บทที่ 28-4
ก่อกวนอยู่ครึ่งค่อนคืน นางเริ่มเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียแล้ว จึงขดตัวอยู่ในอ้อมอกเขาไม่ขยับตัววุ่นวายอีก แพขนตาหลุบลงมาเงียบๆ ลมหายใจก็หนักขึ้นไปด้วย
แม้จะเมามายอย่างไร้ขีดจำกัด แต่จิตสำนึกที่หลงเหลืออยู่เล็กน้อยในสมองของนางก็หมั่นเตือนนางอยู่ตลอดเวลา เขาเป็นฮ่องเต้ จะค้างคืนที่จวนของนางได้อย่างไร แต่อ้อมกอดของเขาช่างสบายเสียนี่กระไร นางไม่อยากผละออกไปอย่างเอาแต่ใจ ความคิดจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนไปมาอยู่ในสมอง สุดท้ายอารมณ์ก็ชนะเหตุผล สองแขนของนางกอดรัดเขาแน่นยิ่งขึ้น…
ถึงอย่างไรนางก็แบกรับชื่อเสียงฉาวโฉ่อยู่แล้ว ยังจะใส่ใจมากเพียงนั้นไปเพื่ออะไร ฮ่องเต้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยค้างคืนที่จวนสกุลเมิ่งของนางเสียหน่อย!
นางคิดได้ดังนี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา สูดดมกลิ่นหอมบางเบาบนเสื้อผ้าของเขา ครู่เดียวก็ง่วงงุนทำท่าจะหลับ
ตอนนี้เองเขากลับเอ่ยปากขึ้น “จดหมายส่วนตัวเหล่านั้นของสวีถิง เจ้าได้มาอย่างไร”
ขณะกำลังเลอะเลือนนางบ่นอุบอิบออกมาคำหนึ่ง ย่นๆ จมูกอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
เขาย่อมไม่เชื่อข่าวลือตามตลาดเหล่านั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่นางจะส่งคนไปขุดสุสานของห่าวค่วง นั่นเป็นเรื่องตลกอย่างแท้จริง! พวกคนที่คิดจะฉวยโอกาสสาดน้ำสกปรกใส่นางเหล่านั้นไม่ยอมหยุดพักแม้ชั่วขณะเดียว แม้แต่คำพูดเช่นนี้ก็ยังแต่งออกมาได้…เขาใช้มือคลำๆ ใบหน้าของนาง พยายามทำให้นางมีสติปลอดโปร่งขึ้นบ้าง ถามเสียงต่ำ “ว่ากระไรหรือ”
นางถูไถใบหน้ากับฝ่ามือของเขาตามจิตใต้สำนึก ราวกับเป็นแมวน้อยตัวหนึ่ง ลมหายใจหอมหวานเบาบางเป่ารดผิวหนังของเขา เสียงแผ่วเบาดุจยุงบิน “ล้วนเป็น…ล้วนเป็นอิ่นชิงให้ข้ามา”
อิ่นชิง?
เขาประคองใบหน้านาง หว่างคิ้วกดลึกเล็กน้อย “อิ่นชิงใดหรือ”
นางถูกคนรบกวนการนอนก็รู้สึกหงุดหงิด กลิ้งไปมาอยู่ในอ้อมอกเขาหลายครั้ง แล้วจึงบอก “จิ้น…จิ้นซื่อเคอจวี่…”
เดิมทียังลังเลอยู่ว่าจะพูดความจริงกับเขาหรือไม่ กลับคิดไม่ถึงว่าพอเมาสุราแล้วปราการป้องกันจะถูกปลดออกจนหมด นางควบคุมปากของตนไม่ได้เลย พอพลั้งเผลอก็ ‘สารภาพ’ ออกมาหมดสิ้น
ฝ่ามือของเขาแข็งทื่อไปเล็กน้อยแล้วถามต่อ “เหตุใดอิ่นชิงจึงมีจดหมายส่วนตัวของสวีถิง”
นางสั่นศีรษะวุ่นวายซุกหน้าไปที่ซอกคอเขา ไม่ขยับอีก
คืนนี้ออกจากวัง เขาแม้จะเดินทางอย่างเรียบง่ายมีผู้ติดตามน้อย แต่หวงปอและคนอื่นๆ ก็ลำบากไม่น้อย เพื่อจะปกป้องชื่อเสียงของเขาจึงต้องจัดวางหน้าฉากมากมายในวัง ถึงได้ติดตามเขาออกมา เวลานี้เกรงว่า คงรอเขาอยู่ทั้งในและนอกจวนสกุลเมิ่ง ด้วยกลัวเขาจะพลาดการประชุมขุนนางในเช้าวันพรุ่งนี้
เขากอดนางแน่นขึ้น เอียงศีรษะจุมพิตนาง หว่างคิ้วยิ่งเป็นร่องลึกขึ้น
อิ่นชิง…
นางกลับกล้าเชื่อผู้อื่นง่ายๆ เอาจดหมายเหล่านั้นมาแล้วก็โหมกลองรุกเข้าโจมตีก็ไม่กลัวว่าจะหลงกลผู้อื่น ดีที่ครั้งนี้อิ่นชิงผู้นั้นไม่มีท่าทีที่จะทำร้ายนาง แต่ก็เพราะจุดนี้ถึงทำให้เขาไม่อาจเกิดความรู้สึกที่ดีต่อคนผู้นี้ได้
หลายปีที่นางเข้าราชสำนักมาต้องผ่านพายุลมฝนมาไม่น้อย แต่เรื่องใดบ้างที่เขาควบคุมไม่ได้ นางไม่ว่าจะรุกถอย ก้มหน้าเงยหน้า ทั้งหมดล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา ไหนเลยจะยอมให้ผู้อื่นเข้ามาสอดแทรกก้าวก่ายได้
มือน้อยของนางยังคงแตะอยู่ที่หน้าอกด้านซ้ายของเขา ในฝันปลายนิ้วกระตุกน้อยๆ เป็นระยะ คล้ายกลัวเขาจะจากไป คิดจะจับเขาไว้ไม่ให้เขาขยับตัวเช่นนั้น
เขาอดใจไม่อยู่ขยับเข้าไปจุมพิตนาง
แม้จะไม่อาจตัดใจ แต่กลับไม่อาจไม่จากไป
คืนนี้เป็นคืนวันชีซี เขาเห็นนางหัวเราะอย่างเต็มที่เช่นนี้ได้ในใจก็พลอยเบิกบานไปด้วย เขารู้ดีนางโดดเดี่ยวลำบากยากแค้นมาตั้งแต่เด็ก เกรงว่ายี่สิบปีมานี้นางไม่เคยร่วมขอพรในเทศกาลฉีเฉี่ยวกับมารดาพี่สาวน้องสาวที่บ้านเหมือนหญิงสาวทั่วไป คืนนี้ได้ใช้เทศกาลชีซีเป็นข้ออ้างไปเที่ยวเล่นในเมืองกับเหล่าขุนนางหญิงกลุ่มหนึ่ง คิดว่านางคงสนุกมาก จึงได้ดื่มสุราไปมากมายเพียงนี้โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด เมามายจนแม้แต่ ‘เกียรติยศหน้าตาของขุนนาง’ ก็ไม่สนใจแล้ว
ตอนวางนางลงแล้วลุกขึ้น นางขยับตัวไปมาอย่างไม่สงบ แต่ก็พลิกตัวหลับสนิทไป
เขาผลักประตูเดินออกไป นึกถึงคำพูดที่นางเคยพูดกับเขา ในดวงตาที่เคร่งขรึมทั้งสองคล้ายอาบย้อมด้วยหมึกอีกชั้นหนึ่ง
ถ้าวันหนึ่งข้างหน้านางได้รู้ว่าบิดามารดาของตนเป็นใคร ยังจะมีความปรารถนาเช่นในตอนต้นหรือไม่…อยู่เคียงข้างเขา ดูเขาสร้างบ้านเมืองให้เข้มแข็ง ดูเขาสร้างความผาสุกให้อาณาประชาราษฎร์ ดูเขาสร้างความสงบสุขให้แผ่นดิน
ท้องฟ้ายามราตรีสีอีกาดุจมีฝาครอบปิดลงมา กดดันจนลมหายใจของเขาหนักขึ้น มีเสียงหวงปอดังมาแต่ไกลในเวลาที่ประจวบเหมาะพอดี “ฝ่าบาท” เสียงนี้เรียกสติของเขากลับมาอีกครั้ง
ทุกคนในจวนสกุลเมิ่งขลาดกลัวไม่กล้าส่งเสียง เพียงมองส่งเขาจนออกจากเรือน จากนั้นจึงปิดประตูดับโคมไฟ
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน เมษายน 2567)
Comments
comments
No tags for this post.