X
    Categories: ความรู้สึกดีที่เรียกว่ารักทดลองอ่านบอสหน้าตายกะยัยสอางค์

ทดลองอ่าน บอสหน้าตายกะยัยสอางค์ บทที่ 4

หน้าที่แล้ว1 of 3

4

ระหว่างที่หญิงสาวกำลังสาละวนทอดไข่เจียวชะอมเมนูสุดท้าย เธอเห็นแกงส้มหม้อข้างๆ กำลังเดือด จึงออกปากเรียกให้แม่บ้านช่วยอย่างเคยชิน

“พุด เอาผักที่หั่นใส่แกงส้มให้หน่อย เพิ่มเครื่องแกงด้วยนะ ฉันว่ารสมันอ่อนไปนิดนึง”

คนตัวโตที่ตั้งใจเดินเข้ามาขอน้ำหลังเล่นกับเพื่อนใหม่ต่างวัยจนเหงื่อโซกหันซ้ายหันขวา เจอแค่ตะกร้าผัก หาเครื่องแกงที่เธอว่าไม่เจอ จึงถามขึ้นว่า

“เครื่องแกงที่ว่าอยู่ตรงไหน”

“อ้าว บอส…โทษทีค่ะ ฉันนึกว่าพุด”

แม่ครัวจำเป็นรับตะกร้าผักจากมือเขามาวางไว้ข้างตัว ตักไข่เจียวชะอมขึ้นพักไว้บนจาน แล้วหันไปคว้ากระปุกเครื่องแกงมาเติมลงในหม้อเสียเอง

เมื่อเตรียมอาหารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยถึงค่อยหันไปหาเขา แต่ต้องผงะ เพราะชายหนุ่มยืนอยู่ใกล้กว่าที่คิด

“เข้ามาทำอะไรในนี้คะ”

หญิงสาวเงยหน้ามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ ถามอย่างนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร ด้วยตกใจที่เขาอยู่ใกล้กว่าที่คิด ใกล้เสียจนเธอรับรู้ได้ถึงไอร้อนจากตัวเขาที่ได้มาจากการเล่นกับเด็กๆ เกือบชั่วโมง

และถึงอยากจะถอยหนีก็ทำไม่ได้ เพราะข้างหลังเป็นกระทะร้อน ข้างหน้าเป็นร่างสูงตระหง่านราวกับกำแพงใหญ่

“ผมมาขอน้ำ แล้วก็…ตามกลิ่นเข้ามา หอมดีนะ” ใบหน้าที่ชะโงกมองหม้อแกงส้มมีรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี แต่กิริยาที่เขาสูดกลิ่นผ่านแก้มเธอไปอย่างฉิวเฉียดนั้น เล่นเอาหัวใจเต้นผิดจังหวะเลยทีเดียว

“ถ้าบอสจะกินน้ำ หยิบจากตู้เย็นได้เลยค่ะ” เธอบอกเสียงเบา ชายหนุ่มพยักหน้าแต่ไม่ได้ถอยไปไกลกว่าเดิม

“ตู้เย็นทางนั้นค่ะ” เจ้าของบ้านย้ำอีกครั้ง

“Sorry” ร่างสูงถอยมาหนึ่งก้าว เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำออกมาเทใส่แก้ว ดื่มเข้าไปอึกใหญ่

สอางค์แอบลอบถอนหายใจ เรียกสติตัวเองกลับมา แล้วตักอาหารแต่ละอย่างใส่จาน

พอเขาเห็นเธอกำลังทยอยยกอาหารใส่ถาดเตรียมขึ้นตั้งโต๊ะ มือใหญ่ก็เข้าไปคว้าถาดนั้นไว้เสียเอง

“Let me help. เดี๋ยวคุณจะหาว่าผมกินฟรี ไม่ช่วยอะไร”

“ใครจะกล้าว่าบอสกันคะ” หญิงสาวค่อนให้อย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้

“ปกติก็ไม่มีใครว่าหรอก แต่วันนี้มีอยู่คน…”

“เด็กๆ น่าจะหิวแล้วค่ะ รีบไปตั้งโต๊ะกันดีกว่า” คนร้อนตัวขัดจังหวะ ผายมือให้เขายกอาหารออกไป

แต่แทนที่จะเดินออก โทมัส แบรนดอนกลับก้มหน้าลงมาในระดับเดียวกับเธอ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลเต้นวะวับ ไร้คราบบอสหน้าตายที่เคยเห็นเป็นประจำในบริษัท

“หอมจริงๆ นะ” ชายหนุ่มเอ่ยเพียงเท่านั้น แล้วถือถาดเดินออกไปพร้อมตะโกนเรียกสมุนทั้งสาม ปล่อยให้เธอยืนงงอยู่หน้าเตา

สอางค์มองกระทะกับหม้อที่รอการทำความสะอาด แล้วยกเสื้อตัวเองขึ้นดม

“ไม่หรอกน่า” เขาชมอาหารนั่นแหละ

คนเข้าข้างตัวเองได้ทุกเรื่องปฏิเสธความน่าจะเป็นใดๆ ไม่ยอมให้เรื่องเหลวไหลเข้ามาในหัว

ร้อยไม่ พันไม่

หรือยังไงดีนะ…

หลังอาหารเย็น สี่สหายต่างวัยนั่งกินไอศกรีมกันคนละแท่งที่ระเบียงหน้าบ้าน และเป็นสี่คนแน่นอน เพราะหมายรวมฝรั่งร่างใหญ่คนนั้นด้วย

พุดยังอดขำไม่ได้ ตอนเขาเดินต่อแถวตามเด็กๆ เข้ามาในครัว

‘ขอด้วยคนนะครับ’

‘จะกินหรือคะ’ พุดถาม แต่ยอมยื่นไอศกรีมแท่งให้ จากนั้น ‘อังเคิล’ ก็เดินนำขบวนเด็กน้อยไปนั่งเรียงเป็นแถวยาวอย่างที่เห็น

แม่บ้านหันมาพูดกับหญิงสาวอย่างอารมณ์ดีว่า “เจ้านายคุณเอิง…เข้ากับเด็กได้ดีจริงๆ นะคะ”

“อย่างที่ฉันบอกแหละจ้ะว่าผีเข้า”

“โธ่ คุณเอิง”

“อย่าหลงภาพตรงหน้าเลยพุด” ดูเหมือนประโยคนั้นต้องการบอกกับทั้งแม่บ้านและตัวเอง “เดี๋ยวพรุ่งนี้ทำงาน เขาก็กลับร่างเดิมแล้ว อ๊ะ จริงด้วย”

อุทานเมื่อนึกขึ้นได้ “พรุ่งนี้ต้องทำงานนี่นา ทำไมตาบอสยังไม่กลับอีกล่ะ ต้องให้ไล่หรือยังไงนะ”

 

ตี๋ใหญ่ที่กินไอศกรีมแท่งหมดก่อนหันไปมองน้องอีกสองคน ตัวป้อมเลียริมฝีปากอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ทั้งสองรู้ทัน จึงรีบกระโดดข้ามไปนั่งอีกฝั่ง ใช้ชายหนุ่มเป็นที่กำบังไว้เสียก่อน

“โหย แบ่งกันซี่”

“ไม่เอาอะ พุดให้คนละแท่ง ตัวเองกินหมด จะมาเอาของคนอื่นได้ไง”

คนตัวใหญ่กลัวเจ้าพวกตัวเล็กทะเลาะกัน เลยยื่นไอศกรีมที่เหลืออีกครึ่งให้พี่คนโตไป

เด็กน้อยที่เริ่มตีหน้าเบ้ยักไหล่ใส่น้องชาย แล้วกลับมายิ้มได้อีกรอบ “ขอบคุณฮะ”

ชายหนุ่มยิ้มรับ ขยี้หัวเด็กๆ ด้วยความเอ็นดู

“ลุงทอมๆ” เด็กหญิงสะกิดไหล่ เรียกให้เขาหันมาหาตน “เวลาโกวเอิงอยู่ที่ทำงาน โกวเอิงเคยดุลุงทอมมั้ยคะ”

“ดุเหรอ” โทมัส แบรนดอนนึกภาพหญิงสาวตีหน้าบูดทุกครั้งเวลาโดนเขาต่อว่าเรื่องงาน แล้วอดยิ้มไปกับคำถามนั้นไม่ได้ “ไม่นะ”

“แสดงว่าลุงทอมเป็นเด็กดี โกวเอิงเลยไม่ดุ” ตี๋เล็กออกความเห็น

เด็กหญิงแก้มใสหันมาพูดต่อ “โกวเอิงรักเด็กดีค่ะ”

“รักหมาด้วย” ตี๋ใหญ่เสริม

ตี๋เล็กกลัวน้อยหน้าจึงพูดขึ้นบ้าง “พุดบอกว่าโกวเอิงชอบฝรั่ง”

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ความรู้ใหม่จากเด็กช่างเม้าท์น่าสนใจเป็นพิเศษ

คนตัวโตที่นั่งเงียบฟังไม่ได้ถามอะไรให้ดูน่าสงสัย แต่ภายใต้แสงสว่างจากตะเกียงไฟฟ้า ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลมีร่องรอยยินดีมากกว่าปกติ

“ฝรั่งหลังบ้านเหรอพี่ใหญ่” เด็กหญิงถามขึ้น

“บ้าจิ ฝาหรั่งผมทองๆ แบบอังเคิลทอมต่างหาก” คนพี่ลอยหน้าลอยตา อวดภูมิอย่างรู้ดีกว่าใคร

“ง้าน…โกวเอิงก็ต้องชอบลุงทอมจิคะ” เด็กหญิงถามเสียงใส แต่เขาไม่ทันได้พูดอะไร เพราะคนที่โดนอ้างถึงก้าวเข้ามาเสียก่อน

“สุมหัวคุยอะไรกันอยู่จ๊ะเด็กๆ”

“สุมหัวคืออะไร” ชายหนุ่มหันมาถามอย่างไม่เข้าใจ

สาวน้อยวัยกระเตาะชิงตอบ เพื่อทำคะแนนกับเขาว่า “สุมหัว…ก็นินทาไงคะลุงทอม”

ตี๋เล็กกับตี๋ใหญ่ต่อประโยคด้วยสโลแกนจากรายการทีวีที่เคยได้ยินขึ้นพร้อมกัน “ก๊อสซิป ก๊อสซิป”

“Gossip. นินทา? ทำไมผมต้องนินทาคุณด้วย” เขาถามอาสาวแทนหลานตัวจ้อย

เล่นฉันอีกแล้วมั้ยล่ะเจ้าพวกนี้

“ช่ายฮับ ทำไมลุงทอมต้องนินทาโกวเอิงด้วย” ตี๋เล็กสนับสนุน

“ไปกันใหญ่แล้ว สุมหัวเขาหมายถึงรวมกลุ่มจ้ะ ไม่ใช่นินทา แล้วฉันก็หมายถึงเด็กๆ ไม่ได้รวมบอสด้วยสักหน่อย” อธิบายให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ฟัง แต่เจ้าตัวแสบกลับรีบแก้ตัว นิสัยเหมือนใครบางคนไม่มีผิด

“พวกเราไม่ได้นินทานะฮะโกว พวกเราแค่บอกว่าโกวเอิงน่ะชอบ…ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวโกวเขิน”

“เขินอะไร”

เด็กชายสองคนยิ้มกรุ้มกริ่ม หัวเราะใส่กัน เป็นหลานคนโปรดเสียเองที่บอกเสียงใสว่า

“พี่เล็กเขาจะบอกว่าโกวเอิงชอบฝรั่งแบบลุงทอมน่ะค่ะ”

“หา!” คำตอบไม่คิดของเด็กน้อยเหมือนใครเอาระเบิดปาใส่หัว ความร้อนพุ่งจี๊ดขึ้นมาถึงใบหู แม้พยายามตีหน้าขรึม แต่กลบอาการเขินไว้ไม่มิด “ไปเอามาจากไหนเนี่ย”

สงสัยคืนนี้จะต้องเรียกทั้งแม่บ้านและเด็กสามคนมาปรับทัศนคติกันยกใหญ่

“กิ๊วๆ โกวเอิงหน้าแดง โกวเอิงชอบลุงทอมแหงๆ” เด็กชายทั้งสองยิ้มล้อเลียน หัวเราะคิกคักได้ใจ

“เดี๋ยวเถอะ! ล้อผู้ใหญ่เหรอ ขึ้นห้องไปแปรงฟันให้หมดเลยนะ”

“ว้ายๆ เขินใหญ่เลย กิ๊วๆ โกวเอิงจะมีแฟน โกวเอิงจะมีแฟน”

“เราสามคน! พรุ่งนี้ไม่ต้องกินขนมเลยนะ งดของเล่น งดทีวี!”

