X
    Categories: LOVEOOC I พลิกรักสลับบททดลองอ่าน

ทดลองอ่าน OOC I พลิกรักสลับบท บทที่ 6-บทที่ 7

หน้าที่แล้ว1 of 6

บทที่ 6 ขึ้นอย่างหงส์ ลงอย่าง…

การกินข้าวเที่ยงร่วมกับเพื่อนฝาแฝดไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์ชวนจดจำสำหรับอัตรคุปต์สักเท่าไร หลังจากต่างคนต่างสั่งอาหารของตัวเองแล้วสามหนุ่มก็ต่างก้มหน้าก้มตาเล่นสมาร์ตโฟนของตัวเองไป ก่อนที่อยู่ดีๆ หนึ่งในนั้นจะกัดฟันกรอดทุบโต๊ะจนแก้วน้ำสั่นไหว

ปัง!

“เชี่ย!” แสงเหนืออุทาน ดวงตาสีนิลละจากหน้าจอสมาร์ตโฟนไปยังตัวต้นเหตุ ร้องถามเสียงระอา “เป็นอะไรของมึงอีกเนี่ย”

“เปล่า” อัตรคุปต์เค้นเสียงตอบลอดไรฟัน หลังรัวปลายนิ้วพิมพ์ข้อความและลบทิ้งอยู่หลายรอบ จากนั้นก็ยัดสมาร์ตโฟนเข้ากระเป๋ากางเกง ใบหน้าหล่อเหลาดูดุดันกว่าปกติขณะปรายตามองโต๊ะอาหารที่มีเพียงแก้วเครื่องดื่มวางอยู่ “ทำไมอาหารมาช้างี้วะ”

“อ้อ โมโหหิวนี่เอง” แฝดคนพี่พยักหน้าขึ้นลงหงึกหงัก ขณะที่แฝดคนน้องหัวเราะหึ

“ใครว่ามันโมโหหิว” ริมฝีปากบางหยักยิ้มดูคล้ายอ่อนโยนแต่ก็คล้ายเจ้าเล่ห์อยู่ในที “โมโหหึงมากกว่า”

“หืมมม?” แสงเหนือลากเสียงยาว ลูบปลายคางพลางทำตาแวววาว “น่าสนใจนะเนี่ย คนอย่างไอ้สากกะเบือคุปต์เนี่ยนะหึงน้องนีซ?”

‘สากกะเบือ’ นั่งหน้าตึง แผ่รังสีดุดันจนคนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้ ทว่าไม่ใช่กับเพื่อนฝาแฝดที่สนิทกันมาเกินครึ่งชีวิต

หนุ่มหล่อมาดนุ่มหัวเราะ รับช่วงต่อจากพี่ชายด้วยการพลิกหน้าจอสมาร์ตโฟนโบกไปมาจนเห็นเงาร่างของหญิงสาวในชุดสีขาวฟูฟ่องรางๆ

“น้องนีซในชุดเจ้าสาวนี่สวยดีเนอะ”

“ไหนดูดิ๊” ทายาทโรงแรมหรูยื่นมือไปรับโทรศัพท์คู่แฝดมาส่อง นั่นคือรูปนิสรีนในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งเป็นภาพโปรโมตจากกองถ่ายละครในวันนี้ “จุ๊ๆ แค่ใส่ถ่ายละครยังสวยขนาดนี้ ไม่อยากคิดเลยว่ะว่าถ้าได้เป็นเจ้าสาวจริงๆ น้องนีซจะสวยสังหารออร่ารุนแรงขนาดไหน เสียดาย…” แสงเหนือแสร้งถอนหายใจ ปรายตามองคนที่ควรจะได้เป็นเจ้าบ่าว “ไอ้สากกะเบือเพื่อนเรามันโง่ เลื่อนงานแต่งอยู่นั่นจนน้องนีซไม่ได้ใส่ชุดเจ้าสาวของจริงสักที…เฮ้ๆ! ระวังมือหน่อยครับคุณครับ ขืนโดนหน้าหล่อๆ ของผมเสียโฉมขึ้นมา กูเรียกค่าทำขวัญเป็นเพนต์เฮ้าส์หลังละร้อยล้านเท่านั้นนะครับ”

ชายหนุ่มที่หลบช้อนซึ่งโดนโยนใส่หน้าได้ฉิวเฉียดขู่ทีเล่นทีจริงด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะ ก่อนหันไปพยักพเยิดกับคู่แฝด “ชายน์ ฉันว่าจากนี้ไปไอ้คุปต์ไม่น่าจะเป็นสากกะเบือแล้วว่ะ”

“ทำไมวะ มันจะกลายเป็นครกแทนเหรอ” แสงแรกเลิกคิ้ว ถามกลับด้วยสีหน้าใสซื่อ คราวนี้เลยเป็นแสงเหนือที่ชักสีหน้าบ้าง

“วะ ไอ้นี่ แทนที่จะช่วยกันรุมไอ้บื้อนี่ก่อน โอ๊ย! นี่มึงเหยียบตีนกูเหรอไอ้คุปต์”

คนเหยียบเท้าเพื่อนถลึงตาใส่สีหน้าดุดัน

“มึงหลอกด่ากูหลายทีแล้วนะไอ้เรย์ ถ้ายังไม่หยุดพูดมาก รอบหน้าจะไม่ใช่แค่ตีนมึงแน่ที่โดนกูเหยียบ”

เห็นดวงตาคมดุจ้องหน้ากันตรงๆ แสงเหนือก็เดาออกว่าเป้าหมายครั้งหน้าของท่านรองฯ แห่ง MA Property คือที่ไหน…ก็ใบหน้าหล่อๆ ของเขาอย่างไรเล่า

มองเพื่อนกับพี่ตีกันอยู่พักหนึ่งแสงแรกก็หัวเราะ หนุ่มหน้าหล่อติดจะหวานโคลงศีรษะ จากนั้นก็วกกลับไปคุยเรื่องนิสรีนต่อ

“แต่จะว่าไปนี่เป็นเรื่องแรกเลยรึเปล่าที่น้องนีซยอมรับบทเจ้าสาวน่ะ”

คำถามนั้นทำให้คนรักของหญิงสาวชะงัก นัยน์ตาคู่คมไหววูบ สันกรามขบแน่นจนขึ้นรอยนูน

“เออ เหมือนจะใช่แฮะ” แสงเหนือพยักหน้าหงึกหงัก รื้อความหลังขึ้นมาตอกย้ำเพื่อนอีกหน “คุ้นๆ ว่าก่อนหน้านี้น้องนีซเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะรอใส่ชุดเจ้าสาวครั้งแรกตอนแต่งงานจริงๆ แต่ดูท่า…” เขาเหลือบมองสีหน้าอัตรคุปต์ หัวเราะหึแล้วเอ่ยว่า “น้องนีซคงไม่อยากรอแต่งจริงแล้วแหละ”

“นี่พวกมึงจะทับถมกูกันอีกนานมั้ย” หลังจากทนมานาน ในที่สุดอัตรคุปต์ก็กัดฟันถามฝาแฝดเสียงเย็น สองพี่น้องเลยพากันหัวเราะ คนขี้แกล้งอย่างแสงเหนือลงทุนโน้มตัวข้ามโต๊ะมาตบบ่ากว้างหนักๆ

“น่าๆ ก็มันอดไม่ได้นี่หว่า เพิ่งเคยเห็นมึงเป็นฝ่ายไล่ตามครั้งแรก ปกติมีแต่น้องนีซต้องไล่ตามมึงอยู่ฝ่ายเดียวตลอด”

“จริง” แสงแรกผงกศีรษะ ริมฝีปากยังแต้มรอยยิ้มนุ่มละมุนผิดกับวาจาเชือดเฉือน “นี่แหละนะ ตอนมีอยู่ไม่เห็นค่า” เขาถอนหายใจ นัยน์ตาสีนิลคล้ายจะมองอัตรคุปต์อย่างเวทนา เอ่ยปากด้วยประโยคที่ไม่แน่ใจว่าเป็นคำถาม บอกเล่า หรือซ้ำเติม “นี่แค่น้องไปถ่ายฉากแต่งงานกับคนอื่นนายยังโมโหขนาดนี้ ถ้าน้องนีซแต่งงานเป็นเจ้าสาวของคนอื่นเข้าจริงๆ นายไม่กระอักเลือดตายเลยหรือไงนะ”

เพียงแค่จินตนาการถึงภาพนิสรีนกลายเป็นเจ้าสาวของชายอื่น เป็นภรรยา และร่วมใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนที่ไม่ใช่เขา ใบหน้าหล่อเหลาก็บึ้งตึงเย็นชามากกว่าเดิม กระทั่งบริกรซึ่งกำลังยกอาหารเดินมายังไม่กล้าเข้ามาเสิร์ฟ ร้อนถึงแสงเหนือผู้หิวจนไส้กิ่วต้องใช้วิชามารโปรยยิ้มล่อลวงจนหล่อนกล้าวางราดหน้าทะเลจานใหญ่ลงบนโต๊ะ

“ขอบคุณนะคะคนสวย”

“คนนึงก็ปากแข็ง อีกคนก็ปากหวานไปเรื่อย” มองคู่แฝดโปรยเสน่ห์ใส่บริกรสาวจนเจ้าหล่อนหน้าแดงไม่แพ้เสื้อแจ็กเก็ตที่แสงเหนือสวมใส่ แสงแรกก็โคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ ทว่าพอเหลือบตาขึ้นมองสีหน้าบึ้งตึงเย็นชาของอัตรคุปต์ก็ราวกับนึกขึ้นได้ว่าตนยังทับถมไม่หนำใจนัก เขาจึงพึมพำคล้ายคุยกับตัวเอง…แต่เป็นในระดับเสียงที่คิดคำนวณมาแล้วว่าต้องได้ยินกันทั้งโต๊ะ “ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่นายขึ้นอย่างหงส์ ลงอย่างไอ้โบ้กับเขาด้วย”

“แค่กๆ! ฮะ?” คนที่ได้อาหารก่อนคนอื่นและเพิ่งลิ้มรสชาติราดหน้าร้อนๆ สำลักกับคำพูดของคู่แฝด เงยหน้าถามด้วยดวงตาพราวระยับ “เมื่อกี้…นายพึมพำอะไรนะ”

“หือ?” แสงแรกกะพริบตาปริบๆ ทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขณะกล่าว “ ‘ขึ้นอย่างหงส์ ลงอย่างไอ้โบ้’ น่ะเหรอ ฉันอ่านเจอมาจากในทวิตน่ะ”

“ไอ้โบ้นี่…ชื่อหมาใช่มะ ฮ่าๆๆ” แสงเหนือหัวเราะลั่น ราดน้งราดหน้าอะไรไม่สนใจแล้ว หนุ่มแจ็กเก็ตแดงตัดกับผมสีทองสว่างตบเข่าฉาด ขยับตัวไปใกล้คนที่ทำหน้าบูดบึ้งเย็นชา “แต่เออ มองใกล้ๆ มันก็ดูโบ้ดีเหมือนกันนะไอ้คุปต์เนี่ย”

“เก็บปากไว้กินราดหน้ามึงไปเถอะ” คำรามลอดไรฟันใส่แฝดคนพี่แล้วก็หันไปถลึงตาดุดันเหมือนอยากจะต่อยหน้าแฝดคนน้องสักที แสงแรกที่เห็นดังนั้นเลยหลุดหัวเราะตาม

“นี่” หลังแกล้งเพื่อนจนพอใจ แสงแรกก็เอ่ยปากอีกรอบ รอจนดวงตาคมดุตวัดมามองอย่างโกรธเกรี้ยวก็ยิ้มขำ “อย่าทำหน้าแบบนั้นซี่ นี่ฉันกำลังจะหาทางช่วยนายเลยนะ”

“ช่วย?” อัตรคุปต์ขมวดคิ้ว ปากที่ไวกว่าความคิดทำให้เอ่ยออกไปอย่างรวดเร็วว่า “คนไม่มีแฟนอย่างพวกมึงจะมาช่วยอะไรกูได้” นอกจากช่วยกระทืบซ้ำจนเขาจมดิน

คำเหยียดหยันจากคนเดียวในกลุ่มที่มีคนรักเป็นตัวเป็นตนมาเกือบสิบปี ทำให้คู่แฝดสุริยฉัตรมองหน้ากัน แสงเหนือแยกเขี้ยวโวยลั่น

“เฮอะ ถึงมึงจะไม่เคยเห็นพวกกูมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่โปรดอย่าลืมว่านี่คือพี่เรย์ขวัญใจสาวๆ นะครับ” ‘ขวัญใจสาวๆ’ ยิ้มกว้าง “เรื่องเอาใจสาวน่ะ กูเชี่ยวชาญกว่าไอ้สากกะเบืออย่างมึงแน่นอน”

อัตรคุปต์หรี่ตา แม้จะรู้สึกว่าแสงเหนือโอ้อวดสรรพคุณตัวเองมากเกินไปจนน่าหมั่นไส้ แต่พอนึกถึงสาวๆ ที่มักรายล้อมร่างสูงโปร่งแล้วก็พอยอมรับได้ คิดดังนั้นแล้วดวงตาคมดุจึงย้ายไปยังใบหน้าหล่อเหลาดูสุภาพอ่อนโยนแต่หลอกด่าเขามาหลายรอบของแสงแรก คนที่แทบจะกลายเป็นฤๅษีไม่ยุ่งเกี่ยวกับสีกาก็ตอบกลับมายิ้มๆ

“โค้ชจริงเขาไม่ลงสนามกันหรอก”

ไม่รู้ทำไม อัตรคุปต์ถึงได้รู้สึกว่าคำพูดของคู่แฝดดูไร้ประโยชน์มากกว่าจะมีประโยชน์

ถึงแม้ชีวิตนี้ของนิสรีนจะถูกกำหนดให้เกิดมาเป็นนางร้าย ทว่ากลับเป็นตลกร้ายรอบที่เท่าไรไม่รู้เมื่อ ‘นักเขียน’ ที่สร้างเธอมาเป็นนางร้ายกลับมอบอาชีพนักแสดงในฐานะนางเอกให้กับเธอ

ริมฝีปากรูปกระจับเหยียดยิ้ม ดวงตาแฝงรอยเย้ยหยัน

ก็นะ เวลาภาพลักษณ์นางเอกละครชื่อดังของนางร้ายอย่างเธอถูกฉีกกระชากจนชีวิตย่อยยับคงทำให้นักอ่านที่เป็นทีมนางเอกตัวจริงสะใจได้มากกว่าเดิม

“ถ่ายอีกฉากเดียววันนี้ก็เสร็จแล้วนีซ” เจนสุดาเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของเธอผู้กลายมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวเดินเข้ามาบอกพร้อมชานมไข่มุกร้านดัง

“อือ” นิสรีนพยักหน้า ยื่นมือไปรับแก้วซึ่งถูกเจาะเสียบหลอดพร้อมดื่มขึ้นมาดูดก่อนที่หัวคิ้วจะขมวดมุ่น ดวงตาสวยเฉี่ยวละจากบทละครในไอแพดเหลือบขึ้นมองผู้จัดการซึ่งกำลังจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ

เจนสุดาซึ่งคุ้นชินกับสายตาของนักแสดงในความดูแลสะดุ้งลุกพรวด รอยยิ้มจืดเจื่อนปรากฏบนดวงหน้า คาดเดาได้เลยว่าหล่อนคงทำบางอย่างผิดไป

“นีซ…มีอะไรรึเปล่า”

นิสรีนจ้องหน้าอีกฝ่าย แม้พยายามเตือนตัวเองให้สะกดกลั้นเอาไว้ แต่ความไม่พอใจกลับฉายชัดผ่านแววตา ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีระเรื่อขยับ น้ำเสียงแข็งกระด้างหลุดออกมาอย่างรวดเร็ว

“กี่เปอร์เซ็นต์”

“ฮะ?” ผู้จัดการส่วนตัวกะพริบตา สีหน้างุนงง เป็นเหตุให้คนมองหงุดหงิดกว่าเดิม มือเรียวบีบแก้วพลาสติกจนชานมบางส่วนไหลทะลักออกมาเลอะมือตัวเอง ซึ่งทำให้เจ้าสาวคนสวยประจำวันนี้ยิ่งโมโหมากขึ้น ทว่าก่อนที่จะปาแก้วในมือใส่หน้าคนที่เป็นทั้งเพื่อนและผู้จัดการเหมือนทุกครั้ง นิสรีนกลับชะงัก เธอหลับตาลง พยายามตั้งสติ ย้ำเตือนตัวเองเป็นครั้งที่ร้อย

พอ นีซ ถ้าอยากหลีกเลี่ยงจุดจบบัดซบนั่น…ไม่ใช่แค่เรื่องพี่คุปต์ แต่เธอต้องเปลี่ยนนิสัยด้วย

นิสรีนรู้ดีว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้นางร้ายอย่างเธอพบจุดจบแบบนั้นไม่ใช่แค่เรื่องไม่ยอมปล่อยมือจากพระเอกของเกมกุหลาบอย่างเดียว แต่เป็นเพราะนิสัยร้ายๆ หลายอย่างของเธอเองด้วย

อาจเพราะเป็นช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนนิสัยซึ่งกลายเป็นสันดานติดตัวไปแล้วเสียใหม่ หญิงสาวจึงต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะลืมตาขึ้นมาได้ ก่อนจะเห็นว่าใบหน้าของผู้จัดการส่วนตัวซีดขาว มือสองข้างบีบไปมาด้วยท่าทางหวาดกลัว

เพราะแบบนี้สินะ…ตอนได้เจอกับนางเอกผู้แสนดี หล่อนถึงได้เทนางร้ายอย่างเธอทิ้งแบบไม่ไยดี

นางร้ายของโลกใบนี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ อยากจะกรีดร้องด่าทอการทรยศหักหลังที่ถูกขีดเขียนไว้ในบท แต่ตอนนี้ที่เธอ ‘ตาสว่าง’ มากพอ นิสรีนก็รู้ว่าส่วนหนึ่งเป็นความผิดของเธอเอง

ถ้าเธอไม่ใช้เจนสุดาเป็นที่รองรับอารมณ์ เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมหา’ลัยก็คงไม่ทิ้งกันไปอย่างง่ายดายขนาดนั้นหรอก

“…ฉันกินชานมไข่มุกแค่เดือนละครั้ง” น้ำเสียงที่พยายามปรับให้อ่อนลงแล้วแต่ก็คงห้วนจัดในความรู้สึกคนฟังดังขึ้น “ดังนั้นฉันเลยอนุญาตให้ตัวเองกินชานมไข่มุกที่หวานปกติ” แก้วพลาสติกเจ้าปัญหาถูกวางลงบนโต๊ะข้างตัวด้วยน้ำหนักมือที่ไม่เบานักจนเจนสุดาสะดุ้งโหยง

ตะกี้เธอไม่ได้ตั้งใจจะกระแทกซะหน่อย!

ยิ่งคิดว่าพยายามแค่ไหนเธอก็ยังหนีไม่พ้นพฤติกรรมนางร้าย นิสรีนก็ยิ่งหงุดหงิด หญิงสาวคว้าทิชชูเปียกขึ้นมาเช็ดมือ ตั้งสติอย่างมากก่อนจะพูดต่อจนจบประโยค

“แต่ที่เธอซื้อมามันคงหวานไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ”

“นีซ! ฉันขอโทษ! เดี๋ยวฉัน…ไปซื้อให้ใหม่เดี๋ยวนี้เลย” ร่างเล็กในชุดสูทลำลองสีครีมหันรีหันขวางทำท่าจะคว้ากระเป๋าออกไปซื้อแก้วใหม่มาให้ หล่อนรู้ดีว่าเพื่อรักษารูปร่างให้ดูดีตามมาตรฐานความงามของคนไทย นิสรีนเคร่งครัดเรื่องอาหารมากขนาดไหน ขนาดชานมไข่มุกที่นับว่าเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดยังอดใจกินแค่เดือนละครั้ง และครั้งเดียวในรอบหนึ่งเดือนที่ได้กิน…กลับมีรสชาติไม่อร่อยถูกปากอย่างที่หวัง

ถ้านิสรีนโมโหจนสาดชานมไข่มุกหวานยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ใส่หน้า หล่อนก็จะไม่แปลกใจเลยสักนิด

“ไม่ต้อง” นางเอกสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้นิ่งที่สุด…ทว่ามันกลับกลายเป็นน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาแทน “อีกเดี๋ยวฉันต้องเข้าฉากแล้ว รอเธอกลับมาคงไม่ทัน”

“งั้นเดี๋ยวฉันไปบอกผู้กำกับให้เริ่มถ่ายฉากต่อไปช้าอีกหน่อยมั้ย ให้เธอกินชานมก่อนจะได้อารมณ์ดี…”

เป็นอีกครั้งที่ผู้จัดการคนเก่งต้องหุบปากฉับเพราะสายตาที่มองมา ร่างระหงในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์กอดอก วงหน้าสวยเชิดขึ้นหรี่ตามองหล่อนด้วยสายตาตำหนิ

“เธอจะให้ฉันทำให้ทั้งกองต้องเลตงั้นเหรอ” นิสรีนแค่นหัวเราะ “เดี๋ยวก็มีข่าวซุบซิบออกไปอีกพอดี”

ถึงสุดท้ายเรื่องทั้งหมดจะจบลงด้วยอำนาจเงินของคุณลุงก็เถอะ

หญิงสาวส่ายหน้า บิดขี้เกียจขับไล่ความเมื่อยล้าเสร็จก็ก้าวขาไปยังโบสถ์ที่บ่าวสาวในชีวิตจริงหลายคู่เลือกใช้ประกอบพิธีสมรส

เจนสุดามองตามแผ่นหลังบอบบางด้วยความมึนงง หลุดพึมพำออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

“แต่ปกติ…เธอก็ทำแบบนั้นมาตลอดไม่ใช่เหรอ”

การปล่อยให้คนทั้งกองถ่ายละครต้องรอด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ประเภท ‘อากาศร้อนเกินไป ไม่มีอารมณ์จะถ่าย’ ‘พี่คุปต์ยังไม่รับสาย ยังไม่อยากถ่าย’ ‘กาแฟแก้วนี้ไม่อร่อย ไม่ถ่ายจนกว่าจะได้กินแก้วใหม่’ ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นเสียหน่อย

ถ้าไม่ใช่เพราะนิสรีนสวย ฝีมือการเล่นละครก็ดีมาก เข้าถึงบทบาทได้ราวกับเป็นตัวละครนั้นจริงๆ มีฐานะชาติตระกูลที่ร่ำรวยคอยหนุนหลัง รวมถึงพลังของแฟนคลับที่ตามืดบอดมองว่านางเอกสาวเป็นกุหลาบขาวผู้งดงามไม่ใช่กุหลาบอาบยาพิษอย่างในความเป็นจริง เชื่อได้เลยว่าหญิงสาวคงถูกเขี่ยออกจากวงการบันเทิงไปนานแล้ว

ไม่ใช่ตกเป็นแค่หัวข้อสนทนาซุบซิบนินทาของคนเบื้องหลัง หรือมีข่าวก๊อสซิปหลุดลอดออกไปแต่ไม่มีใครเชื่อแบบทุกวันนี้

สิ้นเสียงสั่งคัตสิ่งแรกที่นิสรีนมองเห็นไม่ใช่พระเอกผู้กล่าวคำสาบานรักกันไปเมื่อครู่ ทว่าเป็นพระเอกตัวจริงของโลกใบนี้ อดีตคนรักของเธอ…อัตรคุปต์ มหัสวัต

คิ้วซึ่งถูกแต่งแต้มจนสวยรับกับดวงตาเลิกขึ้น หัวใจเผลอเต้นกระหน่ำแรงเพราะใบหน้าหล่อเหลาของคนที่หายหน้าไปร่วมสัปดาห์อย่างแสนคิดถึง

ทั้งที่เธอเป็นคนเอ่ยปากขอเวลาส่วนตัวก่อนแท้ๆ แต่พออัตรคุปต์หายหน้าหายตาไปโดยไม่ติดต่อกลับมาจริงๆ คนที่หงุดหงิดกระวนกระวายก็ยังคงเป็นเธอเอง

นี่สินะที่เรียกว่า ‘ใครรักมากกว่าคนนั้นแพ้’

ระหว่างที่กำลังลังเลต่อสู้กับตัวเองว่าจะก้าวเข้าไปหาผู้ชายซึ่งยืนหน้าตึงจัดดีไหม แล้วถ้าเข้าไปจะเข้าไปด้วยสีหน้าท่าทางแบบไหน หรือเดินหนีไปอีกทางดีกว่า อัตรคุปต์ก็ไม่ให้เธอต้องเสียเวลาคิดอีกเมื่อร่างสูงใหญ่เป็นฝ่ายก้าวเข้ามาหาพร้อมกับชานมไข่มุกแบรนด์โปรดในมือ

“เหนื่อยมั้ย”

แม้วงหน้าหล่อเหลายังดูเย็นชาเจือหงุดหงิด น้ำเสียงที่ใช้พูดก็ไม่ได้อ่อนโยนอ่อนหวานอย่างที่ ‘โค้ช’ ไกด์มา ทว่าหากเทียบกับปกติที่แทบจะไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความอาทรให้กันแล้ว นิสรีนก็ถึงกับต้องช้อนตาขึ้นมองอดีตคนรัก เพราะคำถามที่มาพร้อมความห่วงใยปลุกให้เรื่องในอดีตลอยฟุ้งอยู่ในหัว

ปกติ…มีแค่เธอเท่านั้นที่เป็นฝ่ายถามไถ่เขา ไม่เคยมีสักครั้งที่ชายหนุ่มจะถามกลับ และเวลาตอบเธอแต่ละครั้งก็เหมือนแค่ตอบอย่างขอไปทีด้วยท่าทางรำคาญใจ

เพราะรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาจากทุกสารทิศ นิสรีนที่ไม่อยากหักหน้าอดีตคนรักจึงเลือกที่จะยิ้มบางๆ พลางเอ่ยถามกลับเสียงเบา

“พี่คุปต์มาได้ไงเนี่ย”

สมัยยังคบกันมีอยู่เป็นร้อยเป็นพันครั้งที่นิสรีนออดอ้อนจนแทบจะกลายเป็นอ้อนวอนให้เขามาหาที่กองถ่ายสักครั้ง ทว่าอัตรคุปต์ไม่เคยตอบรับเลยสักหนเดียว

แต่วันนี้อยู่ดีๆ เขาก็มาปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับชานมไข่มุกแบรนด์โปรด

“พี่รู้มาว่าวันนี้นีซมีถ่ายละครที่นี่ถึงเย็น เลยส่งฟู้ดซัพพอร์ตมาให้น่ะ”

“ฟู้ด…ซัพพอร์ต?” นิสรีนทวนคำ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้จักรถฟู้ดทรักที่บรรจุอาหารสารพัดอย่างซึ่งบรรดาแฟนคลับมักจะส่งมาให้ศิลปินและทีมงานที่กองถ่ายได้กินกัน และไม่ใช่ว่าที่รู้จักเพราะเคยได้รับมันมาก่อน…แต่หญิงสาวเคยเห็นมันจากในซีรี่ส์และข่าวสารจากประเทศเกาหลีใต้ จึงทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่าอดีตคนรักน่าจะไม่รู้จักมัน

อ้อ คงจะรู้มาจากพี่ชายน์

คิดถึงหนึ่งในเพื่อนสนิทของเขาที่จากบ้านเกิดไปเดบิวต์เป็นศิลปินอยู่แดนกิมจิมาหลายปี นิสรีนก็ถึงบางอ้อ พอกวาดตามองหาก็เห็นรถฟู้ดทรักซึ่งมีรูปหน้าเธอแปะอยู่จอดไม่ใกล้ไม่ไกลนัก และสิ่งที่กำลังถูกแจกจ่ายให้กับบรรดาทีมงานทั้งกองถ่ายก็คือชานมไข่มุกแบรนด์เดียวกับที่อัตรคุปต์ถืออยู่ในมือ

“ชานมไข่มุกหวานปกติ”

แก้วเครื่องดื่มถูกเขย่าเบาๆ เป็นสัญญาณบอกให้เธอรับมันไปดื่ม นิสรีนที่เมื่อบ่ายยังหงุดหงิดเพราะชานมไข่มุกไม่อร่อยจึงรับมันมาอย่างไม่เกี่ยงงอน รสชาติหวานอมขมแสนคุ้นเคยกับไข่มุกเหนียวหนึบกำลังดีช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าจากการทำงานลงได้…โดยเฉพาะเมื่อมันมาจากผู้ชายที่เธอยังรักอยู่

แม้จะพยายามกดข่มความรู้สึกที่มีต่ออัตรคุปต์ลงไป ทว่าดวงหน้าสวยเฉี่ยวยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาคู่สวยเป็นประกายจนคนมองใจชื้น น้ำเสียงที่ใช้ตอบเขาก็ดีขึ้นมาก

“ขอบคุณนะคะ”

“อือ” มือที่เคยถือแก้วชานมไข่มุกสอดเข้ากระเป๋า นัยน์ตาคมดุกวาดมองวงหน้าสวยเฉี่ยวซึ่งวันนี้ถูกแต่งแต้มจนงดงามมากกว่าเดิม แม้จะยอมรับและชื่นชมทีมคอสตูมที่สามารถเนรมิตนิสรีนให้กลายเป็นเจ้าสาวคนสวยได้ แต่อีกใจก็นึกหงุดหงิดที่ครั้งแรกของการสวมชุดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในพิธีสมรสหรือแม้แต่การถ่ายพรีเว็ดดิ้งของพวกเขา นั่นทำให้อัตรคุปต์เผลอหลุดปากออกไปเสียงห้วน “วันแต่งเรานีซต้องสวยกว่านี้แน่นอน”

คำประกาศพร้อมประกายตาแวววาวของอดีตคนรักทำให้นางเอกสาวใบหน้าร้อนวูบ กระนั้นก็อดสวนกลับเสียงหยันไปไม่ได้

“ถ้ามีวันนั้นนะคะ”

นิสรีนยังไม่ลืมและคงจะลืมไม่ได้แน่ๆ ว่าเพราะอะไรเธอถึงต้องล้มเลิกความตั้งใจจะสวมชุดเจ้าสาวครั้งแรกเพื่อเข้าประตูวิวาห์กับเขา

ก็ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเอาแต่เลื่อนงานแต่งของพวกเธอออกไป…

“นีซ” อัตรคุปต์เรียกชื่อเธอเสียงเบา ความรู้สึกผิดฉายชัดในดวงตาคมดุ

เรื่องที่จบไปแล้วยิ่งคิดยิ่งหยิบมาพูดก็ยิ่งบั่นทอน นางเอกผู้สวมบทบาทเจ้าสาวในวันนี้จึงถอนหายใจแล้วเปลี่ยนเรื่อง

“นอกจากส่งฟู้ดซัพพอร์ตแล้วมีอะไรอีกรึเปล่าคะ”

ความห่างเหินในน้ำเสียงทำเอาคนฟังใจกระตุก แต่พอคิดได้ว่าก่อนหน้านี้คนที่เคยได้รับมันมาตลอดคือนิสรีน ชายหนุ่มผู้ถูกเพื่อนนิยามว่า ‘ขึ้นอย่างหงส์ ลงอย่างไอ้โบ้’ จึงเชิดหน้าส่งรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยมนตร์เสน่ห์หวังล่อลวงใจให้เธอกลับมารักกันอีกครั้ง มือหนายื่นออกไปรอขณะเอ่ยปาก

“พี่มารอรับนีซกลับบ้านด้วยไง”

“กลับบ้าน?” หลังนิ่งไปอึดใจหญิงสาวก็ยกมือขึ้นกอดอกทั้งๆ ที่ยังถือแก้วชานมไข่มุกอยู่ เธอเอียงคอถามด้วยสีหน้าสงสัย “บ้านนีซ…หรือบ้านพี่คุปต์?”

“แล้วถ้าพี่บอกว่าบ้านเราล่ะ”

“หึ ที่แบบนั้นมันมีที่ไหนกัน” นิสรีนแค่นหัวเราะ โคลงศีรษะคล้ายไม่ยอมรับทั้งที่แววตาอ่อนแสงลง ทำให้คนมองอย่างอัตรคุปต์ใจชื้นขึ้น

“นีซก็รู้ว่ามันมีอยู่แล้ว บ้านของเราน่ะ” เขาย้ำชัด แววตาหนักแน่น แต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายยอมลงให้เธอก่อนอย่างที่รู้ดีว่านับจากนี้…

มันคงเป็นแบบนั้นตลอดไป

“แต่เอาเถอะ ถ้าวันนี้นีซอยากกลับบ้านตัวเองพี่ก็จะไปส่ง…หลังจากเรากินข้าวเย็นด้วยกันแล้ว”

“กินข้าวเย็น?” นิสรีนทวนคำ “พี่คุปต์ก็รู้ว่าปกตินีซไม่กินข้าวเย็น”

“ยกเว้นกินกับพี่” คนเคยเป็นข้อยกเว้นของทุกสิ่งรีบแย้ง

แม้จะเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ แต่นิสรีนก็ยอมรับว่าเขาพูดถูก เธอเลยแสร้งครุ่นคิดก่อนจะตอบ

“ก็ได้ กินข้าวเย็นด้วยกันน่ะได้อยู่ เพราะนีซก็ว่าจะเลิกคุมอาหารแล้ว แต่นีซมีนัดนวดตัวแล้วอะ พี่คุปต์จะรอได้เหรอ”

“นวด?” รอยยิ้มของชายหนุ่มชะงักค้าง นัยน์ตาสีเข้มกลอกไปมา

“อื้อ นวด” หญิงสาวพยักหน้ารับ “นีซถ่ายละครติดๆ กันมาตั้งหลายวัน ปวดเมื่อยจะแย่ เลยให้เจนจองสปาไว้ให้แล้วน่ะ” ประโยคหลังนัยน์ตาสวยเฉี่ยวปรายมองไปยังผู้จัดการส่วนตัวที่เดินเข้ามาพอดี ทำให้เจนสุดาเผลอทำหน้าเหวอออกมา ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

ว่านิสรีน ‘สั่ง’ ให้หล่อนไปจองร้านสปาที่ใช้บริการเป็นประจำเดี๋ยวนี้

ถ้าหากผู้จัดการส่วนตัวอย่างเจนสุดายังเข้าใจ มีหรือที่อัตรคุปต์จะมองไม่ออก เพราะถึงจะดูเย็นชาไม่ใส่ใจอย่างไร ทว่าเจ็ดปีมานี้ชายหนุ่มก็เฝ้ามองกุหลาบดอกนี้มาตลอด เขาจึงพยักหน้ารับพร้อมออกคำสั่งเพิ่มเติม

“จองสองคิวเลย เดี๋ยวฉันจะนวดรอนีซ”

ประโยคนั้นไม่เพียงแต่ทำให้คนที่ต้องรีบไปจองร้านสปาชื่อดังอย่างเร่งด่วนตกใจ กระทั่งหญิงสาวที่อยู่ดีๆ ก็ปวดเมื่อยเนื้อตัวอยากนวดกะทันหันเองก็เช่นกัน

เขาเกลียดการให้ใครก็ไม่รู้มาถูกเนื้อต้องตัวที่สุดไม่ใช่หรือ

ราวกับรู้ว่านิสรีนกำลังคิดอะไร ร่างสูงใหญ่จึงโน้มตัวเข้าไปใกล้จนใบหน้าห่างกันเพียงแค่คืบ กระซิบบอกด้วยแววตาเป็นประกาย

“ไม่ใช่แค่นีซคนเดียวหรอกนะที่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง พี่ก็เหมือนกัน”

ผิดกันแค่นิสรีนเปลี่ยนนิสัยเพื่อให้ตัวเองยังมีชีวิตรอดต่อไป ส่วนเขา…เปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ยังมีเธออยู่ด้วยกันตลอดไป

อ่า…

นาทีนั้นอัตรคุปต์ตระหนักรู้ได้ทันทีว่า

ดูเหมือนเขาจะกลายเป็นไอ้โบ้อย่างที่ไอ้ชายน์ว่าไม่มีผิด

บทที่ 7 การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด

แดง…แดงเถือกเชียว

พอแน่ใจว่าทั้งพอร์ตแดงเถือกไม่เห็นสีเขียวให้ใจชุ่มฉ่ำเหมือนเดิม นิสรีนก็ปิดเคสไอแพด โยนแท็บเลตรุ่นล่าสุดลงไปกองตรงปลายเตียง ก่อนเอนแผ่นหลังพิงกับหัวเตียง หลับตาลงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

ว่ากันตามตรงเงินหลักล้านที่ดิ่งลงเหวไปไม่ได้ทำให้นิสรีนในเวลานี้เดือดร้อนสักเท่าไร กระเป๋าบางใบของเธอยังมีมูลค่าสูงกว่านั้น การขาดทุนในครั้งนี้จึงไม่กระเทือนกับความมั่งคั่งของนางร้ายที่มีดีแค่สวยกับรวยมาก แต่มันกระทบกระเทือนความเชื่อมั่นของเธอ

ว่าเธอจะสามารถพาตัวเองหลบหนีจากจุดจบแสนบัดซบนั่นไปได้หรือไม่

ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่น แขนเรียวขาวผ่องยกขึ้นมาวางพาดทับดวงตา พยายามสะกดกลั้นทุกความอ่อนไหวที่ก่อตัวขึ้นในอก

เพราะในเรื่องเกมกุหลาบ หลังจากที่โรสลินปรากฏตัวขึ้น ชีวิตของนางร้ายอย่างนิสรีนก็ค่อยๆ ดิ่งลงเหวถูกแย่งชิงทั้งคนรักและหน้าที่การงาน แถมเธอยังประชดชีวิตด้วยการใช้เงินฟุ่มเฟือยเหมือนกับว่ามรดกจากผู้เป็นลุงนั้นใช้ไปตลอดชาติก็ไม่มีวันหมด…ซึ่งก็ใช่ ถ้านางร้ายจะมีหัวคิดสักนิด รู้จักระงับจิตใจสักหน่อย ทั้งเงินมรดก เงินปันผลของ MA Property ค่าใช้จ่ายรายเดือนที่คุณกมลมาศเมตตามอบให้ รวมถึงเงินเก็บจากการทำงานในวงการบันเทิงมาหลายปีคงมากพอจะทำให้นิสรีนอยู่ได้อย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต

แต่เมื่อนักเขียนตั้งใจมาแล้วว่านางร้ายอย่างเธอมันต้องร้ายจนกู่ไม่กลับ หลังเลิกรากับอัตรคุปต์และถูกแบนจนหายไปจากวงการบันเทิง นิสรีนในเกมกุหลาบก็ตกอยู่ในบ่วงของอบายมุข วันทั้งวันแทบจะสิงสถิตอยู่ในกาสิโนชื่อดัง แล้วผีพนันน่ะ…มีร้อยก็หมดร้อยห้าสิบ มีล้านก็หมดไปสิบล้าน ไม่ช้าไม่นานเงินที่มีอยู่ก็ร่อยหรอ กระทั่งทรัพย์สินอื่นๆ ทั้งเครื่องประดับ กระเป๋าแบรนด์เนม หรือกระทั่งคอนโดมิเนียมหลายห้องที่เป็นชื่อเธอก็ถูกเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อนำไปทุ่มทิ้งในบ่อน พอชีวิตดิ่งลงนรกอย่างไม่หยุดยั้ง นางร้ายอย่างเธอก็หน้ามืดตาบอดโยนความผิดบาปทั้งหมดไปให้นางเอกอย่างโรสลิน และวางแผนเลวร้ายขึ้นมาจนกลายเป็นจุดจบของตัวเอง

แม้มั่นใจว่าชีวิตนี้ที่เลือกเองจะไม่มีวันเฉียดเข้าใกล้กาสิโนหรือการพนันใดๆ แต่เพราะไม่อยากเสี่ยงกับชะตากรรมนางร้ายที่ถูกลิขิตไว้ นิสรีนจึงตั้งใจจะหาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อเป็นทุนรอนเลี้ยงชีพหลังจากโรสลินปรากฏตัว จนเธอต้องกระเด็นออกไปจากชีวิตของอัตรคุปต์

น่าเศร้าที่นางร้ายอย่างเธอ…นอกจากรูปร่างหน้าตาและความสามารถทางการแสดงแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง มีแค่ภาษาอังกฤษที่ใช้งานได้ในระดับที่ดีกว่าคนทั่วไป นอกจากนั้นแล้วกระทั่งเกรดเฉลี่ยตอนจบมหาวิทยาลัยก็เรียกได้ว่าคาบเส้น และนิสรีนค่อนข้างรู้ตัวว่าสมองของเธอไม่ได้พร้อมจะเปิดรับการเรียนรู้หรือพัฒนาทักษะอื่นได้มากนัก…ยืนยันได้จากตอนที่เธอไปศึกษาวิธีการลงทุนจากช่องทางต่างๆ แต่อ่านหรือกระทั่งฟังไลฟ์โค้ชในยูทูบไปเท่าไรก็เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ท้ายที่สุดในสมองขี้เลื่อยของคนใจร้อนอย่างเธอก็ไม่มีอะไรสักอย่าง จนทำได้มากสุดแค่ลองเปิดๆ ดูว่าหุ้นตัวไหนที่เขาว่าดีแล้วซื้อตามเท่านั้น

แล้วก็เพราะแบบนั้นแหละ พอร์ตเธอถึงได้แดงอย่างนี้ไง

คิดถึงตัวแดงเถือกแล้วหัวใจหญิงสาวก็เจ็บจี๊ด ยังยืนยันได้ว่าด้วยสถานะทางการเงินในตอนนี้การสูญเสียเงินล้านสำหรับเธอไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่รับพรีเซ็นเตอร์โฆษณาตัวหนึ่งก็ได้เงินคืนกลับมาง่ายๆ แล้ว แต่มันกลับตอกย้ำให้เห็นถึงความไร้ศักยภาพและชะตาชีวิตอันแสนบัดซบของนางร้ายอย่างเธอที่ถูกลิขิตให้หยิบจับอะไรก็เจ๊งไปหมด

แต่ถ้าจะให้เธอทู่ซี้ทำงานในวงการบันเทิงต่อไปเรื่อยๆ…พูดตามตรงว่าต่อให้ไม่ถูกขุดวีรกรรมออกมาแฉตามพล็อตที่วางไว้ นิสรีนก็ไม่คิดว่าเส้นทางนางเอกมากฝีมือของเธอจะยั่งยืนนัก นักแสดงหน้าใหม่เกิดขึ้นได้ทุกวัน จะหาที่สวยกว่า สาวกว่า หรือฝีมือการแสดงดีกว่าเธอ…ในวันที่นิสรีนไม่ได้หลงรูปโฉมและทะนงตัวจนหน้ามืด หญิงสาวรู้ดีว่านักแสดงเหล่านั้นไม่ได้หายากอะไร ยิ่งถ้านิสัยดีประพฤติดีจนได้รับความเมตตาเอ็นดูจากคนในวงการด้วยแล้ว…แค่นี้นิสรีนก็มั่นใจว่าเธอเหลือเวลาโลดแล่นในวงการได้อีกไม่เกินห้าปีก็คงโดนเขี่ยทิ้ง

ก็พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอยู่หรอกนะ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้ร้ายมามากจนคนเขาเหม็นหน้ากันไปหมดแล้ว พอมาทำอะไรดีๆ ตอนนี้ถ้าไม่โดนหาว่าเฟกก็ต้องมีคนคิดว่ามีแผนร้ายกาจอะไรซ่อนอยู่ ดังนั้นนิสรีนไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะมีอนาคตดีๆ รออยู่ในวงการบันเทิง หญิงสาวคิดขนาดที่ว่าเพื่อไม่ให้ชีวิตในวงการกระทบชีวิตส่วนตัว…หรือไม่ให้เรื่องคาวๆ และวีรกรรมร้ายกาจที่เคยก่อกระทบไปถึงบั้นปลายชีวิตหลังออกจากวงการไปแล้ว บางทีเธอควรรีบออกจากวงการตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเจ้าหญิงกุหลาบขาวในสายตาประชาชนอยู่

ออกไปแบบสวยๆ ให้คนคิดถึง ดีกว่าเป็นที่จดจำเพราะโดนชาวเน็ตแหกและด่าจนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ไปสามวันเจ็ดวัน

เพราะความคิดแบบนั้น ช่วงนี้เธอจึงศึกษาเรื่องการทำธุรกิจ การลงทุน การใช้เงินเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูตัวเองหลังออกจากวงการ ซึ่งช่วงแรกทุกอย่างดูดีมากจนเธอใจชื้น กำไรที่ได้รับแม้จะไม่มากแต่ก็แสดงให้เห็นว่าเธอน่าจะเลี้ยงดูตัวเองได้

ใครจะรู้ว่าเพียงครึ่งเดือนก็ขาดทุนย่อยยับขนาดนี้

“จะไม่เหลือทางรอดให้กันเลยหรือไงนะ”

มีแวบหนึ่งที่นิสรีนแอบกลัวว่าสุดท้ายแล้วเธอจะหนีไม่รอด ต่อให้พยายามสักแค่ไหน โชคชะตาจากปลายนิ้วของนักเขียนผู้ที่ไม่ต่างจากพระเจ้าก็จะบีบให้เธอเดินกลับไปบนเส้นทางเดิม

ถ้าแบบนั้น…ไม่เลิกกับพี่คุปต์ดีกว่าไหมนะ

ถ้าอย่างไรสุดท้ายแล้วก็ต้องจบแบบนั้น เธอควรเลือกเก็บเกี่ยวความสุขในเวลานี้ เสพสุขกับการเป็นผู้หญิงที่อัตรคุปต์รัก…จนกว่าจะถึงเวลาที่นางเอกตัวจริงปรากฏตัว จนกว่าจะถึงวันที่หัวใจของเขาไหวเอนไปกับโรสลินและทอดทิ้งเธอไปตามที่ถูกลิขิตไว้ แบบนั้น…จะดีกว่าหรือเปล่า

เพียงแค่คิด…เพียงแค่ความอ่อนไหวผุดขึ้นเพราะการกระทำที่เปลี่ยนไปของอัตรคุปต์ ภาพที่เธอหวาดกลัวที่สุดก็ปรากฏซ้อนทับขึ้นมา

แววตาเกลียดชังคั่งแค้นของอัตรคุปต์ที่มองมา จนทำให้ปืนกระบอกนั้นถูกยกขึ้นแนบขมับแทนลั่นไกใส่สองหนุ่มสาวที่ตระกองกอดกัน

นิสรีนตบเบาๆ บนใบหน้า ดึงสติของตัวเองให้หลุดพ้นจากฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน

“ไม่! อย่าเพิ่งยอมแพ้นีซ นี่มันแค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น”

และทุกการเริ่มต้นมันก็คงยากแบบนี้ ในโลกแห่งการลงทุนทุกคนมีโอกาสจะได้กำไรและขาดทุนอยู่แล้ว เธอยังโชคดีที่มีเงินมากพอจะปล่อยพอร์ตทิ้งไว้แบบนั้นเผื่อวันหนึ่งมันจะกลับมาเป็นสีเขียว และยังมีเงินเย็นอีกจำนวนมากให้รอลงทุนใหม่

ถ้าเธอใจเย็นกว่าเดิม เรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น มันต้องดีกว่าเดิมแน่ๆ

ประกายแห่งความหวังผุดพรายขึ้นในดวงตาสวยเฉี่ยว

เธอทำได้…

นิสรีนเชื่อว่าเธอจะสามารถพาตัวเองออกไปจากเส้นทางนางร้ายที่แสนบัดซบนั่นได้!

หรือไม่ได้นะ?

บางจังหวะของชีวิตที่มันบัดซบเอามากๆ นิสรีนก็เผลอสงสัยในความสามารถของตัวเองว่าจะหลุดพ้นจากสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ได้จริงๆ หรือ เมื่อเงินก้อนที่สองของเธอจมหายไปในทะเลสีแดงเดือดอีกแล้ว!

หญิงสาวกัดริมฝีปาก จ้องพอร์ตหุ้นในจอตาไม่กะพริบ หมกมุ่นกับมันเสียจนไม่ทันรู้ตัวเลยว่ามีใครอีกคนปรากฏตัวขึ้นเบื้องหลัง จนกระทั่งเขาวาดวงแขนผ่านพนักโซฟามากอดเธอไว้หลวมๆ ริมฝีปากอุ่นประทับตรงซอกคอเบาๆ ร่างระหงจึงสะดุ้งโหยง

“พี่คุปต์? มาได้ไงเนี่ย!”

เห็นสีหน้าตื่นตกใจโดยไร้ความยินดีของคนรัก อัตรคุปต์ก็เม้มปากเป็นเส้นตรง ร่างสูงใหญ่ขยับมาทิ้งตัวเบียดบนโซฟาตัวเดียวกัน ตัดพ้อเสียงแข็ง

“ทำไม เดี๋ยวนี้บ้านอัศมาลย์ติดป้ายห้ามพี่เข้าแล้วหรือไงถึงต้องตกใจเบอร์แรงขนาดนี้”

นิสรีนนิ่งไปเหมือนคาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดด้วยสีหน้าแววตาแบบนี้ ในดวงตาสีน้ำตาลคล้ายจะมีร่องรอยความขบขัน กระนั้นนักแสดงมากฝีมือที่ในชีวิตจริงแสดงไม่เก่งเอาเสียเลยก็พยายามกลั้นยิ้ม เชิดคอบอกด้วยสีหน้าใสซื่อ

“ยังไม่ได้ติด แต่ไอเดียดี เดี๋ยวไปบอกพี่พิก่อน”

“นีซ” คนเคยเย็นชาแข็งกระด้างรีบฉุดรั้งท่อนแขนขาวไว้ กระนั้นก็ไม่กล้าลงน้ำหนักมือมากด้วยกลัวจะทำให้หญิงสาวต้องเจ็บตัว พอดึงร่างระหงมาทิ้งตัวลงบนตักได้ก็รีบกอดรัดเอวบาง เอ่ยอ้อนอย่างไม่เคยทำมาก่อน “อย่าร้ายกับพี่นักสิ แค่ให้เจอวีกละสองวันพี่ก็จะตายอยู่แล้วนะ”

เพราะความต้องการซึ่งสวนทางกันของสองคนที่ต่างเอาแต่ใจทั้งคู่ เขาที่ไม่ยอมปล่อยมือกับเธอที่พยายามสะบัดมือทิ้ง สุดท้ายนิสรีนเลยต้องยอมเจอกับอัตรคุปต์ครึ่งทางคือเธออนุญาตให้เขามาพบหน้าได้เพียงสัปดาห์ละสองหนเท่านั้น นอกจากนั้นถ้าอัตรคุปต์มาพบเธอมากกว่านี้นิสรีนจะถือว่าเขาไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิม…นั่นก็คือไม่เคารพการตัดสินใจของเธอ

ด้วยเหตุผลนี้ทำให้หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ‘ไอ้โบ้’ ตัวล่าสุดต้องปฏิบัติตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่ยังทำให้อัตรคุปต์หน้าด้านตามตื๊อหญิงสาวต่อก็เพราะแม้ปากจะปฏิเสธ ท่าทีจะดูเย็นชาห่างเหินกว่าเดิม แต่ความรักในดวงตาของนิสรีนยังไม่เคยเปลี่ยนไป

นั่นทำให้เขามีกำลังใจจะทวงคนรักกลับคืนมา

“อ่าฮะ สองวัน” เจ้าหญิงกุหลาบขาวพยักหน้าหงึกหงัก ปฏิเสธไม่ได้ว่าหวั่นไหวทุกครั้งที่เห็นว่าอัตรคุปต์ยังสวมแหวนหมั้นอยู่แม้ว่าเธอจะถอดคืนเขาไปนานแล้ว วงหน้างดงามเชิดขึ้นสบตาคมดุ เอ่ยถามด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม “แต่วีกนี้เราเจอกันครบไปแล้วนะ พี่คุปต์ใช้โควตาของวีกหน้าเหรอ”

“ก็แย่” ชายหนุ่มเบะปาก นึกสงสัยขึ้นมาครามครันว่าก่อนหน้านี้เขาเคยเย็นชากับนิสรีนถึงขั้นไหน หญิงสาวถึงตามมาเอาคืนกันแบบนี้

หลังถอนหายใจเฮือกใหญ่และจำต้องคลายอ้อมกอดออกปล่อยให้ร่างระหงในชุดเดรสสั้นลายดอกไม้เป็นอิสระ อัตรคุปต์ก็ตอบด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น

“ลุงเชนเรียกพี่มาคุยน่ะ”

“คุยกับลุงเชน?” พอสบตาเขาแล้วเธอก็รีบร้องปฏิเสธ “ไม่ใช่แผนนีซ!”

“พี่รู้” อัตรคุปต์พยักหน้า มั่นใจว่าครั้งนี้ไม่ใช่ ‘แผน’ ของนิสรีนเหมือนครั้งก่อนๆ

เพราะเขาไม่ค่อยสนใจเธอ ก่อนหน้านี้หญิงสาวจึงมักจะใช้ชื่อของคุณราเชนบ้าง คุณกมลมาศบ้างชวนชายหนุ่มมากินข้าวด้วยกันที่บ้าน ซึ่งพอมาจริงก็มีบางครั้งที่ทั้งบ้านเหลือเพียงแค่นิสรีน ไม่ได้มีสองสามีภรรยาอัศมาลย์อย่างที่ควร

แน่นอนว่าอัตรคุปต์รู้ทันมาตลอด แต่ถึงแม้เขาจะดูหงุดหงิดไม่พอใจเพียงไร ทุกครั้งก็ยังอยู่กินข้าวกับคนรักต่อ ส่วนครั้งนี้ชายหนุ่มเองก็รู้ว่าไม่ใช่แผนของนิสรีนแน่ๆ เพราะเธอยังพยายามวิ่งหนีเขาอยู่เลย

พอแน่ใจว่าเขาเชื่อจริงๆ หญิงสาวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ชั่วขณะนั้นเองบางสิ่งก็แวบเข้ามาในหัว มันคือฉากสำคัญของเกมกุหลาบที่คุณราเชนจะเรียกพบอัตรคุปต์เพื่อขอให้เขาเลิกรากับเธอแล้วไปแต่งงานกับโรสลิน แม้ว่าความเป็นจริงแล้วเหตุการณ์นั้นควรเกิดขึ้นในอีกหลายเดือนข้างหน้าหลังจากพระนางของเรื่องได้พบและผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนมาด้วยกัน ทว่าเพราะพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของพระเอกกับนางร้าย มันก็เป็นไปได้ที่เรื่องราวจะเปลี่ยนไป

หรือว่า…

หัวใจหญิงสาวกระตุกวูบ ก่อนจะเต้นกระหน่ำด้วยความหวาดระแวง

“พี่คุปต์…เจอเธอแล้วเหรอ”

จะด้วยน้ำเสียงหรือแววตาของนิสรีนก็แล้วแต่ ทว่าอัตรคุปต์รับรู้ได้ทันทีว่า ‘เธอ’ นั้นหมายถึงใคร และการพบเจอกันระหว่างเขากับผู้หญิงคนนั้นควรเป็นฉากแบบไหน ชายหนุ่มจึงรีบคว้าร่างระหงมานั่งบนตักอีกครั้ง มือใหญ่หยาบกระด้างประคองวงหน้างดงาม จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสั่นไหว ยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง

“ไม่” เขายืนกราน ย้ำให้เธอมั่นใจว่านั่นคือความจริง “พี่ยังไม่ได้เจอผู้หญิงคนนั้น”

เขายังคงเป็นเขาคนเดิมที่ไม่เคยทรยศหักหลังนิสรีน

เพียงเห็นความโล่งใจพาดผ่านดวงตาคู่สวย ริมฝีปากหนาก็กระตุกยิ้ม เพราะตระหนักได้ว่ายังอยู่ในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์อัศมาลย์ซึ่งอาจมีคนผ่านมาได้ทุกเมื่อ จึงเพียงประทับจูบบนกลีบปากนุ่มเร็วๆ ทีหนึ่ง

“ถ้ายังหึงยังหวงพี่ขนาดนี้ เลิกคิดเรื่องทิ้งพี่เถอะนีซ” หลังปลอบขวัญคนรัก เขาก็เอ่ยแนะนำอย่างจริงใจ จึงโดนเธอค้อนใส่

“ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา”

แทนที่จะเถียงว่าไม่ได้หึงหวงเขา นิสรีนเลือกจะตอบด้วยประโยคที่ยอมรับเป็นนัยๆ ว่าเขาพูดถูก แต่เธอก็ยังจะเลือกทางนี้อยู่ดี

“ใช่ ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา” อัตรคุปต์พยักหน้าเห็นด้วย นัยน์ตาคมดุสบตาคู่สวยนิ่ง ริมฝีปากสีแดงยกยิ้ม แววตาหมายมาด “แต่ถึงจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน…พี่ก็จะทวงนีซกลับคืนมาให้ได้”

แม้จะมองเห็นความหวั่นไหวในดวงตาสีน้ำตาลสวย แต่อัตรคุปต์ที่ไม่อยากเร่งเร้านิสรีนจนเกินไปจึงเปลี่ยนเรื่อง ชายหนุ่มหลุบมองหน้าจอไอแพดที่คนรักถือติดมือไว้ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

“นีซสนใจพวกเรื่องการลงทุนตั้งแต่เมื่อไหร่”

หลังธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดน้ำหนักของนิสรีนล้มเหลวไม่เป็นท่าไปเมื่อปีก่อน ชายหนุ่มนึกว่าคนรักจะเลิกสนใจพวกเรื่องธุรกิจหรือการลงทุนไปแล้ว เพราะว่ากันตามตรงตอนนั้นที่หญิงสาวทำธุรกิจก็ไม่ใช่ว่าใจรักหรืออยากหาเงินอะไร เพียงแค่เห็นว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังนิยมในหมู่คนบันเทิง

ก็นะ เป็นทั้งนางเอก เป็นทั้งเจ้าของธุรกิจที่ไม่ใช่กิจการทางบ้าน ดูดีไม่หยอก

แต่เพราะไม่ได้มีใจอยากจะทำแต่แรก แค่ร่วมลงทุนและใช้ชื่อเสียงความเป็นนางเอกดังมาการันตีโปรโมตผลิตภัณฑ์ทั้งที่ไม่เคยใช้งานจริง กว่าจะรู้ว่ายานั่นไม่มีแม้แต่ อย. ก็ตอนที่เป็นข่าวใหญ่ครึกโครม เรียกได้ว่าชื่อเสียงที่นิสรีนสั่งสมมาทลายหายไปครึ่งหนึ่งกันเลยทีเดียว ดีที่ว่าตอนนั้นมีข่าวงานหมั้นระหว่างพวกเขาขึ้นมากลบและตัวนิสรีนก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่ เลยฉุดกระแสของหญิงสาวให้กลับมาเป็นแง่บวกได้อีกครั้ง

“แดงเถือกเชียว”

คำทักจากคนที่ยังทำเนียนเป็นเก้าอี้ให้เธอนั่ง ฉุดรั้งสติที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยกลับมาอีกครั้ง กุหลาบขาวแห่งอัศมาลย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ใช่ แดงมากกก” นิสรีนแค่นเสียง แม้จะแอบอาวรณ์อ้อมกอดอบอุ่นของเขามากแค่ไหน แต่สุดท้ายเธอก็ตัดใจลุกแล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาเดี่ยวใกล้ๆ กัน เพราะเรื่องที่เขาสงสัยไม่ใช่ความลับอะไร เธอจึงไม่ลังเลที่จะตอบ “ตั้งแต่เริ่มคิดถึงอนาคต”

ชายหนุ่มสบตาคนรัก เพียงเท่านั้นก็เข้าใจได้ว่าในหัวเล็กๆ กำลังคิดอะไรอยู่

“จะไม่ทำงานในวงการแล้ว?”

“ก็ประมาณนั้น” นางเอกเบอร์ต้นๆ ของวงการไหวไหล่ แม้จะพยายามทำสีหน้าเหมือนไม่ได้คิดอะไรแต่อัตรคุปต์รู้จักเธอดีจนรู้ว่านิสรีนคิด แถมยังคิดมากอีกต่างหาก

อย่างไรเสียนิสรีนก็อยู่วงการนี้มาหกปี แม้แรกเริ่มจะไม่ได้มีใจรักอะไรนัก แต่พออยู่มานานเข้าก็เริ่มผูกพัน หากทำได้ก็อยากอยู่ต่อไปเรื่อยๆ พัฒนาฝีมือตัวเองจนไม่ได้เป็นแค่นางเอกยอดนิยม แต่กลายเป็นนักแสดงแถวหน้าผู้สามารถตีบทแตกได้ทุกบทบาท

ทว่านั่นก็เป็นได้เพียงแค่ฝันลมๆ แล้งๆ ของคนที่มีวีรกรรมรอถูกแหกยาวเป็นหางว่าว

“ถ้านีซกังวลเรื่องพล็อตนั่น…” อัตรคุปต์เอ่ยปาก นัยน์ตาคมดุหนักแน่น “พี่จะหาทางจัดการให้”

แค่จัดการเขี่ยผู้หญิงคนนั้นออกไปก่อนที่หล่อนจะกลายเป็นดาวดวงใหม่ผู้ได้รับความรักใคร่จากทุกคน จนนิสรีนซึ่งถูกแย่งชิงทั้งงานและความนิยมโกรธแค้น คอยระรานหาเรื่องนางเอกรุ่นน้องจนทำให้วีรกรรมในอดีตที่หญิงสาวเคยทำไว้ถูกขุดขึ้นมาแฉ

แค่ ‘ดับ’ ตั้งแต่หล่อนยังไม่ ‘ดัง’ ทุกอย่างก็จบแล้ว

 

“หึ มันไม่ง่ายงั้นหรอกพี่คุปต์” นิสรีนส่ายหน้า ยอมรับเลยว่ารู้สึกดีมากที่อัตรคุปต์คิดหาทางช่วยเหลือและปกป้องเธอ แต่เธอในวันนี้โตมากพอจะรู้ว่าต่อให้จัดการผู้หญิงคนนั้นได้ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะจบลง “ยังไงนีซก็นิสัยเสียจนเป็นที่เลื่องลืออยู่แล้ว ไม่ใช่วันนั้นก็ต้องมีสักวันแหละที่ถูกแหกและจะเถียงก็ไม่ได้…ทำจริงทั้งนั้น”

เสียงหัวเราะฝืนๆ กับดวงตาเจือรอยหยามหยันของคนรักทำให้ช่องอกของชายหนุ่มบีบรัดจนอึดอัด แม้เธอจะสร้างระยะห่างด้วยการย้ายที่นั่ง กระนั้นเขาที่อยากใช้ภาษากายปลอบประโลมหัวใจดวงน้อยก็ไม่ได้รู้สึกลำบากที่จะยื่นมือออกไปคว้ามือนุ่มมากุมไว้

“สำหรับพี่นีซนิสัยดีมาก”

นั่นไม่ใช่คำโกหกเพื่อหวังปลอบใจ แต่อัตรคุปต์พูดจริง ไม่ว่าจะร้ายกับคนอื่นอย่างไร ทว่าสำหรับเขาแล้วนิสรีนดีเสมอ ทั้งรักทั้งตามใจจนเขานี่แหละที่เป็นฝ่ายเสียคนจนพลั้งเผลอทำร้ายความรู้สึกของเธอ

“หึ นั่นก็เพราะนีซเคยรักพี่คุปต์ไง”

เพราะรักเขา เธอถึงได้เป็นฝ่ายยอมทุกอย่าง แล้วเอาความหงุดหงิดไม่พอใจทั้งหมดไปลงกับคนอื่น

“ ‘เคย’ เหรอ” น้ำเสียงที่เคยปลอบโยนเมื่อครู่เข้มจัด นัยน์ตาคมดุวาวโรจน์ชนิดที่หากเป็นคนอื่น…หรือกระทั่งนิสรีนเมื่อไม่กี่เดือนก่อนอาจจะตัวสั่นไปแล้ว ทว่าน่าแปลกที่เธอในวันนี้กลับไม่นึกกลัวว่าเขาจะไม่พอใจ

ก็ไม่รู้เพราะเธอพยายามตัดใจจากอัตรคุปต์จนไม่อยากคาดหวังอะไรจากเขา หรือเพราะรู้แล้วว่าเขารักเธอกันแน่

“ใช่ ‘เคย’ ” หญิงสาวย้ำชัด สบลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำเพื่อตอกย้ำคำตอบของตัวเอง แต่นั่นอาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด…เพราะดวงตาของเธอมิอาจอำพรางความจริงในหัวใจเอาไว้ได้ คนที่สบตากันเลยกระตุกยิ้ม แสร้งทำเป็นพยักหน้าคล้อยตาม

“ถ้านีซบอกว่าเคยก็เคย” ปากบอกเคยรักแต่ดวงตาย้ำชัดว่ายังรักอยู่ ในฐานะคนเคยปากหนักบอกรักไม่เป็นอย่างอัตรคุปต์ เขาย่อมทำใจกว้างยอมรับมันได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเขาจึงแนะนำเธออย่างคนปรารถนาดี

“แต่ถ้านีซคำนึงถึงอนาคตและอยากได้ความมั่นคงจริงๆ พี่แนะนำให้นีซลงทุนอย่างนึง รับรองเธอเป็นเสือนอนกินแน่”

“หือ?”

คนสนใจเรื่องการลงทุนเลิกคิ้ว ดวงตาเป็นประกาย

ไม่ใช่เพราะแค่ดีใจที่อัตรคุปต์แสดงออกชัดว่าให้ความสำคัญกับสิ่งที่เธอกำลังสนใจจนอยากให้คำแนะนำ แต่ยังเป็นเพราะท่านรองฯ แห่ง MA Property ถูกเรียกขานว่า ‘เทพแห่งการลงทุน’

ผิดกับนิสรีนที่ไม่มีหัวทางด้านนี้…หรือด้านไหนๆ เอาเสียเลย อัตรคุปต์กลับเป็นลูกรักของพระเจ้า ไม่ใช่แค่หน้าตาหล่อเหลา แต่ยังฐานะดี ทั้งฉลาดและดวงดียิ่งกว่าใครๆ ชายหนุ่มสนใจและหัดเล่นหุ้นมาตั้งแต่อายุสิบแปดสิบเก้า และเปอร์เซ็นต์การขาดทุนของเขาก็น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย กระทั่งหุ้นที่ตอนแรกดูไม่มีมูลค่า ไม่มีใครให้ความสนใจ ขอเพียงเขาเลือกลงทุนกับมันไม่นานตัวแดงก็กลายเป็นเขียว กราฟพุ่งทะยานขึ้นอย่างงดงาม

คิดแล้วนิสรีนก็ได้แต่กัดปากเจ็บใจตัวเอง ค่าที่ตอนนั้นเย่อหยิ่งอยากยืนได้ด้วยสองขามากจนไม่สนใจจะซื้อหุ้นตามอัตรคุปต์อย่างที่ใครๆ เขาทำกัน ปรากฏว่าท่ามกลางตัวแดงเถือก หุ้นที่เขาซื้อกลับทำกำไรได้อย่างน่าอัศจรรย์

พอคิดถึงการลงทุนที่มีแต่กำไรของเขาและมีแต่ขาดทุนของเธอ นิสรีนก็นึกสนใจอยากรู้ขึ้นมาเหมือนกันว่าถ้าเธอซื้อตามที่เขาแนะนำทุกอย่าง บทสรุประหว่างพลังแห่ง ‘พระเอกลูกรักนักเขียน’ กับ ‘นางร้ายผู้ย่อยยับ’ อะไรจะแรงกล้ากว่ากัน อัตรคุปต์จะเจ๊งตามเธอหรือเธอจะรวยตามเขา?

พอเห็นว่าคนรักมีสีหน้าสนใจจริงๆ เทพแห่งการลงทุนก็คลี่ยิ้มขรึม สีหน้าดูจริงจังมากขึ้น

“นีซรู้ใช่มั้ยว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง”

“รู้สิ” รู้ดีด้วย ไม่งั้นเงินเธอจะหายวับไปเป็นล้านแบบนั้นหรือ

“แต่ที่พี่จะแนะนำนีซ พี่มั่นใจว่าคุ้มค่าแน่นอน ถ้านีซเลือกลงทุนตัวนี้นะ รับรองว่าทั้งชาติก็มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ”

“พี่คุปต์จะแนะนำให้นีซซื้อหุ้นเอ็มเอเหรอ”

จากความมั่นใจที่เห็นได้ชัดของชายหนุ่มทำให้เธอคาดเดาแบบนั้น เพราะ MA Property เป็นกิจการร่วมกันระหว่างสองตระกูลของพระนางแห่งเกมกุหลาบ ดังนั้นไม่ว่าจะเจอวิกฤติขนาดไหน ผลกำไรก็มีแต่จะงอกงาม

“นีซมีหุ้นอยู่แล้ว” ถึงจะไม่เยอะแยะอะไรและท้ายที่สุดในนิยายนางร้ายอย่างเธอจะขายทิ้ง แต่ในฐานะหลานสาวคนเดียวของคุณราเชน เธอมีหุ้นของ MA Property อยู่จำนวนหนึ่ง “คือจะให้นีซซื้อเพิ่ม?”

คำถามอย่างไม่แน่ใจของคนรักทำให้อัตรคุปต์ลอบกลอกตา แต่ก็ยังคงตอบกลับไปอย่างจริงจัง

“ถ้าลงทุนตามที่พี่แนะนำ นีซก็จะได้หุ้นเอ็มเอไปด้วย”

“ดีขนาดนั้นเชียว” คราวนี้นิสรีนชักระแวง

โลกนี้ไม่มีอะไรที่ดีขนาดนั้น…โดยเฉพาะกับนางร้ายอย่างเธอ

“อือ แค่นีซตกลงใจลงทุนหุ้นตัวนี้แล้วเซ็นสักแกร๊กสองแกร๊ก รับรองรวยเละเป็นคุณนายไปทั้งชาติ”

“หุ้นบริษัทไหนเนี่ยถึงทำให้พี่คุปต์มั่นใจได้ขนาดนั้น รีบๆ เฉลยมาเถอะ”

เพราะคำโฆษณาที่ชักจะเกินจริงเข้าไปทุกที หญิงสาวจึงรีบซักอย่างทนรอไม่ไหว คำนวณในใจว่าถ้าดูลาดเลาแล้วดี เธออาจลงทุนก้อนใหญ่เพื่อช้อนซื้อมาเก็บเก็งกำไร แต่แล้วสมองที่กำลังทำงานอย่างหนักก็เป็นอันต้องชะงักงัน เมื่อเทพแห่งการลงทุนเชิดหน้าขึ้นสูง ปลายนิ้วหัวแม่มือชี้เข้าหาแผ่นอกกว้าง ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มขณะประกาศด้วยน้ำเสียงอันเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ

“พี่”

“หือ?”

นิสรีนกะพริบตา เหมือนจะเข้าใจ…แต่ก็ไม่แน่ใจนัก กระทั่งเขาขยับตัวเข้ามาใกล้จนเห็นเงาสะท้อนของเธอในดวงตาคมดุ หัวใจจึงเต้นระรัวแรง

“แค่นีซจดทะเบียนสมรสเป็นหุ้นส่วนชีวิตของพี่ ทั้งชีวิตที่เหลือพี่รับรองว่าเธอจะไม่มีวันลำบากแน่นอน”

แดงอีกแล้ว

คราวนี้ไม่ใช่พอร์ตหุ้นติดดอยพวกนั้นหรอก แต่เป็นหน้าเธอนี่แหละที่แดง!

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 1 ธ.ค. 65 เวลา 12.00 .

หน้าที่แล้ว1 of 6

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: