X
    Categories: With Loveทดลองอ่านวายร้ายสายเปย์

ทดลองอ่าน วายร้ายสายเปย์ บทที่ 5

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 5 พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก

พระศุกร์เข้าไม่ทันไร พระเสาร์ก็แทรกเข้ามาหน้าตาเฉย ช่วงนี้ความซวยเลยพุ่งชนเนตรอัปสรบ่อยนัก จู่ๆ คนที่ไม่อยากเจอก็เรียงแถวดาหน้าเข้ามาไม่หยุด

“ทำงานห้างเดียวกัน แต่ไม่ค่อยเจอกันเลยนะ หรือว่าจงใจหลบหน้าฉัน”

คนถูกแขวะลอบถอนหายใจ แทนที่จะได้เดินไปกินข้าวในโรงอาหารซึ่งตั้งอยู่ชั้นห้าของห้างเอด้าอย่างสบายอกสบายใจ กลับถูกคู่อริสาวร่างสูงขวางทางเข้าจนได้

“ทำไมฉันต้องหลบเธอด้วยล่ะ”

“ไม่รู้สิ ก็เห็นเธอหลบมาตลอดนี่”

รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังยั่วโมโห แต่ในใจคนฟังอดเดือดดาลไม่ได้ เพราะแม่ของลวิตราขโมยพ่อของเธอไป ทำให้แม่ของเธอตรอมใจและจากไปหลังจากเลิกรากับพ่อไม่ถึงปี แต่เรื่องนี้จะโทษแม่ของลวิตราฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนัก พ่อพ่ายแพ้ต่อเงินตราของแม่ลวิตรา เลยทิ้งเธอกับแม่ไปอย่างไร้เยื่อใย

การเติบโตมาลำพังกับคุณยายทำให้หญิงสาวต้องเข้มแข็ง ยืนหยัดปกป้องหญิงชราซึ่งเป็นหลักยึดในชีวิตของเธอ

“พ่อเธอมากับแม่ฉันน่ะ ไม่โทรหาล่ะ”

“ไม่จำเป็น”

“ทำไมล่ะ ไม่อยากเจอพ่อเธอเหรอ เห็นเมื่อก่อนมาไถเงินพ่อนี่นา”

เนตรอัปสรขบฟันกรอด หากไม่ใช่เพราะเธอยังเป็นนักเรียนมัธยมต้นและคุณยายป่วยหนักจนต้องเข้าผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ หญิงสาวไม่มีวันบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากพ่อเด็ดขาด

โชคดีที่หลังเรียนจบรุ่นพี่ชักชวนมาสมัครงานเอสเอแบรนด์หรูอย่างแอนนา โอลิเวียร์ เพราะเห็นว่าเธอเรียนจบด้านภาษาจีน ใช้ภาษาอังกฤษและภาษาจีนได้ดี ประกอบกับรูปร่างหน้าตาและบุคลิกอ่อนโยนนุ่มนวลเหมาะกับเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความอ่อนหวานแบบผู้หญิงสมัยใหม่ ทางเมเนเจอร์จึงรับเข้าทำงาน ทั้งที่เอสเออีกหลายคนของแบรนด์นี้มีการศึกษาสูงกว่าเธอ บางรายจบปริญญาโทจากเมืองนอกด้วยซ้ำ

รูปร่างหน้าตาคงพอช่วยให้ตนผ่านเกณฑ์เป็นพนักงานได้ แต่หลังจากนั้นหญิงสาวอาศัยความขยัน สุภาพอ่อนน้อม และการให้คำแนะนำที่ตรงใจลูกค้า ผลักดันจนเธอกลายเป็นท็อปเซลส์ประจำสาขาเลยมีเงินไปคืนพ่อ ขณะที่ลวิตราอาศัยเงินทองจากครอบครัวนำเข้าลิเลียนา แบรนด์เครื่องหนังสัญชาติอิตาลีซึ่งตั้งช็อปเยื้องกับช็อปของแอนนา โอลิเวียร์ ทั้งคู่เลยกลายเป็นคู่แข่งกันโดยปริยาย

“พูดจบแล้วใช่ไหม”

“จะรีบไปไหนล่ะ อ้อ คงจะรีบไปแย่งที่นั่งในโรงอาหารสินะ เป็นเอสเอแอนนาน่าจะมีเงินกินของแพงไม่ใช่เหรอ เอางี้ไหม ฉันจะบอกคุณแม่ให้ช่วยอุดหนุนเธอหน่อย เธอจะได้มีเงินกินของดีๆ ไงล่ะ”

หากเป็นสมัยนักเรียนไร้เขี้ยวเล็บ เธอคงเก็บความขุ่นข้องหมองใจไว้กับตัวแล้วกลับไปร้องไห้ซบตักคุณยาย แต่ตอนนี้เธอเติบโต มีอาชีพการงาน ยืนหยัดด้วยตนเองและเป็นหลักให้คุณยายได้แล้ว หญิงสาวจึงพร้อมตอกกลับทุกหมัดที่สวนมา

“ไม่จำเป็นหรอก แค่นี้ฉันก็รับลูกค้าวีวีไอพีไม่หวาดไม่ไหวแล้ว แทนที่จะมาสงสารฉัน ฉันว่าเธอสงสารตัวเองดีกว่ามั้ง”

“แกหมายความว่าไง”

“ได้ข่าวว่าค้างจ่ายค่าคอมเอสเออยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ขอเงินแม่มาล่ะ เอ๊ะ หรือว่าธุรกิจของแม่เธอก็ซบเซาจวนจะเจ๊งเหมือนกัน”

“แก…”

เนตรอัปสรแสยะยิ้มเหี้ยม ข้อดีของการเป็นคนโปรดของลูกค้ากระเป๋าหนักอย่างหนึ่งคือลูกค้ามักหยิบเรื่องโน้นเรื่องนี้มานินทาให้เธอฟัง เรื่องของแม่ลวิตราก็คือหนึ่งในหัวข้อสนทนา

“เอ๊ะ หรือว่าฉันได้ยินผิดไป จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ค้างจ่าย แต่ตั้งใจโกงลูกน้อง ก็อย่างว่าแหละนะ ขนาดเสาร์อาทิตย์ลิเลียนายังร้างยังกะป่าช้า ประสาอะไรกับวันธรรมดา”

ลวิตราขบฟันกรอด ถลึงตาใส่คู่อริด้วยความเดือดดาล

“มากไปแล้วนะเนตรอัปสร อย่าคิดว่าฉันจะยอมแกง่ายๆ นะ นังลูกไม่มีพ่อ!”

คนกำพร้าพ่อแค่นยิ้ม เมื่อก่อนปมด้อยนี้อาจเคยทำร้ายจิตใจตนได้ แต่เธอเติบโต ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากจนคำพูดพล่อยๆ ไม่อาจบาดหัวใจได้อีกแล้ว

“ฉันกำพร้าพ่อ ไม่ใช่เพราะถูกผู้หญิงหน้าด้านอย่างแม่เธอแย่งไปเหรอ แถวบ้านฉันเรียกผู้หญิงพวกนี้ว่าอะไรนะ…อ๋อ เมียน้อยไงล่ะ”

“คอยดูนะ ฉันจะฟ้องเมเนเจอร์แอนนา ให้เขาไล่แกออก!”

เนตรอัปสรคือหนึ่งในพนักงานตัวท็อป ทำยอดให้แอนนา โอลิเวียร์ต่อปีตั้งเท่าไร เมเนเจอร์ไม่สนใจเรื่องส่วนตัวงี่เง่าพวกนี้ แล้วก็ไม่โง่เขี่ยคนทำเงินทำทองให้แบรนด์ออกแน่นอน

“ฟ้องอะไรดีล่ะอีฟ ฟ้องว่าฉันเหน็บแนมที่แม่เธอเป็นเมียน้อยพ่อฉันเหรอ”

“แม่ฉันไม่ใช่เมียน้อย แม่แกต่างหากที่ให้ความสุขพ่อแกไม่ได้ เขาก็เลยมาซบอกแม่ฉัน ตัวเองไม่มีอะไรดีแล้วมาโทษคนอื่น”

“ตรรกะง่าวๆ แบบนี้ยังกล้าพูด ถามจริงนะ ไม่เคยส่องกระจกดูตัวเองเลยเหรอ”

“แก…”

เนตรอัปสรกระตุกยิ้มหยันพลางยกมือโบก “วันนี้ลับฝีปากแค่นี้พอ กลับไปทำการบ้าน แล้วค่อยมาสู้กันใหม่เนอะ”

พูดจบสาวหน้าหวานก็เดินนวยนาดจากไปด้วยท่าทีของผู้ชนะ โดยมีหฤทัยเพื่อนร่วมงานรีบตามมาด้วยสีหน้าทึ่งจัด

“เห็นหน้าหวานๆ ไม่ยักรู้ว่าแกจะซัดแม่นั่นจนใบ้แดกได้”

“เรื่องอะไรจะงอมืองอเท้า ยอมถูกรังแกฝ่ายเดียวล่ะ ไปกินข้าวเหอะ หิวแล้ว”

“เพิ่งต้นเดือนเองนะเนตร ลงไปหม่ำซูชิกันไหมอะแก เห็นมีโปรลดตั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยนะ”

ทว่าในฐานะหัวหน้าครอบครัว แบกรับค่าใช้จ่ายมากมายในบ้าน รวมถึงค่ารักษาพยาบาลของคุณยาย เธอต้องจำใจปฏิเสธ

“ลดจากราคาเท่าไรล่ะไจ๋ จากสองพันรึเปล่า กินโรงอาหารเหอะ อิ่มเหมือนกัน”

“นานๆ ทีไงแก ต้นเดือนเองนะ”

“ต้นเดือนอะไร นี่มันวันที่ห้าแล้ว เหลืออีกตั้งหลายอาทิตย์กว่าจะสิ้นเดือน”

“ฉันเห็นแกเขียมแบบนี้ ถามจริงเอาเงินไปทำอะไรหมด ของแบรนด์เนมก็ไม่ค่อยใช้ มีแต่ถือกระเป๋าของแอนนารุ่นเมื่อสี่ปีก่อน”

“ก็เก็บเงินไว้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่ากินอยู่ แล้วก็สอยตุ่นที่อยากได้น่ะสิ”

“ของที่ว่าน่ะอะไร แพงมากรึไง”

“ไม่แพงมาก แต่เยอะ ออกมาหลายคอลเล็กชั่น ตามเก็บไม่หวาดไม่ไหว…ไปเหอะน่า เดี๋ยวฉันเลี้ยงชามะนาว”

“กล้วยบวชชีด้วยได้ไหมล่ะ”

“ให้สองถ้วยเลย”

ใครดีกับเธอ เนตรอัปสรพร้อมดีด้วย แต่ถ้าใครร้าย เธอก็พร้อมสวนกลับทุกวิถีทาง ดังเช่นแฟนเก่าอย่างฤทธาที่บังเอิญเจอกันขากลับจากโรงอาหาร

“บังเอิญจังนะเนตร”

“บังเอิญไปมั้งคะ”

แม้ภรรยาของฤทธาจะเปิดร้านอาหารในห้างนี้ แต่เธอและเขากลับไม่ค่อยเจอกันบ่อยนักเพราะเวลาไม่ตรงกัน การเจอแฟนเก่าใกล้ทางเดินกลับช็อปแอนนา เธอกลับคิดว่าเขาจงใจมาดักรอเสียมากกว่า

“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ แล้วเจอกันที่ช็อป”

เนตรอัปสรพยักหน้าให้เพื่อนร่วมงาน ก่อนหันมาจ้องชายหนุ่มด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

“มีอะไรเหรอคะคุณฤทธิ์”

“เรียกเสียห่างเหินเลย เนตรก็รู้ว่าเราเคยเป็นอะไรกัน”

อดีตแฟนสาวเลิกคิ้วมองคนพูดด้วยสีหน้าเรียบเย็น ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าเคยชื่นชอบผู้ชายสารเลวคนนี้ได้อย่างไร โชคดีที่เธอไม่เคยพลาดท่าเสียทีให้หมอนี่เจาะไข่แดง ไม่งั้นคนพรรค์นี้คงรังควานไม่เลิกรา

“เนตรก็รู้ว่าเราเคยรักกันมากแค่ไหน พี่ยังไม่ลืมเรื่องของเรานะ”

“ฉันก็ไม่ลืมว่าคุณแต่งงานมีลูกแล้ว แถมตอนนี้ภรรยาของคุณก็กำลังท้องลูกคนที่สองอยู่”

“เนตรรู้เรื่องของพี่ละเอียดแบบนี้ แปลว่ายังลืมพี่ไม่ลงใช่ไหม”

“เปล่าค่ะ ภรรยาของคุณส่งข้อความมาบอก ถ้างั้นฝากบอกเธอด้วยนะคะว่าวางใจได้ อะไรที่ฉันเขี่ยทิ้งแล้วก็ไม่คิดจะกลับไปหยิบขึ้นมาอีก”

แทนที่จะละอายแก่ใจ แฟนเก่ากลับพูดหน้าตาเฉยว่า “พี่ไม่เคยรู้เลยว่าเมียพี่มาวุ่นวายกับเนตร พี่จะจัดการให้นะ”

“คนอย่างคุณกล้าทำอะไรภรรยาของคุณด้วยเหรอคะ อย่าลืมสิคะว่าคุณแต่งงานกับภรรยาเพราะเงินของเธอ ไม่กลัวถูกเฉดหัวออกจากบ้านเหรอคะ”

“มากไปแล้วนะเนตร”

“ฉันก็แค่พูดตามที่ได้ยินคนเขานินทากัน ไม่ได้แต่งเติมเลยนะคะ ฉันว่าทางที่ดีเราต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า”

เนตรอัปสรแค่นยิ้มเยาะก่อนขึงไหล่ตรง สาวเท้าจากไปอย่างทระนง

ฤทธาเป็นเพื่อนต่างคณะ ได้เจอกันเพราะเธอมีเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ เขาเข้าหาเธอในฐานะเพื่อน ความอ่อนโยนใจดีของเขาเอาชนะใจเธอจนได้ หลังจากนั้นอีกสองปีก็ตกลงเป็นแฟนกัน เธอจึงพบว่าแท้จริงแล้วความอ่อนโยนนุ่มนวลที่ผ่านมาซุกซ่อนความเห็นแก่ตัว เจ้าชู้ ละโมบโลภมาก และพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง

เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอพาไปพบคุณยายและแนะนำว่าเป็นคนรู้ใจ แต่วันหนึ่งเมื่อเงินตรามีค่ามากกว่าหัวใจ เขาก็จากไปอย่างง่ายดาย…ไม่ต่างจากพ่อ!

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 11 .. 64 เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: