บทที่หนึ่ง
ไม่ต้องลืมตาก็รู้ว่าฟ้าสว่างแล้ว
แสงอาทิตย์ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าประตู สะท้อนบนเปลือกตาเขา ไออุ่นแผ่มา ทว่าไม่อาจทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นได้
เขายังปวดบริเวณใบหน้า ความปวดแสบปวดร้อนแสนทรมานนั้น ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจได้ เขากัดฟันแหงนหน้าอ่อนวัยขึ้นมาท่ามกลางความมืด
เกลียดนัก เขาจะไม่เกลียดได้อย่างไร คนผู้นั้นทำลายอนาคตของเขา ทำลายชีวิตของเขา เขา…เกลียดยิ่งนัก!
เสียงแกร๊กดังขึ้น ประตูค่อยๆ เปิดออก น้ำเสียงสุขุมของเนี่ยชังหมิงผู้เป็นพี่ใหญ่ดังขึ้น
“จากนี้ไป เจ้ารับหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของคุณชายแปด”
“อ้อ”
“จริงสิ ข้ายังไม่ได้ถามว่าเจ้าชื่ออะไร”
“ข้าชื่อเลี่ยนยาง” เสียงนุ่มนวลของเด็กหญิงด้านนอกทำเอาเนี่ยยวนเสวียนที่นอนอยู่บนเตียงตกใจ
เด็กหญิง?
“เลี่ยนยาง? บิดาเจ้าตั้งชื่อได้ดี อีกสักครู่ข้าจะให้คนรับใช้ในเรือนพาเจ้าเดินดูโดยรอบ เจ้าจงจำไว้ให้ดี ดวงตาของคุณชายแปดมองไม่เห็น ต่อไปเจ้าต้องเป็นดวงตาให้เขา ไม่ว่าเขาจะเรียกเจ้าเวลาใด ให้เจ้าทำอะไร เจ้าต้องทำตามนั้นอย่างว่าง่าย เข้าใจหรือไม่”
“อ้อ” เด็กหญิงพยักหน้าด้วยความจริงจัง
“ยังมีอีก จำไว้ว่าต่อไปอย่าพูดถึงใบหน้าของคุณชายแปดต่อหน้าเขา” เสียงของเนี่ยต้าเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามและน่ากลัวไปชั่วขณะ
“อ้อ”
“ต้องพูดว่า ‘เจ้าค่ะ’ ” เนี่ยต้ากล่าวพลางก้าวเข้ามาใกล้ เนี่ยยวนเสวียนบนเตียงยังคงแกล้งหลับ
เนี่ยต้าเพ่งมองผ้าพันแผลทั่วทั้งใบหน้าและลำตัวของน้องชาย จากนั้นค่อยๆ ทาบฝ่ามือลงบนหน้าผากของเขา ก้มตัวกระซิบที่ข้างหูด้วยเสียงต่ำ
“ยวนเสวียน ไม่เป็นไรนะ เจ้าจะต้องหาย น้องหกขึ้นเขาเทียนซานไปเชิญอาจารย์ของเขาแล้ว ขอเพียงเชิญท่านอาจารย์มารักษาเจ้าได้ เจ้าก็จะกลับไปเหมือนดังก่อนไม่มีผิดเพี้ยน”
แต่ไรมาเสียงของพี่ใหญ่ไม่เคยฟังอารมณ์ออก ทว่าวันนี้กลับดูอ่อนโยนและเหนื่อยล้าอย่างน่าประหลาด
ก่อนที่เขาจะเกิดเรื่อง พี่ใหญ่เคยให้คนนำจดหมายมาแจ้งว่าเตรียมจะติดตามแม่ทัพหลี่ไปสมรภูมิรบ จนวันนี้แม้พี่ใหญ่จะขอลาหยุดเพื่อเขา แต่ก็ไม่อาจรั้งอยู่ได้นาน ดังนั้นจึงให้เด็กหญิงมาคอยปรนนิบัติเขาอย่างนั้นหรือ
จนแล้วจนรอดทุกคนต่างก็จะทอดทิ้งเขา!
สกุลเนี่ยมีพี่น้องมากมาย ขาดคนพิการเช่นเขาไปสักคนก็คงมิเป็นไร ท่านพ่อจึงส่งเขามาอยู่ที่คฤหาสน์ตัวเอ๋อร์ที่ทิ้งรกร้างมานานแห่งนี้ ทิ้งให้เขาใช้ชีวิตด้วยตนเองตามลำพัง ณ สถานที่แห่งนี้
เสียงประตูปิดลงดังตึง ทำให้เขาตกใจได้สติกลับคืน ถึงพบว่าพี่ใหญ่ไปแล้ว
ไปแล้ว ไปแล้ว…ไปกันหมดแล้ว
อย่างไรในแผ่นดินนี้ยังมี ‘เขา’ อีกคน ในสายตาของท่านพ่อ เขาไม่มีประโยชน์อีกแล้ว ถูกทิ้งแล้ว ถูกทิ้งแล้วจริงๆ
จู่ๆ ความเจ็บปวดก็ถาโถมขึ้นมาจากส่วนท้อง ไม่เหมือนความเจ็บปวดที่ถูกเผาไหม้ก่อนหน้า แต่กลับเหมือนถูกวิญญาณกดทับร่างกายจนหายใจไม่ออก
“นี่ ไม่ตื่นหรือ ตายหรือไม่” เสียงดังมาจากบริเวณท้อง สัมผัสอ่อนๆ นุ่มๆ นั่นมันเด็กหญิงเมื่อครู่?
นาง…นางนั่งบนท้องเขา?
เขายังรู้สึกถึงลำตัวที่เอนมาด้านหน้าของนาง ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนตัวของเขา หน้าผากเย็นๆ แตะถูกผ้าพันแผลบนใบหน้าของเขา
“ท่านป้าเรือนข้างๆ บอกให้ข้ามาดูแลคนอัปลักษณ์ คือเจ้าใช่หรือไม่คนอัปลักษณ์ อัปลักษณ์? เจ้าอัปลักษณ์ขนาดไหน ข้าอยากรู้จริงๆ”
คำว่า ‘อัปลักษณ์’ หลายคำเรียงหน้ากันทะลวงเข้าสู่ห้องหัวใจของเขา เขาโมโหสุดขีดขึ้นมาทันที จึงออกแรงผลักตัวนางออกแล้วร้องตะโกน
“ไสหัวไป!”
เขาเบิกสองตาขึ้นในฉับพลัน เห็นนางกลิ้งตกเตียงดังตุบอย่างไม่ทันตั้งตัว ราวกับกบคว่ำคะมำไปบนพื้น ก้นน้อยๆ หันหาเขาพอดี
นางสวมชุดผ้าฝ้ายลายดอกไม้ดอกเล็กละเอียด ผมดำขลับมัดเป็นมวยสองจุก รูปร่างเล็ก สองมือยันพื้นข้างหน้าเหมือนจะไต่ลุกขึ้นมา ทว่ามือเท้าก็อ่อนแรงล้มคะมำลงไปบนพื้นอีกรอบ
“เจ้า…พวกต่ำช้า ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!” เขาตะโกนด้วยความโมโห ลำคอราวกับถูกไฟเผาไออย่างหนักออกมาหลายครั้ง
ลำตัวนางเลื้อยขยุกขยิก ไถลถอยหลังไป วาดเป็นรอยเลือดเส้นหนึ่งจากตรงกลางห้องพอดี
เขาไม่ทันตกใจ นางก็กระเด้งตัวขึ้นมา หันหน้าโค้งคำนับเขา แล้วกล่าวด้วยเสียงเด็ก
“สวัสดีคุณชายแปด ข้าชื่อเลี่ยนยาง ต่อจากนี้จะรับหน้าที่พ่อบ้านคอยปรนนิบัติรับใช้เจ้า”
พ่อบ้าน?!
เห็นจมูกของนางเลือดไหลติดอยู่ ความรู้สึกผิดของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่หางตาเหลือบเห็นตนเองถูกห่อผ้าอย่างน่าสมเพชไปทั้งตัวจนไม่เหลือที่ว่าง อาการบาดเจ็บเล็กน้อยของนางนั้นไม่เห็นมีอะไรให้น่ารู้สึกผิด?
“พ่อบ้านอะไรกัน พ่อบ้านเป็นบุรุษ อีกทั้งเจ้าก็ไม่คู่ควร เป็นได้แค่เด็กรับใช้ของข้าเท่านั้น!”
“แต่พ่อบ้านฟังดูไพเราะกว่า” นางกล่าวด้วยความดื้อดึงพลางเช็ดเลือดที่จมูกอย่างแรง แล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนนุ่ม “ท่านปู่หวังข้างบ้านท่านพ่อข้าก็เป็นพ่อบ้านของตระกูลเฉิง ฟังดูมีสง่าราศีมาก”
เลือดที่จมูกของนางเช็ดแล้ว แต่ก็ยังไหลออกมาอีกราวกับห้ามไม่อยู่ เขาใจเต้นเร็วขึ้น ความรู้สึกผิดเริ่มรุมรัด หางตาแลเห็นนางเดินเข้ามาใกล้ หยิบผ้าห่มของเขาขึ้นมาเช็ดเลือดอย่างเงียบๆ
“เจ้าทำอะไร” เขาตีมือต่ำต้อยของนางที่หยิบผ้าห่ม “ห้ามแตะต้องของของข้า”
นางเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง จดจ่อมองดวงตาของเขาครู่หนึ่งแล้วใช้มือแกว่งไปมาตรงหน้าเขา เลือดที่จมูกไหลช้าๆ ออกมาจากรูจมูกน้อยๆ ของนางอีก ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว ยื่นมือสะเปะสะปะไปคลำหานาง
“เจ้ามานี่ ข้าจะคลำดูใบหน้าเจ้า”
“อ้อ” นางเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างโงนเงนเล็กน้อย
เขาข่มอารมณ์ไว้ ลูบบนใบหน้าอันเนียนนุ่มของนาง แสร้งทำเป็นลูบจากดวงตาของนางลงมา นางไม่แม้แต่จะกะพริบตา ยังจ้องเขม็งที่เขา เขาข่มความรังเกียจไว้ภายใน ลูบที่เลือดสดใต้จมูก ก่อนที่จะแสร้งเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นตระหนก
“เจ้าเลือดไหลแล้ว!”
“ไม่เป็นไร เลือดของเลี่ยนยางมีเยอะแยะ ไหลได้อีกนานมาก” นางเอนศีรษะไปด้านหลังแหงนหน้าขึ้นตามแรงของเขา นัยน์ตายังคงเหลือบมองใบหน้าเขาอย่างประหลาดใจ
ใบหน้าเขามีอะไรน่ามอง อยากจะมองทะลุไปเห็นหน้าตาอัปลักษณ์ของเขาภายใต้ผ้าพันแผลอย่างนั้นหรือ เขาโกรธอย่างที่สุด ใช้สองมือปิดตาอันน่ารังเกียจคู่นั้นของนาง
“คุณชายแปด ทำเช่นนี้ข้ามองไม่เห็น”
“มองไม่เห็นก็ดี ตาบอดไปเลยยิ่งดี! ตาบอดให้หมดทุกคนเลยดีที่สุด!”
“เช่นนั้นไม่ดีหรอก หากข้าตาบอด ก็มองไม่เห็น ถ้ามองไม่เห็น ข้าก็เป็นพ่อบ้านไม่ได้น่ะสิ”
“เจ้าเป็นแค่เด็กรับใช้ต่ำต้อย คู่ควรเป็นพ่อบ้านได้หรือ”
“เช่นนั้นคุณชายแปดเรียกข้าว่าเด็กรับใช้ก็ได้ เมื่อครู่ข้าตามคุณชายใหญ่เข้ามาในเรือนนี้ ก็พบว่าที่นี่ไม่มีผู้ใดสักคน คุณชายใหญ่บอกว่าเขามีเวลากระชั้น ซื้อตัวคนรับใช้อื่นไม่ทัน อีกประเดี๋ยวจึงให้ข้าไปจัดหาคนงานกับคุณชายสี่ที่หอหยั่งซิน คุณชายแปดต้องการคนจำนวนเท่าใดหรือ”
“ข้าไม่ต้องการผู้ใดทั้งนั้น! ห้ามเจ้าไปหอหยั่งซิน…ไม่สิ เจ้าเองก็ไสหัวออกไปด้วย ข้าไม่ต้องการเจ้า!” พูดจบพลันรู้สึกว้าวุ่นในใจ นึกถึงเรื่องบาดแผลที่ยากจะหายเป็นปกตินั้น เขาจึงระบายอารมณ์ออกด้วยการถีบตัวนางออกไป
อาการบาดเจ็บของเขาเพิ่งเริ่มหาย บนตัวยังคงมีบาดแผลฉกรรจ์ เรี่ยวแรงไม่สู้ที่ผ่านมา แต่ก็ยังสามารถถีบนางกระเด็นไปได้
นางไม่ทันตั้งรับจึงกระเด็นดิ่งไปชนม้านั่ง แล้วล้มลงศีรษะฟาดกับพื้นเสียงดังตึง
เสียงชนและเสียงศีรษะฟาดพื้นดังมาก ดังจนทำให้เขาใจเต้นตุบไปชั่วขณะ มองดูนางนอนนิ่งไม่ไหวติง คิดว่านาง…ถูกตนเองถีบกระเด็นตายเสียแล้ว
“เจ้า…เจ้า…”
จู่ๆ นางก็ลืมตาลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉงหมายจะยืนให้อยู่ แต่ก็ตาลายล้มนั่งลงไปอีกรอบ
“ข้า…ข้าอยากอาเจียน…”
“เจ้า…ไสหัวออกไปอาเจียนข้างนอก!”
“ข้าสบายดี…ไม่อาเจียนแล้ว” นางพยายามอยู่สองสามครั้งถึงจะยืนขึ้นได้ เดินโซเซจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่มาหาเขา “คุณชายแปดอย่าไล่ข้า คุณชายใหญ่ซื้อตัวข้ามาดูแลเจ้า ถ้าเจ้าไล่ข้าไป ที่บ้านท่านพ่อข้าจะต้องหิวตายแน่…หิว? จริงสิ คุณชายแปด ใกล้เที่ยงแล้ว เจ้าหิวหรือไม่ เลี่ยนยางจะไปเตรียมอาหาร” นางพลันเปลี่ยนทิศทาง หมุนตัวเดินโซเซไปทางประตู
นางจะเปิดประตู แต่กลับชนกับบานประตูเสียแทน พยายามอยู่หลายครั้งกว่าจะจับมือจับประตูได้ แล้วหันกลับมากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายแปด เดี๋ยวข้ากลับมา”
เขาจ้องมองท้ายทอยของนางแล้วตะโกนตอบด้วยใจหวิว “เจ้า…ไสหัวไปเลย! ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก! ออกไป!” จากนั้นเอาผ้าห่มคลุมโปงศีรษะตนเองทันที
ศีรษะท้ายทอยของนาง…ถูกเขาทำแตกแล้ว!
ส่วนลึกในใจเขากำลังรู้สึกผิด เหตุใดต้องรู้สึกผิด ดูชีวิตเขาพังยับเยินจนเป็นเช่นนี้แล้ว เหตุใดเขารังแกนางแล้วยังรู้สึกผิดได้ถึงเพียงนี้
เขาคาดหวังให้ทุกคนในโลกประสบเหตุการณ์เช่นเดียวเขา ถูกทำลายอนาคตอันงดงามเสียจนหมดสิ้น ความคิดของเขาเห็นแก่ตัว แต่มันก็เป็นความจริงที่สุด เขาหวังให้ทุกคนถูกไฟลวกมีแผลเป็น จะได้ไม่ต้องมีผู้ใดมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ อีก
พี่ใหญ่ไปแล้ว ตอนนี้ยังจะมีผู้ใดใส่ใจเขาอีก ตั้งแต่เขาเกิดมาจนถึงตอนนี้ พบหน้าพี่ใหญ่ใช้นิ้วนับครั้งได้ ทว่าเมื่อพี่น้องในบ้านเกิดเรื่อง พี่ใหญ่ก็จะปรากฏตัวเสมอ
“เหตุใดต้องซื้อเด็กหญิงตัวน้อยเช่นนั้นให้ข้า” เขาเอ่ยถามตนเองไม่หยุด
หากพี่ใหญ่มีใจจริง ควรจะหาชายหนุ่มวัยฉกรรจ์มาเป็นแขนขาให้เขา เหตุอันใดจึงเอาเด็กหญิงตัวเล็กหน้าตาสะสวยมาแทนด้วยเล่า
“เขาทำอะไร ข้าเดาไม่เคยออกเลย” เขาก็ไม่อยากคาดเดาอีก คิดได้เพียงหดตนเองเข้าในกระดอง เป็นเช่นนี้ไปตลอดชีวิต
ใบหน้าเขาเกินเยียวยาแล้ว เขารู้ เมื่อคืนเขาลอบแกะผ้าพันแผลออก เห็นใบหน้าที่มีแผลเป็น…พอนึกถึงใบหน้าที่ชวนฝันร้ายนั้น เขาก็ทุบเตียงราวกับเป็นบ้าทันที
“ข้าจบสิ้นแล้ว สมใจเจ้าแล้วสิ! จากนี้ไปบนโลกก็มีแต่เจ้าเพียงผู้เดียวแล้ว! ข้าเกลียดยิ่งนัก! เกลียดตนเองที่ตอนนั้นใจคอโหดเหี้ยมไม่เท่าเจ้า ข้าเกลียดเจ้า เกลียดเจ้า ชั่วชีวิตนี้จะไม่มีทางอภัยให้เจ้าเด็ดขาด!” เขากัดฟันพูดขึ้นด้วยน้ำตาคลอเบ้า
เขาไม่กล้าตะโกนเสียงดัง เพราะกลัวทำให้เนี่ยมี่หยางผู้เป็นพี่สี่ที่หอหยั่งซินจะตื่นตระหนก
ที่คฤหาสน์ตัวเอ๋อร์แห่งนี้ นอกจากพี่สี่ ก็มีเพียงเขา เขาถูกทอดทิ้งไว้ที่นี่ แต่พี่สี่มิใช่เช่นนั้น อีกฝ่ายมาเพื่อรักษาตัว เป็นพี่น้องเหมือนกัน แต่การถูกปฏิบัติช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
นี่นับเป็นอะไร นับเป็นอะไรกัน
ต้นอ่อนแห่งความเกลียดชังกำเนิดขึ้นภายในใจ เขาไม่ยับยั้งมัน ได้แต่หวังว่าวันหนึ่งความเกลียดชังจะบีบตนเองจนเป็นบ้า อย่างน้อยก็ไม่ต้องคลุ้มคลั่งทุกวันคืนเพราะนึกถึงใบหน้านั้น
ระยะนี้ทรวงอกราวกับมีของหนักกดทับจนหายใจไม่ออก
อาจเพราะมารดาที่ด่วนจากไปเห็นเขาน่าสงสาร จึงมารับตัวเขาแล้ว หรืออาจเพราะไฟไหม้ครานั้นเผาไหม้ทำลายทรวงอกเขาเสียหาย พวกหมอที่เคยมารักษาล้วนเป็นหมอกำมะลอทั้งนั้นกระมัง เขาบาดเจ็บภายในตรงไหนยังไม่รู้เลย
หนักยิ่งนัก…หนักจนทำให้เขาฝันร้ายต่อเนื่อง เขาร้องโอดครวญออกมาอย่างทนไม่ไหว
เขาเหงื่อชุ่มไปทั้งศีรษะ ในที่สุดก็หลุดจากความฝันได้ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น และภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาตะลึงงัน
นางกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนทรวงอกเขา?!
นี่มันอะไรกัน! เขาเพิ่งอายุสิบขวบ ยังเติบโตไม่เต็มที่ นางนั่งบนตัวเขาไม่กลัวทำให้ร่างกายเขาเสียหายหรือ
นางขมวดคิ้ว “คุณชายแปดตื่นแล้ว…” จู่ๆ นางก็ล้มมาหาเขา จิตใต้สำนึกบอกให้เขาหลบ แต่ครึ่งตัวถูกทับอยู่ จึงทำได้เพียงหันหน้าหนีทัน ปล่อยให้นางล้มฟุบไปบนหมอนของเขา
“เจ้าทำอะไรของเจ้า คิดว่าข้าบาดเจ็บแล้วจะถีบเจ้าออกประตูไปไม่ได้หรือ ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าเข้ามา!”
“ข้าปวดหัวมาก” นางพยายามฝืนลืมตา “แต่คุณชายใหญ่สั่งให้ข้าเฝ้าเจ้าตลอดทั้งคืน ห้ามไปไหน”
เขาโมโหขึ้นมาแล้ว จงใจเมินเฉยคำพูดประโยคแรกของนาง แล้วผลักนางออก
“เจ้านายของเจ้าคือข้าหรือว่าเขา ข้าให้เจ้าไสหัวออกไปนอนข้างนอก เจ้าเข้ามาทำอะไร ทั้งยังกล้ามาทับบนตัวข้าอีก ไม่กลัวข้าเอาแส้ฟาดเจ้าหรือ”
“คุณชายแปดอย่าไล่ข้า คุณชายใหญ่บอกว่าถ้าข้าไปจากที่นี่แม้เพียงก้าวเดียว เขาจะเอาเงินทั้งหมดกลับคืน ที่บ้านท่านพ่อข้าต้องการเงิน ถ้าเอากลับคืนพวกเขาจะต้องหิวตายแน่”
“บ้านพ่อเจ้า? บ้านพ่อเจ้าอะไรกัน นั่นก็บ้านเจ้าไม่ใช่หรือ จะพูดยังพูดไม่ถูก น่าอับอายขายหน้าจริง!”
ดวงตาของนางราวกับไม่เคยกะพริบ ยังคงเบิกกว้างกลมโต
“ข้ากลับไปไม่ได้แล้ว ข้าถูกขายให้กับตระกูลหูสามหู แล้ว กลับบ้านไม่ได้อีกแล้ว”
“หูสามหูอะไร นั่นอ่านว่า ‘เนี่ย’ ชื่อของเจ้าฟังดูแล้วก็ไม่เหมือนคนไม่รู้หนังสือนี่!” เขากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
นางเผยรอยยิ้มออกมา “ข้าเคยเรียนหนังสือนะ ท่านพ่อข้าสอน เขาเป็นซิ่วไฉ แต่ข้าเรียนไม่เก่งมาตลอด ชุนเสวี่ยเรียนเก่งมาก นางชอบเรียนหนังสือ”
“ชุนเสวี่ย?”
“นางคือน้องสาวข้า ข้ายังมีพี่สาวพี่เสียนซูอีกคน นางเย็บปักถักร้อยเก่ง เงินที่คุณชายใหญ่ให้สามารถซื้อหนังสือให้ชุนเสวี่ยได้ และยังซื้อผ้าที่พี่เสียนซูชอบได้อีกด้วย”
เขามองนางเป็นเวลานานก่อนจะเอ่ย “แล้วเจ้าล่ะ”
“ข้า? ข้าก็มาทำงานให้คุณชายแปด” นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขายื่นนิ้วมือจิ้มเบาๆ ที่แก้มเย็นๆ ของนาง “แล้วร้องไห้ด้วยเหตุใดกัน”
“ข้าร้องไห้หรือ” นางโกรธเล็กน้อย ออกแรงปาดน้ำตา “ข้านึกว่าไม่กะพริบตา แล้วน้ำตาจะไม่ไหลเสียอีก”
นางรู้สึกโศกเศร้าเรื่องชาติกำเนิดตนเองหรือ
นางก็สมควรเศร้า เพราะถูกครอบครัวทอดทิ้ง เหมือนกับ…
“คุณชายแปด ข้าปวดหัวจนน้ำตาไหลตลอด ข้าปวดมากๆ ถ้าข้าปวดหัวจนตาย คุณชายแปดอย่าให้คุณชายใหญ่เอาเงินกลับคืนได้หรือไม่” เสียงของนางอ่อนเบา เทียบกับก่อนหน้านี้แล้วมีอารมณ์แต่ไร้เรี่ยวแรง
เขาหวั่นใจ เพราะรู้สาเหตุการปวดหัวของนาง เขาลูบท้ายทอยของนางด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย เลือดเกาะเป็นก้อนแข็งแล้ว แต่ไม่รู้ว่าบาดเจ็บภายในหรือไม่
นาง…ก็สมน้ำหน้าแล้ว! สมน้ำหน้าที่มาหาเรื่องเขาเอง! ผู้ใดต่างรู้ว่าหลังจากคุณชายแปดน้อยสกุลเนี่ยถูกไฟคลอกบาดเจ็บ อารมณ์ก็แปรปรวนอย่างหนัก ไม่สิ อย่าว่าไฟคลอกบาดเจ็บเลย กระทั่งแต่ก่อนเขาก็เป็นบุตรชายบังเกิดเกล้าไม่สนกฎเกณฑ์อะไรอยู่แล้ว
“คุณชายแปด เตียงของเจ้านุ่มยิ่งนัก ขอข้านอนหน่อยจะได้หรือไม่”
“เจ้าเป็นแค่เด็กรับใช้ ไหนเลยจะคู่ควรกับเตียงของข้า” เขาผลักนางทีหนึ่งหมายให้นางลงจากเตียง
นางจับผ้าปูเตียงไม่ปล่อย สองขาหนีบลำตัวช่วงล่างของเขาแน่น ลำตัวช่วงบนของนางโน้มเอียงลง บุ้ยปากแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าไม่เคยนอนเตียงเช่นนี้มาก่อน ให้ข้าได้นอนสักประเดี๋ยวหนึ่งก็พอ”
“นางเด็กรับใช้บ้า ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงหรือ ข้าเนี่ยยวนเสวียนเคยมีคนรับใช้มากมายคอยปรนนิบัติ แต่ไม่เคยมีผู้ใดจาบจ้วงข้า…” หางเสียงหายไป เพราะเขานึกได้ว่าวันนี้เทียบกับวันวานไม่ได้อีก
ไฟโหมกระหน่ำขึ้นในใจ นัยน์ตาเคียดแค้นหาใดเปรียบ “พี่ใหญ่ซื้อเจ้าให้มาแกล้งข้าหรือ ข้าจะเอาเด็กรับใช้ไร้การอบรมมาทำอะไร อายุน้อยเยี่ยงนี้…”
“ข้าไม่เด็ก ข้าเกิดวันเดือนปีเดียวกันกับคุณชายแปด”
เขาตะลึงงัน “เจ้าปีเดียวกับข้า?”
ดูไม่ออก…เขานึกว่านางอายุน้อยกว่าเขาสักปีหรือสองปี
“อื้อ” ลำตัวช่วงบนของนางประชิดเข้ามาอย่างระมัดระวังขึ้น “คุณชายใหญ่บอกว่าข้าเกิดวันเดือนปีเดียวกับเจ้า จึงซื้อตัวข้า หวังว่าเคราะห์ร้ายทั้งหมดของคุณชายแปดจะย้ายมาที่ข้าแทน”
“เหลวไหล!” เขายิ้มเยาะ “พี่ใหญ่ไม่ใช่คนงมงายเช่นนี้แน่”
แลเห็นนางไม่แม้แต่จะยิ้ม สีหน้าเขาจึงสงบเสงี่ยมลง เขาเอ่ยถามต่อว่า “พี่ใหญ่พูดเช่นนี้กับเจ้าจริงหรือ”
นางพยักหน้าปาดน้ำตา “คุณชายแปด ข้าอยากนอนแล้ว”
เขากำลังอยู่ในความตื่นตะลึง ไม่มีสติเหลือพอให้สนใจนาง จึงปล่อยให้นางหลับปุ๋ยไป
“เหตุใดพี่ใหญ่โหดร้ายเพียงนี้ ถึงขนาดพูดประโยคเช่นนี้กับเด็กหญิงคนหนึ่งได้ แล้วบิดามารดาของนางไม่สงสารบุตรสาวตนเองบ้างหรือ” เขาถามตนเอง
พี่ใหญ่ทำอะไรมีเหตุผลเสมอมา แม้จะเป็นเด็กชายอายุสิบกว่าปี แต่เขาก็เข้าใจได้ว่าอะไรที่เรียกว่า ‘แผนการอันแยบยล’ เขาไม่มีทางเอาเด็กคนหนึ่งมาโดยไม่มีเหตุผลเป็นแน่…
“เพื่อสับเปลี่ยนเคราะห์ร้ายจริงหรือ” เขายิ้มเย็นชา “เคราะห์ร้ายที่น่ากลัวที่สุดบนโลกใบนี้ตกมาที่ตัวข้าหมดแล้ว ยังจะมีเคราะห์ร้ายอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าอีก”
พอเห็นนางหลับปุ๋ย เขาก็เกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นในใจ อยากจะผลักนางลงจากเตียง พลันเห็นใบหน้าขาวหน้าหนึ่งกำลังมองเขาจากนอกประตู
เขาตกใจจนเกือบร้องตะโกนหลุดปากออกมา ชั่วขณะที่รีบหลบการสบสายตา สองมือที่กำลังผลักนางก็เปลี่ยนเป็นลูบที่สองพวงแก้มของนางทันที
ใบหน้าที่มองเขาอยู่ด้านนอกประตูนั้นอ่อนเยาว์และงดงาม บรรยากาศยามราตรีอันมืดมิดเบื้องหลังขับให้ใบหน้าขาวซีดนั้นยิ่งดูประหลาด
ใบหน้าขาวนั้น…มาได้อย่างไร มาด้วยเหตุใด นี่เป็นคฤหาสน์ที่ถูกทิ้งร้างของสกุลเนี่ย โดยปกติแล้วพี่น้องจะไม่มาที่นี่ ใบหน้านั้นมา…เพื่อจะทำร้ายเขาอีกหรือ
หรือยังทำร้ายไม่พอ…
ประตูขยับเล็กน้อย หัวใจเนี่ยยวนเสวียนเต้นเร็วมาก เผลอกอดนางแน่นโดยไม่รู้ตัว สายตาหลุบลงครึ่งหนึ่ง ทำเป็นไม่รู้ว่าด้านนอกประตูมีคน
หากใบหน้านั้นเข้ามา เขาต้องตะโกนขอความช่วยเหลือหรือไม่
แล้วเขาจะตะโกนให้ผู้ใดได้ยิน ในเรือนมีแต่พี่สี่ที่หอหยั่งซิน ระยะทางจากนี่ก็ห่างพอดู จะช่วยเขาเช่นไรได้ทัน ความหวาดกลัวของเขาแสดงให้เห็นชัดบนร่างกายที่กำลังสั่นเทา เหงื่ออาบชุ่มบนผ้าพันแผลทั้งตัว ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด เมื่อเหลือบมองอีกครั้งก็ไม่เห็นใบหน้าด้านนอกประตูนั่นแล้ว
เขาชะเง้อมองซ้ายขวาทันที เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใบหน้านั้นแล้วจริงๆ จึงทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง
“เขามาแล้ว เขามาเพราะเหตุใด จะมาทำร้ายข้าอีกหรือ” เนี่ยยวนเสวียนยังคงตัวสั่นไม่หยุด เห็นใบหน้านั้นปรากฏขึ้น เขาถึงรู้ว่าตนเองยังไม่อยากตาย แม้ใบหน้าเสียโฉมไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่อยากตาย
“ข้ากลัว…ที่แท้ข้ายังรู้จักความกลัว” เขาอดไม่ไหวซุกใบหน้าที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลเข้าไปในอ้อมแขนของนาง หากเขาโดดเดี่ยวลำพัง ต้องหวาดกลัวจนเป็นบ้าแน่ แต่พี่ใหญ่รู้ก่อนแล้ว จึงจัดการให้นางมาอยู่ข้างกายเขา ความอบอุ่นของร่างกายมนุษย์ปลอบประโลมจิตใจได้ โดยเฉพาะร่างเล็กๆ อ่อนนุ่ม ด้วยเหตุนี้ พี่ใหญ่จึงเลือกนางใช่หรือไม่
ไม่ ไม่ใช่แค่นั้นแน่ พี่ใหญ่เลือกนางยังต้องมีเหตุผลอื่นอีก
“ไม่กลัวๆ ไม่ต้องกลัว” นางยื่นมือออกมาตบบ่าเขาเบาๆ
ทำเอาเขาตกใจ คิดว่านางเห็นเขาลอบร้องไห้ นั่นมันขายหน้าแค่ไหน! เขาเพ่งมองใบหน้าของนาง เปลือกตาปิดอยู่ นี่…นางกำลังละเมอ
“ไม่กลัว เลี่ยนยางไม่กลัว…”
เช้าตรู่ จวินเลี่ยนยางกระโดดลงจากเตียงอันอ่อนนุ่ม เดินไปเอาน้ำที่บ่อตามเส้นทางที่คุณชายใหญ่เนี่ยบอกเมื่อวานนี้
คฤหาสน์ตัวเอ๋อร์กว้างมาก ใหญ่กว่าบ้านท่านพ่อของนางหลายสิบเท่า
“ไปทางซ้าย ไปทางขวา เดินสิบก้าวเจอซุ้มประตู ด้านนอกประตูเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ออกจากสวนดอกไม้จะมีบ่อน้ำ ตักน้ำล้างหน้าแล้วค่อยทำอาหาร เอ๋? ที่ผ่านมาท่านแม่ทำ ตอนนี้ข้าต้องทำ มันเหนื่อยนะ”
นางเดินตามทางจนเจอบ่อน้ำบ่อหนึ่ง เมื่อตักน้ำเสร็จกำลังเดินไปทางเรือนดอกท้อ ทันใดนั้น เสียงต่อสู้ที่ดังแว่วมาก็พลันดึงดูดความสนใจนาง นางอดกลั้นเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวลอบเดินไปทางซุ้มประตูอีกฝั่ง
พอออกจากซุ้มประตู สายตาก็ทอดมองไปเห็นลานกว้าง ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังร่ายรำหมัดมวย แต่ละหมัดทั้งว่องไวและหนักแน่นทำให้นางมองจนตาลาย และเผลอร้องชื่นชมออกมา
“ผู้ใดกัน” คำพูดเพิ่งดังขึ้น แต่เงาร่างของชายหนุ่มแวบมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว นางถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ
มือเขาว่องไวมาก ยื่นออกมาหมายจะคว้าคอเสื้อของนาง
นางรีบถอยหลบไปข้างหลังอีกก้าว เท้าซ้ายเตะถูกก้อนหินล้มหงายหลังลงไป น้ำสาดเปียกไปทั้งตัว
“เจ้าเองหรือ” ชายหนุ่มประหลาดใจ รีบดึงนางขึ้นมา
“คุณชายรู้จักเลี่ยนยาง…คุณชายสี่ใช่หรือไม่” นางถามด้วยมารยาทเรียบร้อย
“ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่นายน้อย…คุณชายสี่ ข้าเป็นผู้อารักขาของเขาชื่อต้าอู่ เมื่อวานตอนที่คุณชายใหญ่พาเจ้ากลับมา ข้าเห็นเจ้าไกลๆ คุณชายแปดอาศัยอยู่เรือนดอกท้อซึ่งไกลจากหอหยั่งซินพอสมควร เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร คุณชายแปดเกิดเรื่องหรือ”
นางส่ายหน้า อาศัยท่าโน้มตัวหยิบอ่างหลบการฉุดหิ้วของเขา แล้วกล่าวเสียงอ่อน
“ข้ามาตักน้ำล้างหน้า”
“น้ำล้างหน้า? คุณชายแปดยังไม่ได้แกะผ้าพันแผล จะล้างหน้าได้อย่างไร”
เด็กหญิงผู้นี้ก็จริงๆ เลย ไม่รู้จักละเอียดลออ คุณชายใหญ่ซื้อตัวนางมาดูแลคุณชายแปดได้อย่างไรกันนะ
“ข้าช่วยถอดผ้าพันแผลของคุณชายแปดได้”
ผู้อารักขาหนุ่มเผลอยิ้ม “เจ้าหาเรื่องแล้ว อาการบาดเจ็บของคุณชายแปดยังไม่หายดี ถอดผ้าพันแผลออกจะมีประโยชน์อะไร” เขาพลันเห็นผ้าพันแผลที่ศีรษะนางก็ตกใจ “เจ้าบาดเจ็บหรือ”
มือของเขาเพิ่งจะแตะถูกผ้าพันแผลของนาง นางพลันเบี่ยงตัวหลบทันที แล้วลูบผ้าพันแผลสีขาวที่พันเฉียงอยู่ที่ศีรษะตนเอง
“เมื่อเช้าข้าตื่นมาก็เป็นเช่นนี้แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ใดทำให้”
ต้าอู่รู้อยู่แก่ใจ ตั้งแต่คุณชายแปดถูกไฟคลอก ก็อารมณ์แปรปรวนอย่างหนัก เขาเองก็ยังไม่กล้าให้คุณชายสี่รู้ว่าคุณชายแปดถูกส่งมาที่เรือนแห่งนี้
“ต้าอู่ เจ้ากำลังคุยกับผู้ใด” เสียงอ่อนแรงของชายหนุ่มดังออกมาจากในเรือน
ต้าอู่รีบวิ่งเข้าไปในเรือนทันทีโดยไม่ไยดีนาง
นางกะพริบตามองการตอบสนองที่ว่องไวของเขาด้วยความเหลือเชื่อครู่หนึ่ง แล้วจึงประคองอุ้มอ่างน้ำออกจากหอหยั่งซินไป
นางเดินออกจากซุ้มประตูมองเห็นเงาร่างเล็กๆ ดูสกปรกอยู่ด้านหลังภูเขาจำลอง ดวงตาสดสวยนั้นมองจ้องนางไม่กะพริบ นางคิดว่าเป็นลูกของบ่าวรับใช้ในเรือนจึงไม่ใส่ใจ เมื่อตักน้ำใหม่อีกครั้งเสร็จก็กลับเรือนดอกท้อ
เมื่อประตูเปิดออก คนบนเตียงยังคงนอนหลับอยู่
“ขี้เซาจริง” นางวางอ่างน้ำลง จามออกมาเบาๆ แล้วบ่นพึมพำ “ไม่ได้ ข้าเพิ่งมาทำงาน ถ้าเป็นหวัดแล้วพวกเขาไล่ข้าไปจะทำอย่างไร”
นางหยิบห่อผ้าตนเองออกมาจากช่องด้านล่างของตู้เสื้อผ้า แล้วเริ่มถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นออก
“เอาผ้าเปียกตากไว้ด้านบนของตู้ เขามองไม่เห็น คงไม่เป็นอะไร” เสียงพูดกับตนเองของนาง ปลุกให้เนี่ยยวนเสวียนตื่น
กางเกงขายาวตัวน้อยตกลงพื้น เผยให้เห็นสองขาขาวหมดจด แขนผอมบางเกลี้ยงเกลา…เขาคิดว่าตนเองมองผิด จึงขยี้ตาอย่างแรง แล้วลืมตาจ้องดูอีกครั้ง ลูกนัยน์ตาเล็กๆ นั้นแทบจะปูดโปนออกมา…
“เจ้ากำลังทำอะไร!” เขาร้องขึ้น
นางตกใจหันหน้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายแปด ท่านตื่นแล้วหรือ”
เขาจ้องมองด้านหน้าลำตัวเปลือยเปล่าผิวเกลี้ยงเกลาของนาง ชี้นิ้วมือสั่นกล่าวกับนาง
“เจ้า…หน้าไม่อายบ้างหรือ…” ถึงแม้นางยังไม่เป็นสาวเต็มตัว ถึงแม้เขาไม่มีอนาคตแล้ว แต่อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นบุรุษ อย่างน้อยเขาก็ยังมีสิทธิ์เลือกนะ!
“เป็นอะไรไป คุณชายแปด ข้าเพิ่งตักน้ำล้างหน้ามา เจ้าต้องการล้างหน้าหรือไม่” นางหยิบเสื้อผ้าฝ้ายสีน้ำเงินตัวเดียวในห่อผ้าออกมาอย่างระมัดระวัง
“ล้างหน้า? ข้าจะล้างอย่างไร เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้าบาดเจ็บ!” เขาตวาด “เจ้าคนต่ำต้อย! เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องคุณชายอย่างข้า มีเจตนาอะไรกันแน่”
นางได้ยินก็รีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาบังตัวทันที ก่อนจะมองดูเขาอย่างตกใจทำตัวไม่ถูก
“คุณชายแปด…เจ้ามองเห็นหรือ”
“แน่นอน…ไม่เห็นแน่นอน แต่ประสาทหูดีมาก ไม่มีทางฟังเสียงประหลาดของเสื้อผ้าคุณภาพต่ำของเจ้าไม่ออกแน่นอน” เขาพูดติดๆ ขัดๆ มองเห็นนางวางเสื้อผ้าลงอย่างวางใจ เผยให้เห็นหน้าอกแบนราบจนน่าสลดอีกครั้ง
สายตาของเขาพยายามแสร้งทำเป็นเบือนหนีให้เป็นธรรมชาติที่สุด ใบหน้าแดงเรื่อร้อนผ่าว ให้ตายก็ไม่มีทางยอมรับว่าเขาเห็นนางล่อนจ้อนทั้งตัวเด็ดขาด หากต้องรับผิดชอบขึ้นมา…เขาไม่เอาแน่ๆ!
“คุณชายแปด จะล้างหน้าหรือไม่”
เมื่อได้สติกลับมา เห็นนางประคองผ้าขนหนูบิดน้ำมาตรงหน้า เปลี่ยนเป็นชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงินแล้ว ทว่าผ้าพันแผลบนศีรษะที่ยังชื้นอยู่นั้น ไม่ได้เปลี่ยน
“เจ้าไม่เห็นหรือว่าใบหน้าข้าบาดเจ็บ จะล้างหน้าอะไรกัน! ไสหัวออกไปเลย!”
“คุณชายใหญ่บอกว่าที่จริงสามารถถอดผ้าพันแผลได้แล้ว ถ้าไม่ล้างคงรู้สึกไม่สบายหน้า มันจะเหนียวๆ จะรู้สึกขยะแขยง”
“ขยะแขยง! หน้าข้าน่าขยะแขยงมากพอแล้ว แม้คนไม่ล้างหน้าทั้งชีวิตก็ยังดูดีกว่าข้า” เขาเพ่งมองใบหน้างามพิศของนาง ออกแรงหยิกสองแก้มของนางอย่างไม่รู้ตัว แล้วกัดฟันเอ่ยขึ้น “ถึงข้าจะล้างหน้า หน้าข้าก็ไม่ได้น่าดูขึ้นมาได้! เจ้าเก่งกาจอะไร พี่ใหญ่ถึงให้เจ้าอยู่ข้างกายข้า ถึงเจ้าจะหน้าตางดงามเพียงใด ก็เป็นแค่บ่าวรับใช้! บ่าว รับ ใช้!”
เขาดึงแก้มของนางอย่างโมโห นางเจ็บจนน้ำตาไหลออกมาทันที
“หลอกลวง! คนหลอกลวง! ท่านแม่หลอกลวง!” สองหมัดของนางชกที่ศีรษะของเขา แล้วถีบหน้าอกเขาไปอีกทีหนึ่ง เนี่ยยวนเสวียนที่กระเด็นออกไปแทบจะสิ้นลมหายใจ “ท่านแม่ยังบอกอีกว่าเจ้าจะดีเหมือนท่านพ่อ! มีความรู้ใช้เหตุผลและปฏิบัติดีต่อผู้คน ท่านแม่หลอกลวง เจ้ารังแกข้าตลอด!” นางนั่งบนลำตัวเขา ชกหมัดตรงเข้าลำตัวผอมบางอ่อนแอของเขา
“หยุดนะ! หยุดเดี๋ยวนี้! ข้าเป็นนายนะ! ข้าบาดเจ็บแล้ว! ข้าบาดเจ็บแล้วนะ ข้าเป็นคนป่วยที่บาดเจ็บ เจ้าจะฆ่าข้าให้ตายหรือ!” เขาร้องระงม เอามือบังหน้านางก็ชกท้อง เอามือบังท้องนางก็ชกหน้า “เอาล่ะๆ ข้าล้าง ข้าล้างก็ได้!”
“จะล้างจริงๆ หรือ”
“ล้างก็ล้างสิ ไม่ได้ให้ข้าไปตายสักหน่อย!” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์
นางได้ยินก็กระโดดลงจากเตียง ยิ้มด้วยความดีใจ
“อ้อ ต้องการให้ข้าช่วยถอดผ้าพันแผลหรือไม่”
นางเดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็ยิ้ม ทำให้รู้สึกราวกับเหยียบเข้ากับดัก บริเวณที่ถูกนางชกตียังเจ็บแปลบอยู่เลย
“ไสหัวออกไปเลย ผู้ใดบอกว่าข้าจะล้างเล่า! เจ้าถึงกับรู้จักเล่นลูกไม้ ถ้าข้าทำให้เจ้าสมใจ ต่อไปจะไม่ถูกเจ้าจับกินหรือ ไสหัวเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!”
ใบหน้าสวยสดเคลือบแคลง “คุณชายแปดหลอกข้า?”
“ข้าหลอกแล้วจะทำไม ต่อให้ข้าหลอกเจ้าจนตาย เจ้าก็เป็นแค่บ่าวของข้า ไม่มีผู้ใดกล้าพูดออกไปแน่!”
ดวงตาของนางเบิกจนกว้างสุดอีกครั้ง ไม่กล้ากะพริบ ขอบตาแดงเป็นวง นางกัดริมฝีปากกล่าวด้วยเสียงเบา
“ข้าอยากกลับบ้าน…ท่านพ่อกับท่านแม่ดีที่สุด พวกเขาไม่รังเกียจเลี่ยนยาง”
กลับก็กลับไปเลย ไสหัวไปยิ่งไกลยิ่งดี…
เขากำลังจะหลุดปากพูดออกมาเช่นนี้ ก็พลันนึกถึงใบหน้าขาวซีดราวกับผีสางที่ลอยอยู่นอกประตูกลางดึกนั้นขึ้นมา…หัวใจเขาก็เต้นสั่นระรัวขึ้นอย่างฉับพลัน
หากเขาอยู่เพียงลำพัง ใบหน้านั้น…จะเหิมเกริมถลาเข้ามาหรือไม่
หากถลาเข้ามา เขาจะตกอยู่ในชะตากรรมเช่นไร เจ็บปวดเหมือนอยู่ในเพลิงไฟอีกครั้งหรือ…สองแขนของเขากอดตนเองแน่น ระงับความสั่นเทาไม่อยู่ เขานึกถึงร่างกายนวลนุ่มเมื่อคืนวาน จึงรีบยกสายตาค้นหาในทันใด
“เจ้า…” เขาเพ่งมองร่างกายที่ขดอยู่ใต้โต๊ะ “เจ้าหลบทำอะไรอยู่ตรงนั้น”
นางไม่ตอบ เพียงเบิกดวงตากว้าง
“ออกมาเดี๋ยวนี้!” เขายังเรียกต่อเนื่องกันอีกหลายครั้ง ทว่านางก็ไม่สนใจ เขาโมโหจนไต่ลงจากเตียงที่ไม่เคยลงมาเลยเป็นเวลาสามเดือนอย่างอดไม่ไหว พาตนเองมายืนอยู่หน้าโต๊ะจะลากนางออกมา
“ไสหัวออกมา…ไม่ ไม่สิ ข้าบอกว่าให้เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้ และห้ามกลับบ้านด้วย!”
“ข้าอยากกลับบ้าน”
“กลับบ้านอะไร! เจ้าถูกขายมาบ้านข้าแล้ว จะกลับบ้านได้อย่างไร”
“เช่นนั้นข้าจะหนี”
“หนี? เจ้าจะหนีไปไหนได้ เด็กโง่! ไม่สิ ข้าบอกว่าข้าจะล้างหน้า เรื่องเล็กๆ แค่นี้เอง ล้างก็ล้างสิ ไม่เห็นมีอะไรใหญ่โต”
นางนัยน์ตาเบิกกว้างถึงขีดสุดขีด ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “จริงหรือ คุณชายแปดอยากล้างหน้าหรือ”
“แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยรังแกเด็กหญิงสักครา ก็แค่ล้างหน้า ไม่ตายสักหน่อย!” เขาแสร้งทำเป็นใจกว้าง จากนั้นก็พูดเสริมด้วยความตื่นเต้นไม่หยอก “แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กลางคืนเจ้าต้องมานอนที่ห้องข้า”
“อ้อ” นางอยากจะคลานออกไป ก็พบว่าเท้าขวาของเขาเหยียบกระโปรงของนางอยู่ นางขมวดคิ้ว “ท่านเหยียบเสื้อผ้าที่ท่านแม่ข้าทำให้แล้ว!”
เขากระโดดถอยหลังออกทันที กลัวว่านางจะต่อยหมัดมาอีก หมัดของนางฆ่าเขาตายได้เลยจริงๆ
“ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
“ข้ารู้เจ้ามองไม่เห็น ไม่ได้ตั้งใจหรอก” นางปัดรอยที่มุมกระโปรงออกอย่างระวัง แล้วคลานออกมาจากใต้โต๊ะ “นี่เป็นชุดที่ดีที่สุดของท่านแม่ข้า นางปรับแก้ให้เป็นขนาดของข้า”
เขาจ้องดูชุดนั้นปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเก่าๆ ดูไม่ออกจริงๆ ว่า ‘ดี’ ตรงไหน
“คุณชายแปด ต้องการให้ข้าช่วยถอดผ้าพันแผลหรือไม่”
“ไม่ต้อง!” เขาร้องตะโกนตามสัญชาตญาณ แล้วพยายามฝืนกดเสียงพูดต่ำลง “ข้าล้างเองได้ ข้าหิวแล้ว เจ้าไปทำอาหารเช้ามาให้ข้า”
“อ้อ ต้องล้างจริงๆ นะ ข้าจะไปทำอาหาร ทำอาหารเยอะๆ ให้เจ้าอ้วนขึ้นมาเลย” นางลูบแขนที่ผอมจนเห็นกระดูกของเขา “ต้องกินเยอะๆ หน่อยนะ”
เขาดึงมือหลบออกตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะกล่าวด้วยความโมโหเล็กน้อย “ไปทำ ไปทำมา อย่ามาแอบขี้เกียจอยู่ที่นี่”
“ข้าไม่ได้แอบขี้เกียจสักหน่อย!” นางบ่นพึมพำ พลางส่งผ้าขนหนูบิดหมาดให้เขา
เขารับมาอย่างไม่เต็มใจพร้อมกับฮึดฮัดเสียงดัง แล้วเดินกลับไปที่เตียง
นางยกอ่างน้ำเดินออกนอกประตู น้ำตาถึงได้ไหลหยดลงมาจากนัยน์ตากลมด้วยความรวดร้าว
“ไม่ร้องๆ” นางเอ่ยพลางขยี้ตา ระหว่างเดินผ่านลานว่างเปล่า จู่ๆ ก็หยุดมองซุ้มประตูอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นถามขึ้นด้วยเสียงเบา “มีคนอยู่ตรงนั้นหรือ”
หลังซุ้มประตูผีเสื้อปรากฏเป็นต้าอู่ที่นางเคยพบก่อนหน้านี้ นัยน์ตาดำสองดวงของเขาเห็นแววประหลาดใจ เขากล่าวด้วยยิ้มน้อยๆ
“แม่นางน้อยประสาทหูดีจริงๆ”
“ท่านยืนอยู่ตรงนั้นไม่เหนื่อยหรือ”
ฟังจากน้ำเสียงยามเอ่ยถามของนางเหมือนจะรู้ว่าเขารออยู่นานแล้ว เขาจึงยิ่งรู้สึกประหลาดใจ
“แม่นางน้อย เจ้าเก่งจริงๆ สามารถทำให้คุณชายแปดลงจากเตียงได้ ตั้งแต่เขาเกิดเรื่อง ก็ไม่ลงจากเตียงอีกเลย บางทีคุณชายใหญ่ซื้อเจ้ามา คงเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว”
ตอนแรกเขาเองก็ไม่อาจเข้าใจจุดประสงค์ที่คุณชายใหญ่เนี่ยเอาตัวนางกลับมา ตอนหลังเริ่มเข้าใจ บางทีเพื่อนวัยเดียวกันกลับสามารถช่วยให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันได้
“อ้อ”
“เมื่อครู่ข้าเล่าเรื่องย้ายคุณชายแปดเข้าเรือนดอกท้อให้คุณชายสี่ฟังแล้ว คุณชายสี่อยากเชิญเจ้าไปคุย เจ้ามากับข้าสิ”
“แต่ข้าต้องไปทำอาหารให้คุณชายแปด”
“ไม่เป็นไร ข้าให้คนครัวเตรียมเพิ่มอีกชุดหนึ่งแล้ว อีกประเดี๋ยวพวกเจ้าคุยเสร็จ เจ้าก็เอาไปให้คุณชายแปดกินได้เลย ดีหรือไม่” เขากล่อมนาง
ไม่ต้องทำงานย่อมดีแน่นอน นางจึงพยักหน้ารับ ก่อนจะเห็นเขายื่นมือมารับอ่างน้ำ ซึ่งนางก็ไม่บ่ายเบี่ยง
ต้าอู่ยิ้มเล็กน้อย ขณะที่รับอ่างน้ำก็พลันยื่นมือลูบที่ไหปลาร้านาง แล้วค่อยๆ เลื่อนต่ำลง
นางสะดุ้งตกใจ ถอยหลังหลายก้าวติดกัน เตะโดนหินล้มไปด้านหลัง เขารีบคว้าไหล่ของนางไว้ แล้วว่า
“สายตาเจ้าก็ดีมาก”
“ท่าน…ท่านลวนลามข้า!” นางทั้งอายทั้งโมโห
เขารีบเก็บสองมือไว้ด้านหลัง ถอยมาออกสองสามก้าว “ไม่ได้ลวนลาม ข้าแค่ลูบกระดูกของเจ้า เมื่อครู่เสียมารยาทแล้ว แม่นางน้อย ข้าจะไม่แตะต้องเจ้าอีก ตามข้าไปพบคุณชายสี่เถิด”
นางยอมรับชะตาเดินตามเขาไปที่หอหยั่งซิน พลางพูดเสียงอุบอิบอยู่ในลำคอ “ท่านพ่อข้าบอกว่ามีตาแก่บางคนชอบลูบคลำเรือนร่างเด็กน้อย ไม่รู้ว่าต่างกันตรงไหนกับลูบกระดูก”
ต้าอู่ได้ยินใบหน้าก็พลันแดงระเรื่อ แสร้งทำทีว่าไม่ได้ยินและกล่าวต่อไป “ร่างกายเจ้าดีมาก ประสาทหูก็เหนือคนทั่วไป หากเจ้าไม่ใช่เด็กรับใช้ของคุณชายแปด ก็เหมาะที่จะไปเรียนวรยุทธ์”
(ติดตามต่อได้ในเล่ม)
Comments
comments
No tags for this post.