“จ้างก็ไม่กลัว เล็กไปบอกเหล่าม่าดีกว่าว่าโกวเอิงจะมีแฟน”

“เดี๋ยวเถอะตี๋เล็ก”

เด็กน้อยหลบมือที่พยายามรวบตัวไว้เป็นระวิง ก่อนดึงมือตี๋ใหญ่วิ่งหนีขึ้นบ้าน ส่วนอาหลิงยืนหัวเราะคิกคักหลบอยู่หลังชายหนุ่ม

“อาหลิง”

เด็กน้อยโผล่มายิ้มกริ่ม ตีหน้าซื่อ ก่อนตะโกนว่า “โกวเอิงจะมีแฟน โกวเอิงจะมีแฟน”

สอางค์เหนื่อยจะตามรวบตัว จึงปล่อยลิงตัวสุดท้ายวิ่งหนีตามพี่ชายสองคนไป ไว้ค่อยคิดบัญชีทีเดียวตอนเข้านอน

พอตัวยุ่งหายกันไปหมด จึงเหลือแค่เธอกับคู่กรณี

“อย่าใส่ใจคำพูดพวกนั้นเลยนะคะบอส เด็กๆ ก็พูดไปเรื่อย ดูละครเยอะก็แบบนี้”

“เยอะพอๆ กับ their aunt หรือเปล่า”

ทั้งน้ำเสียงกับหน้าตาซ่อนรอยหัวเราะนั่น บอกมาเลยว่าหลอกด่ายังเข้าใจง่ายกว่า

“นี่ก็…สามทุ่มแล้ว ขับรถดึกๆ เป็นอันตรายได้นะคะ”

“ขอบคุณที่เป็นห่วง”

ใครเป็นห่วง คนเขาไล่หรอก ขี้ตู่ชะมัด

“พวกหลานๆ ของคุณน่ารักดีนะ” คนเฉไฉไม่ยอมกลับบอกระหว่างนั่งยืดขาเหยียดยาวบนพื้นระเบียง ไล่สายตามองเรื่อยไปตั้งแต่ต้นไม้ในสวนถึงฟ้าไร้ดวงจันทร์ “They remind me of my niece and family.”

อ๋อ มีหลาน ถึงว่า…ทำไมหุ่นยนต์เข้ากับพวกลิงได้ดีจัง

“I never thought I’m gonna miss them this much.”

คนออกปากไล่อยู่เมื่อครู่รู้สึกผิดขึ้นมาทันที เพราะต่อให้เป็นหุ่นยนต์ทำอะไรตามแบบแผน แต่ถ้ามีอะไรสะกิดใจ ก็คงคิดถึงบ้านได้เหมือนกัน

ยิ่งคนตรงหน้าไม่เคยสุงสิงกับพนักงานในบริษัท นอกจากเธอที่ถูกบังคับให้แก้งานทำโอทีด้วย หากความเหงาจะเข้ามาทักทาย ก็คงไม่แปลกอะไร

“ผมกลับล่ะ” คนที่คุมอารมณ์ตัวเองได้ดีเสมอตัดบท ลุกขึ้นเสียเฉยๆ “ขอบคุณสำหรับดินเนอร์วันนี้ ผมว่า…มันดีกว่าโอมากาเสะที่ไม่ได้กินเสียอีก”

สอางค์เม้มริมฝีปาก กลั้นใจไม่ประชดกลับอย่างเคย แค่ยิ้ม แล้วเดินไปส่งเขาที่รถ

“By the way…” ชายหนุ่มหันมาพูดก่อนเปิดประตู

“คะ?”

“See you tomorrow.”

“อา…ค่ะ”

นึกว่าจะพูดอะไรมากกว่านั้นซะอีก

เอ๊ะ…แล้วเธออยากจะให้เขาพูดอะไรกันล่ะ

ภายในวันเดียว ผู้ชายคนนี้กลับสร้างความประหลาดใจให้เธอได้ไม่หยุดหย่อน และดูเหมือนจะถี่ขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงเต้นของหัวใจ

คนไหนเป็นตัวจริงของเขากันแน่ บอสมาดขรึมตีหน้าเคร่งหรือฝรั่งช่างเย้าแหย่ ดวงตาวะวับตรงหน้า

แต่ไม่ว่าจะเป็นคนไหน ดูเหมือนโทมัส แบรนดอนจะป่วนความรู้สึกนึกคิดของเธอได้…ไม่มากก็น้อยเลย

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 7 .. 64 เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 3

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: