การได้แต่งงานกับสามีที่รักตนเพียงคนเดียว ไม่มีอนุเลยชั่วชีวิตถือเป็นความปรารถนาของสตรีทุกคน ตัวนางเองก็ไม่เว้น น่าเสียดายที่โลกนี้มีสามีรักเดียวใจเดียวน้อยยิ่งกว่าขนหงส์เกล็ดกิเลน แต่สตรีที่มั่นในรักกลับมีเยอะยิ่งกว่าปลาในแม่น้ำ
ยิ่งคนใหญ่คนโตด้วยแล้ว จะมีอนุเป็นพรวนก็เป็นเรื่องปกติ
ถ้าหน้าตางดงาม หญิงอื่นมีแต่จ้องจะแย่ง
หากนิสัยดีจะติดกับคนอื่นได้ง่าย
ลองว่าถูกตาต้องใจ ไม่มีเสียล่ะที่จะยอมมีภรรยาเพียงคนเดียว
สรุปสั้นๆ ก็คือยาก!
จะหาคนที่หน้าตาดี คุณสมบัติดี รักเดียวใจเดียวนั้นหรือ ต่อให้จุดไฟส่องหายังไม่พบ ดีไม่ดีโอกาสที่จะโดนฟ้าผ่ายังมีสูงกว่าโอกาสจะได้เจอบุรุษที่ตรงใจหมดทุกอย่างเสียด้วยซ้ำ
แม่นมชุยปลอบ “ฮูหยิน ในเมื่อแต่งงานกับท่านแม่ทัพไปแล้วก็หักอกหักใจเถิดเจ้าค่ะ เก็บความฝันไว้เป็นความฝันก็พอ การรีบหาทางให้ท่านแม่ทัพเข้าหอกับท่าน และให้กำเนิดลูกโดยเร็วเพื่อชีวิตที่ดีต่างหากเล่าถึงเป็นความจริง”
มู่เซียงหนิงที่กำลังเอามือกุมหัวฟุบอยู่บนโต๊ะเงยหน้าพรวดขึ้นมามองคนพูด “แม่นมพูดว่าอย่างไรนะ! พูดอีกครั้งซิ”
“บ่าวบอกว่าหาทางเข้าหอกับท่านแม่ทัพ ให้กำเนิดลูก…”
“ข้ากับเขายังไม่ได้เข้าหอกันหรือ!” นางถามแทรกขึ้นมาด้วยเสียงตื่นเต้น
ฉาเอ๋อร์ตอบแทนแม่นมชุย “วันส่งตัวเข้าหอ ท่านแม่ทัพไม่ยอมมาเจ้าค่ะ พอวันรุ่งขึ้นท่านแม่ทัพพาอนุเข้าจวน ฮูหยินก็จะฆ่าตัวตายอีก ชุลมุนวุ่นวายกันไปหมด จนถึงตอนนี้เลยยังไม่ได้เข้าหอกันเสียที”
สาวใช้เล่าอย่างน่าสงสาร แต่มุมปากของมู่เซียงหนิงกลับยกสูงขึ้นเรื่อยๆ ความหม่นหมองบนใบหน้าหายวับเหมือนหมอกสลาย และถูกแทนที่ด้วยความมีชีวิตชีวา ดวงตาเป็นประกายวิบวับด้วยรอยยิ้ม
“วิเศษมาก!” นางชูมือร้องลั่นด้วยความลิงโลด ทำเอาฉาเอ๋อร์กับแม่นมชุยสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ฮูหยิน?”
“เหตุใดถึงไม่รีบบอกเล่าว่าที่แท้ข้ากับเขายังไม่ได้เข้าหอกัน ประเสริฐแท้ เช่นนั้นข้าจะหย่า!”
คนสนิททั้งสองรีบเอื้อมมือมาปิดปากนางด้วยความตระหนก รนหาที่ตายจริงเชียว หากคนอื่นในจวนมาได้ยินคำพูดนี้เข้าก็จบเห่กันหมด
แม่นมชุยส่งสัญญาณให้ฉาเอ๋อร์รีบไปตรวจดูประตูหน้าต่าง สาวใช้ดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นก็ส่ายหน้าให้หญิงสูงวัย
จากนั้นแม่นมชุยก็เอ็ดเบาๆ “ฮูหยิน สมองท่านผิดเพี้ยนไปแล้วจริงๆ หรือเจ้าคะ การแต่งงานของท่านเป็นสมรสพระราชทานเชียวนะ”
มู่เซียงหนิงปัดมือที่อยู่บนปากตนเองทิ้ง แล้วตอบด้วยสีหน้าไม่กลัวตาย
“หึ สมรสพระราชทานแล้วอย่างไร ฉู่ชิงหยางผู้นั้นเองก็ต้องอยากหย่าเช่นกัน ไม่เห็นสายตาที่เขามองข้าเมื่อครู่นี้หรือ เขาเกลียดชังข้า ข้าเองก็ไม่ชอบเขา เขาคงแค้นที่ข้าไปทำลายการแต่งงานของเขากับตู้อวิ๋นซาน นางไม่มีวันยอมเป็นอนุแน่ ทั้งคู่รักกันแทบเป็นแทบตาย ลองคิดดูสิว่าพอเป็นเช่นนี้จะไม่ขมขื่นทรมานหรือ ข้าจึงจะทำความดีช่วยชดเชยให้พวกเขาได้ครองคู่กันอย่างไรเล่า ข้าจะไปพูดกับคนแซ่ฉู่นั่นเดี๋ยวนี้เลย”
ภายในเวลาหนึ่งถ้วยชา* นางก็มองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว
การแต่งงานครั้งนี้เป็นความผิดพลาดมาตั้งแต่แรก โชคดีที่ยังไม่สายเกินการ การหย่าคือทางแก้ปัญหาเพียงหนึ่งเดียว ฉู่ชิงหยางจะได้ตบแต่งหญิงในดวงใจมาเป็นภรรยาเอก ส่วนนางก็จะได้ตามหาบุรุษที่ยินดีจะรักมั่นต่อนางคนเดียวไปตลอดชีวิต
เมื่อตัดสินใจทำสิ่งใดแล้ว มู่เซียงหนิงจะไม่ลังเลอีก นางพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วจนแม่นมชุยจับไว้ไม่ทัน ได้แต่ตะโกนอยู่เบื้องหลังอย่างร้อนใจ “ฮูหยิน อย่าวู่วามสิเจ้าคะ!”
มู่เซียงหนิงหันมาสั่งทั้งคู่อย่างจริงจัง “ห้ามเอาแต่เรียกฮูหยินอย่างนั้นฮูหยินอย่างนี้ ข้าฟังแล้วขัดหูยิ่งนัก ให้เรียกข้าว่าคุณหนู!”
จากนั้นนางก็สาวเท้าก้าวสวบๆ ออกจากเรือนโดยไม่สนใจคนสนิททั้งสองอีก
แม่นมชุยอายุมากแล้ว ไหนเลยจะตามทัน อีกทั้งคุณหนูของนางยังเป็นวรยุทธ์ จึงต้องร้องสั่งให้ฉาเอ๋อร์ที่รู้วรยุทธ์เช่นกันตามไปแทน…