เงาดำสิบกว่าสายพุ่งเข้ามาจากทิศทางต่างๆ ประกายดาบเย็นเยียบเหมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมา ฟันฉับไปยังทุกหนทุกแห่งในป่าที่สามารถซ่อนคนได้อย่างเฉียบขาด…จันทราดุจดังตะขอ ไอสังหารดุดัน แทบจะเดาได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปคือโลหิตกระเซ็นไปรอบด้าน!
ฉับพลันนั้นเองใบไม้ร่วงขยับไหว บุรุษสูงใหญ่ลุกจากพื้นดินอย่างรวดเร็วประหนึ่งภูตผีและฝนดาวตก ลูกสนหลายลูกในฝ่ามือกลายเป็นอาวุธที่ทอประกายคมกริบ จู่โจมข้อมือที่ถือดาบของคนชุดดำปิดหน้า เท้ากวาดไปทีหนึ่ง เสียงสูดหายใจด้วยความเจ็บดังต่อเนื่อง ดาบร่วงลงกลางอากาศ เงาดำทั้งหลายกระเด็นออกไปไกล
บุรุษสูงใหญ่ยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าแข็งกระด้างเย็นชาเหมือนสลักด้วยมีดดาบก้มลงนิดๆ ยืนจ้องเงาร่างสิบกว่าสายที่พยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลเงียบๆ
“สะกดรอย ยังพอได้” เขาเอ่ยปากอย่างเย็นชา “แต่จู่โจม ล้มเหลว”
คนชุดดำสิบกว่าคนได้ยินดังนั้นก็หน้าถอดสี ไม่สนใจแผลที่เจ็บปวดเหมือนถูกทับด้วยก้อนหินมหึมา รีบพลิกตัวขึ้นคุกเข่าข้างเดียวบนพื้น ก้มหน้าตอบด้วยความละอายใจอย่างถึงที่สุด “ผู้น้อยสมควรตาย ทำให้ท่านแม่ทัพใหญ่ผิดหวังแล้ว”
“กลับค่ายแล้วไปรับโทษจากหอโบยเอง” สีหน้าเขาไม่สะทกสะท้าน
“รับทราบ” คนชุดดำสิบกว่าคนก้มหน้าต่ำกว่าเดิม ยากจะปิดบังความเศร้าสลด
ชายหนุ่มมองทหารม้าเหล็กห้าวหาญตรงหน้าซึ่งเป็นสิบหกนายจากห้าพันนายที่สามารถสะกดรอยตามเขาได้ ตาเหยี่ยวคมปลาบอ่อนโยนลง เอ่ยด้วยเสียงทุ้มหนักทรงพลัง “อีกสามวันมาใหม่!”
“รับทราบ!” คนชุดดำสิบกว่าคนเหมือนได้รับขนมเปี๊ยะที่ร่วงตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ละคนแย้มยิ้มเต็มหน้ารับคำเสียงก้อง “ขอบคุณท่านแม่ทัพใหญ่!”
กวนหยางพยักหน้า คนชุดดำสิบกว่าคนถอยไปเงียบๆ อย่างข่มความดีใจไว้ไม่มิด ต่อให้อีกเดี๋ยวต้องถูกหอโบยลงทัณฑ์สามสิบไม้ก็ไม่ใส่ใจแล้ว
ไม่ง่ายเลยที่ท่านแม่ทัพใหญ่จะอะลุ้มอล่วยให้โอกาสในการทดสอบอีกครั้งเป็นกรณีพิเศษ หากผ่านการทดสอบที่เข้มงวดอย่างยิ่งนี้ไปได้…นั่นคือสามารถแตะต้องปลายผมหรือจู่โจมร่างกายส่วนใดก็ได้ของท่านแม่ทัพใหญ่ก็จะได้รับเลือกเป็นทหารองครักษ์ที่ดูแลคุ้มครองท่านแม่ทัพใหญ่อย่างใกล้ชิดของค่ายทหารกล้า กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกที่เก่งกาจห้าวหาญที่สุดในกองทัพสกุลกวนของดินแดนทางใต้
เกียรติอันสูงสุดที่เลือกเอาจากหนึ่งในหมื่นเช่นนี้ ทุกปีล้วนมีทหารสกุลกวนแก่งแย่งแข่งขันกันถึงสามแสนคน ผู้ที่ผ่านด่านหินและการทดสอบหลายครั้งมาได้จนสุดท้ายกลายเป็นทหารของค่ายทหารกล้า ไม่มีผู้ใดที่มิใช่ยอดฝีมือที่สามารถต้านรับศัตรูได้นับร้อยคน
หลังจากทหารสิบหกนายหายตัวไปที่อีกด้านของป่าทึบแล้ว มุมปากที่เม้มแน่นของกวนหยางก็กระดกขึ้นนิดๆ นัยน์ตาสีดำฉายแววยินดี
“ขอแสดงความยินดีกับนายท่าน” ในความมืด เงาสายหนึ่งปรากฏขึ้นข้างหลังเขาอย่างเงียบเชียบ น้ำเสียงเจือแววหัวเราะ “ทหารชุดนี้โดดเด่นขึ้นทุกทีนะขอรับ”
“พอใช้ได้” เขาหันไป คิ้วเข้มเลิกขึ้น “ตันจื่อ สิบวันนี้ค่ายทหารใหญ่ที่ดินแดนทางใต้มีเรื่องสำคัญอะไรหรือไม่”
“เรียนนายท่าน ทุกอย่างปกติดีขอรับ” หัวหน้าองครักษ์ลับตันจื่อพูดจบ มองสีหน้าเย็นชาเคร่งขรึมประหนึ่งขุนเขาผาชันของผู้เป็นนายแล้วสีหน้าก็ลังเลเล็กน้อย
“หืม?” กวนหยางรู้สึกถึงความผิดปกติของอีกฝ่าย สายตาตวัดมองไปรวดเร็วดุจสายฟ้า
“เรียนนายท่าน คุณหนูส่งของมา ‘อีกแล้ว’ ขอรับ”
หว่างคิ้วของเขาขมวดนิดๆ ตอบอย่างไม่ไว้หน้า “เหมือนเดิม ส่งกลับไป!”
เห็นสีหน้าของนายท่านบึ้งตึง หัวสมองของตันจื่อก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพวังวสันต์ชุด ‘โฉมสะคราญญาติผู้น้อง’ ของอาจารย์ฮวาชุนซินที่เคยบรรยายถึงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘ญาติผู้น้อง’ ไว้อย่างละเมียดละไมว่า
‘เบื้องหลังบุรุษที่โดดเด่นทุกคน ล้วนมีญาติผู้น้องคนหนึ่งที่ลุ่มหลงไม่เลิกรา…’