้านสักพักก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเดินตามมาด้วย เกือบสองอาทิตย์แล้วที่เขารู้สึกว่าตัวเองโดนคุกคาม แต่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ได้ทำให้เขาเป็นอันตรายแล้วยังโง่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ตัวเองซวยจนเขาทนไม่ไหว

“นี่ๆ ขอบคุณมากนะ เดี๋ยวฉันคืนเงินให้” เธอพูดอยู่ข้างหลัง

“ไม่ต้องหรอก”

“ไม่ได้ ไม่เอาเงินไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าว”

“กินข้าวแล้ว” เขาว่า

“ไม่เป็นไร กินขนมก็ได้ ฉันอยากขอบคุณจริงๆ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ตามนายไปทุกที่” พอหญิงสาวพูดจบเขาก็หยุดกึก เขายังไม่รู้เป้าหมายที่แน่ชัดของอีกฝ่ายว่าตามเขาทำไม แล้วก็ลืมคิดไปด้วยว่าการที่คนคนหนึ่งตามใครอีกคนหนึ่งมันจะต้องมีสาเหตุ

“ก็ได้”

จากนั้นทั้งสองคนก็มานั่งที่ร้านไอศกรีมด้วยกันโดยมีเพียงกฤษราที่นั่งกินอยู่คนเดียว พอเห็นอีกฝ่ายนั่งมองเธอด้วยสายตาประหลาด หญิงสาวก็หยุดกิน

“ไม่ได้กินนานแล้วน่ะ” หมดกัน เธอต้องทำตัวเซ็กซี่ยั่วยวนถึงจะถูก

“มีไอศกรีมเลอะที่หน้าผากน่ะ”

“ไหน จริงดิ” ร่างบางลนลานหยิบตลับแป้งแสนรักของเธอขึ้นมาด้วยความร้อนรนก่อนที่จะทำมันหลุดมือไป กระจกข้างในกระเด็นออกมาเป็นชิ้นๆ ในขณะที่มือของกฤษรายังค้างอยู่กลางอากาศ มองเศษกระจกนั่นด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

“…”

“ไม่มีอะไรติดที่หน้าฉันใช่ไหม”

“ไม่มี แค่อยากรู้ว่าเธอโง่จริงหรือเปล่า” เขาพูดด้วยสีหน้านิ่งเหมือนว่าไม่ได้กำลังด่าเธออยู่อย่างนั้น กฤษรารู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงก่ำ ไม่ใช่เพราะความเขินอายแน่ แต่เป็นเพราะความโมโหจนถึงขีดสุด ไอ้บ้านี่ต้องตาย! ไอ้บ้านี่ต้องตาย! เสียงนี้ดังก้องอยู่ในหัว แต่ต้องหลังจากที่เธอจัดการเรื่องปลายฟ้าเสร็จแล้ว

“ดีใจนะที่เราเข้ากันได้ดีขนาดนี้” กฤษราแค่นยิ้มออกมา

“แล้วเธอตามฉันทำไม”

เมื่อได้ยินคำถามนี้หญิงสาวก็เริ่มเครียด นี่เธอต้องบอกชอบผู้ชายประสาทแบบนี้จริงๆ เหรอ แค่คิดว่าคำพูดนี้จะออกจากปากตัวเองก็เริ่มเกร็ง

“ฉันแอบชอบนายน่ะ” ในที่สุดเธอก็พูดคำนั้นออกไป แหวะ!

“โกหก”

ไอ้บ้านี่!

“จริงๆ นะ ทุกครั้งที่มองหน้านายฉันใจเต้นแรงมากเลย” กฤษราหรี่ตาลงทำเหมือนที่ในหนังสือบอก ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ต้องหลงเสน่ห์ของเธอทั้งนั้น ขนาดส่องกระจกเธอยังหลงรักตัวเองเลย

“จะพิสูจน์ยังไง ฉันไม่รู้สักหน่อยว่าหัวใจเธอเต้นด้วยความเร็วเท่าไหร่”

บ้าบอที่สุด เธอไม่ได้คิดแผนสำรองสำหรับเรื่องนี้มา ในระหว่างที่กำลังคิดหาทางออก อยู่ๆ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นพาดบ่าแล้วส่ายหน้าไปมา

“พวกนั้นต้องด่าฉันแน่ที่ไปสายเพราะเสียเวลามาคุยกับคนบ้าตั้งนาน” ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเดินออกไปกฤษราก็ลุกพรวดขึ้น มือหนึ่งเอื้อมไปดึงแขนเสื้อของเขาทำให้ร่างสูงต้องหันกลับมา และกว่าเขาจะรู้ตัว มือของตนเองก็วางอยู่บนหน้าอกข้างซ้ายของอีกฝ่ายแล้ว

“นี่ไง เต้นแรงไหม”

ผู้หญิงคนนี้มัน…ประสาทแน่ๆ

“เธอชื่ออะไร”

“คริสซี่”

“ชื่อจริง”

“กฤษรา พลอยในบ่อ”

“ฟังนะกฤษรา พลอยในบ่อ ต่อไปนี้ห้ามเข้าใกล้ฉันเกินกว่าระยะสองเมตร ไม่อย่างนั้นเธออาจจะต้องไปนอนในคุก” พูดจบเขาก็ดึงมือออก สัมผัสนั้นยังติดอยู่ที่มือเขาอยู่เลย คิดไม่ออกเลยว่าบนโลกใบนี้จะมีผู้หญิงคนไหนดึงมือผู้ชายไปจับหน้าอกตัวเอง

วินาทีนั้นเชนก็รู้ตัวเลยว่าเขาเองก็มีสิ่งที่รู้สึกกลัวเหมือนกัน นั่นคือ…

กฤษรา พลอยในบ่อ

 

แต่คนอย่างกฤษราไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ เมื่อก่อนเธอยังเคยอดหลับอดนอนตั้งหลายคืนเพื่อที่พยายามจะสอบให้ได้คะแนนมากกว่าปลายฟ้า กับแค่โดนขู่แค่นี้สำหรับเธอสบายมาก อีกอย่างเธอทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีได้ อีกไม่นานเขาจะต้องตกหลุมรักเธอแน่

“ฮ่าๆๆ”

“คริสซี่ ย่าว่าแกลองไปหางานอดิเรกอะไรทำไหม” ย่าพร้อมพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าปีนี้ย่าจะอายุหกสิบห้าปีแล้วแต่ก็ยังแข็งแรงและทำหน้าที่ผู้ปกครองคนที่สามของเด็กๆ ได้ดี

“ทำไมหนูต้องทำคะ เหนื่อยจะตาย”

“ไปชกมวยเหมือนปลายก็ได้”

“ไม่เอาเดี๋ยวเจ็บตัว”

“ถ้าแกยังชอบหัวเราะคนเดียวอยู่แบบนี้ อีกไม่นานแกจะเป็นบ้านะ” ย่าพร้อมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง จริงอยู่ที่กฤษราเป็นเด็กแปลกๆ เมื่อก่อนก็คิดว่าหากโตขึ้นเรื่องพวกนี้คงจะหายไปเอง แต่ตอนนี้กลับแย่ลงเรื่อยๆ ถึงขนาดมองเพดานแล้วหัวเราะคนเดียว

“หนูไม่ได้บ้านะคะ ทุกอย่างปกติดี”

“แล้วแต่แล้วกัน ยังไงย่าก็จะชิงตายก่อนที่จะเห็นหลานสาวเป็นบ้า”

“ย่าอ่ะ”

“แล้วพี่ชายแกเขาจะกลับวันไหน” ย่าพร้อมเปลี่ยนเรื่อง ยังดีที่ยังมีหลานชายคนโตที่ปกติ ไม่อย่างนั้นตระกูลพลอยในบ่อจะต้องสิ้นสุดแน่

“พรุ่งนี้ค่ะ”

“ดี พรุ่งนี้จะได้โทรบอกปลายให้มาทานข้าวเย็นด้วยกัน” ย่าพร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เป็นรอยยิ้มที่กฤษราไม่ชอบเอาเสียเลย พี่ชายของเธอจะตกล่องปล่องชิ้นกับใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ปลายฟ้า

“ย่าเลิกจับคู่เถอะ พี่คริสเขาไม่ได้ชอบปลายแบบนั้น”

“เด็กๆ ก็อย่างนี้แหละ เวลาผ่านไปจะรู้กันเองแหละว่าเหมาะสมกัน” ในสายตาของย่าพร้อมนั้นมีปลายฟ้าเป็นหลานสะใภ้เพียงคนเดียว ส่วนบิดา มารดา และพี่ชายของเธอนั้นไม่ได้คิดในทางนั้นเลย ทุกคนพูดเสมอว่าปลายฟ้าเป็นเหมือนลูกสาวอีกคน แต่เธอก็ไม่ชอบให้เป็นแบบนั้นอีกนั่นแหละ จะเป็นลูกสาวหรือลูกสะใภ้ปลายฟ้าก็แย่งความรักของทุกคนไปได้หมดเหมือนกัน

กฤษราถอนหายใจไม่อยากจะเถียงต่อเพราะยังไงก็แพ้ ย่าก็คือย่า ขนาดบุพการีทั้งสองของเธอยังเอาชนะท่านไม่ได้ แล้วหลานอย่างเธอจะทำได้ยังไง

“แล้วนั่นซื้อหนังสืออะไรมา” ย่าพร้อมชะเง้อมอง ต้องโทษสายตาฝ้าฟางของตนเองทำให้มองไม่เห็นว่าเป็นหนังสืออะไร

“ก็หนังสืออ่านเล่นค่ะ ไม่มีอะไร” กฤษรารีบซ่อน

“ตอนนี้ไม่ได้เรียนกับปลายแล้ว แกต้องตั้งใจเรียนนะ”

“หนูก็ตั้งใจเรียนอยู่แล้ว มีปลายหรือไม่มีก็ไม่เกี่ยวนะคะ” กฤษราไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ย่าพร้อมชอบเอาเธอไปเปรียบเทียบกับปลายฟ้าอยู่เรื่อย การที่เธอได้ที่สองก็ไม่มีใครว่าอะไร ไม่มีใครสนใจเคี่ยวเข็ญเธอให้พยายามทำคะแนนให้ได้มากกว่าปลายฟ้าด้วยซ้ำ ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วเพราะยังไงเธอก็สู้ปลายฟ้าไม่ได้

ถูกต้องที่ไหนกันล่ะ จะต้องมีสักเรื่องที่เธอดีกว่าปลายฟ้า

เรื่องนี้แหละ หญิงสาวมองไปที่หนังสือที่เชนซื้อให้ ซื้อของให้แบบนี้แสดงว่ามีใจให้ไม่มากก็น้อย แน่ล่ะเธอสวยระดับนี้ ผู้ชายที่ไหนก็ต้องมีหวั่นไหวบ้าง หญิงสาวอ่านหนังสือเล่มนั้นจนหมดก็ได้วิธีการอ่อยผู้ชายมามากมาย แต่มีสองสามข้อที่คิดว่าต้องรีบทำก่อนเพื่อจะได้ชนะใจเขา

อย่างแรกต้องไปให้เห็นหน้าบ่อยๆ

เช้าวันรุ่งขึ้นกฤษราไปดักรอชายหนุ่มที่หน้าตึกเรียนของเขา เชนอยู่กับเพื่อนกลุ่มเดิม กำลังเดินไปที่โรงยิมเพื่อซ้อมบาสเกตบอลเหมือนทุกวัน เธอรู้ตารางของเขาหมด จำได้ด้วยว่าเขาจะต้องเข้าห้องน้ำเวลาไหน จะว่าไปแล้วก็น่าแปลก ผู้ชายคนนี้เข้าห้องน้ำเวลาใกล้เคียงกันทุกวัน กินอาหารแบบเดิมๆ คบเพื่อนกลุ่มเดิมๆ นอกจากบอยแบนด์สามคนนั้นแล้วเธอไม่เห็นว่าเขาจะคุยกับใคร

เมื่อเห็นกฤษรายืนอยู่ที่บริเวณหน้าตึกเชนก็ตัวแข็งทื่อ เขาเดาไม่ออกเลยว่าวันนี้เธอจะทำอะไรอีก การที่ต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตที่เขาไม่รู้ว่าเป้าหมายของมันคืออะไรกันแน่ทำให้เขารู้สึกกลัว

“ไอ้เชน คนสวยๆ คนนั้นเขาโบกมือให้แกหรือเปล่าวะ” ธันวาถามขึ้น

“ไปเถอะ” เชนว่าก่อนจะรีบเดินหนีไป เขาไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง พวกนี้ได้หัวเราะแน่ถ้ารู้ว่าเขากลัวผู้หญิงคนนั้น

“เดี๋ยวๆ เขาคุยกับปลายว่ะ เพื่อนปลายเหรอ” นิกกี้ชี้ให้ดูผู้หญิงที่โบกมือให้เชนกำลังคุยกับปลายฟ้าอยู่ เมื่อเห็นพวกหนุ่มๆ มองมาทางนี้ สองสาวก็เดินเข้ามาหา

“มาดูพวกเราซ้อมเหรอปลาย” ธันวาถาม

“ใช่ วันนี้เลิกเร็ว นี่คริสซี่เพื่อนสนิทปลาย ให้คริสซี่ไปดูด้วยได้ไหม” หญิงสาวถามด้วยเสียงน่ารัก ใครฟังก็ต้องบอกว่าได้ทั้งนั้น กฤษราแอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็ต้องรีบกลับมายิ้มด้วยรอยยิ้มฝืนๆ พอมองแล้วจากความสวยก็กลายเป็นความแปลกแทน

“เอ่อ สวัสดีคริสซี่ เราชื่อธันวา เรียกธันก็ได้ คนนี้นิกกี้ นี่ดล แล้วที่หล่อๆ นั่นก็เชน” ชายหนุ่มแนะนำเพื่อนทุกคนในกลุ่มให้อีกฝ่ายรู้จัก เห็นปลายฟ้าเรียบร้อยขนาดนี้ไม่คิดว่าจะมีเพื่อนที่เป็นสาวเปรี้ยวแบบนี้ด้วย กฤษราในสายตาของทุกคนคือผู้หญิงที่สวมกระโปรงสั้น แต่งหน้าจัดเต็ม จึงมักจะเป็นเป้าสายตาของทุกคน บางคนก็เห็นว่าสวยดี บางคนก็เห็นว่าไม่สวย

แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่สนใจเรื่องพวกนั้น

“คือเรากับเชนทำกิจกรรมด้วยกันน่ะก็เลยเป็นเพื่อนกัน แล้วธัน นิกกี้แล้วก็ดลเป็นเพื่อนของเชน” ปลายฟ้าอธิบาย กฤษราไม่ได้อยากรู้เรื่องของพวกบอยแบนด์สักนิด แต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นดีด้วย บางทีพวกนี้อาจจะมีประโยชน์บ้าง

“ยินดีที่รู้จักน้าาา” กฤษราเอ่ยทักเสียงสูงจนปลายฟ้าหันมามองด้วยความแปลกใจ ปกติกฤษราไม่ใช่คนที่สนใจคนอื่น หรือพูดกับคนที่เพิ่งรู้จักอย่างเป็นมิตรนัก เพราะฉะนั้นเรื่องนี้นับว่าแปลกมาก

ทุกคนยิ้มแห้งๆ ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวกับสาวสวยที่เอาแต่ยิ้มค้างคนนี้ยังไง รู้สึกเกร็งทุกครั้งที่กฤษรามองมาเหมือนอยากจะทำความรู้จัก แต่ทำไมพวกเขากลับรู้สึกขนลุก

“เชน ฉันคริสซี่” หญิงสาวยื่นมือไปหมายจะจับมือทำความรู้จักกับอีกฝ่าย

“จะไปกันได้ยัง” เชนทำเหมือนไม่ได้ยิน เขาเดินนำไปก่อนโดยไม่สนใจคนสวยที่ยื่นมือค้างอยู่กลางอากาศ ปลายฟ้าไม่รู้ว่าจะสงสารเพื่อนหรือหัวเราะดี วันนี้กฤษราทำตัวตลกเป็นพิเศษ แต่ก็รู้สึกดีเวลาอีกฝ่ายอยู่ด้วย อาจจะเป็นเพราะความคุ้นเคยนี้ก็ได้ที่ทำให้เธอชอบอยู่กับกฤษรา

กฤษรากัดฟันกรอด ถ้าไม่ติดว่าต้องเอาชนะปลายฟ้าเธอจะจ้างคนมารุมกระทืบไอ้บ้านี่ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน วันนั้นเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียหาย ดันลืมไปว่าตรงตำแหน่งหัวใจนั่นมันเป็นหน้าอกเธอด้วย คิดแล้วก็เจ็บใจนัก

ตลอดเวลาที่สี่หนุ่มซ้อมบาสเกตบอลอยู่กับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ในขณะที่ทุกคนเอาแต่มองสองสาวที่มานั่งดู มีแต่เชนคนเดียวที่อึดอัดจนไม่สามารถหันไปทิศทางที่กฤษรานั่งอยู่ได้เลย เขาสัมผัสได้ว่าเธอกำลังจ้องเขาอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกนี้เหมือนกับเวลาที่ดูหนังฆาตรกรรมแล้วระแวงว่าฆาตกรจะออกมาเมื่อไหร่

พวกเขาซ้อมแค่หนึ่งชั่วโมง หลังจากซ้อมเสร็จทั้งสี่คนก็เดินมาตรงที่ปลายฟ้านั่งอยู่กับกฤษราผู้ซึ่งตอนนี้กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น ดูก็รู้ว่าไม่ได้ใส่ใจนั่งดูพวกเขาซ้อมสักเท่าไหร่ เชนพยายามตั้งสมาธิเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าปลายฟ้าแล้วพูดว่า

“ทีหลังไม่ต้องมาดูแล้วนะ” ไม่มีคำอธิบายอะไรต่อจากนั้น ปลายฟ้ารู้สึกหน้าชาที่อยู่ๆ เชนก็พูดแบบนี้ เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมเขามีสีหน้าเหมือนเธอทำเรื่องผิดร้ายแรง อีกทั้งพอชายหนุ่มพูดจบก็เดินออกไปเลยเหมือนกับกำลังโมโหอะไรอยู่อย่างนั้น

ชายหนุ่มอีกสามคนที่เหลือก็รู้สึกตกใจไม่ต่างกันที่อยู่ๆ เชนก็ทำแบบนั้น ถึงแม้จะเป็นคนที่สื่อสารกับมนุษย์คนอื่นไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เชนก็ไม่เคยหยาบคายกับผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยอย่างปลายฟ้า

“ปลายอย่าคิดมากนะ มันคงมีเรื่องอะไรน่ะแหละ เดี๋ยวพวกเราไปคุยกับมันก่อนนะ” แล้วพวกนั้นก็เดินจากไปเหลือแต่กฤษราที่นั่งอยู่ข้างกาย เธอมองดูหน้าปลายฟ้าด้วยสีหน้าเห็นใจ ในที่สุดก็ถูกผู้ชายไล่ ทำไมน่าสงสารขนาดนี้นะ

“ปลายไม่ต้องสนใจหรอกผู้ชายแบบนั้น นิสัยไม่ดี” กฤษราว่า

“ปลายสงสัยว่าเชนเป็นอะไรไป เขาอาจจะมีเหตุผลที่พูดแบบนั้นก็ได้” คนฟังถอนหายใจกับนิสัยนางฟ้าแบบนี้เสียจริง ทุกคำที่ปลายฟ้าพูดมามักทำให้เธอกลายเป็นคนใจร้ายทุกที

 

(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 25 ต.ค. 62)

หน้าที่แล้ว1 of 12

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: