ตันจื่ออดหนาวสะท้านไม่ได้ รู้สึกขนลุกเล็กน้อย เหลือบมองผู้เป็นนายของตนแวบหนึ่งด้วยความเห็นใจแล้วอึกอัก “นายท่าน ครั้งนี้ฮูหยินกวนกั๋วกงมีจดหมายมากำชับว่ารองเท้าหุ้มแข้งลายเมฆาที่คุณหนูเพิ่งหัดปักนี้ตัดเย็บตามขนาดเท้าของท่าน นับเป็นน้ำใจจากน้องสาว ดังนั้นจึงห้ามท่านส่งคืนเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นการทำลายไมตรีของทั้งสองสกุล”
“เหลวไหล!” ประกายเย็นเยียบวูบขึ้นในดวงตาเขา
ตันจื่อหัวใจสั่นรัว ลอบบ่นคุณหนูที่ชอบส่งข้าวของมาให้ผู้นั้นในทันที นี่มิใช่การหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ นายท่านบอกแล้วว่าไม่ให้ส่งมา ส่งมาสิบรอบก็ส่งกลับสิบรอบ ไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย แต่ไฉนคุณหนูท่านจึงไม่รู้จักเพลาๆ ลงบ้าง เอาแต่เร่งรัดให้คนนำของมาส่ง ที่ต้องเหนื่อยก็คือม้าสกุลกวน คนสกุลกวน หรือว่าขาเหล่านั้นมิใช่ขาท่าน ดังนั้นถึงจะวิ่งจนหักก็สมควรแล้ว? อีกทั้งยังทำให้พวกเขาต้องถูกนายท่านต่อว่าเป็นประจำอีก
นิสัยของนายท่านของพวกเขาถูกใครบังคับได้ด้วยหรือ ต่อให้ท่านกั๋วกง* มาด้วยตนเองยังต้องฟังนายท่านเลย ในใจของนายท่านคุณหนูนับเป็นตัวอะไรกัน
ระหว่างที่ตันจื่อบ่นในใจ กวนหยางฟังถ้อยคำกำชับของมารดาจบ สีหน้ายังคงเย็นชาดุจเดิม เอ่ยเสียงหนัก “ส่งกลับไป! หากฮูหยินกวนกั๋วกงถามถึงให้บอกว่าเสื้อผ้าเครื่องใช้ในกองทัพมีกฎเกณฑ์ ข้าเป็นผู้นำกองทัพสกุลกวน ย่อมต้องทำตัวเป็นแบบอย่าง บอกคุณหนูว่าวันหน้าไม่ต้องยุ่งยากอีก”
นายท่านช่างแข็งแกร่ง นายท่านยอดเยี่ยมเป็นที่สุด!
“ขอรับ” ตันจื่อตาเป็นประกาย รับคำอย่างแข็งขัน ไม่ลืมแนะนำด้วยท่าทางตื่นเต้นด้วยว่า “ความจริงตามความเห็นของผู้น้อย หากนายท่านคิดจะตัดสัมพันธ์กับคุณหนูอย่างสิ้นเชิงก็ไม่ยาก ทางใต้ก็มีตัวเลือกที่พร้อมอยู่แล้วมิใช่หรือ…”
ดวงตาเยียบเย็นเจือไอสังหารของกวนหยางตวัดมองเขา ทำเอาตันจื่อตกใจจนกลืนถ้อยคำที่เหลือกลับลงท้องไปทั้งหมด
“เจ้าไสหัวไปได้แล้ว” กวนหยางพูดสั้นกระชับ
“ประเดี๋ยวจะไสหัวไปขอรับ ผู้น้อยยังมีอีกเรื่องจะรายงานนายท่าน” ตันจื่อร้อนใจใช้ความดีลบล้างความผิด พูดอย่างกระตือรือร้น “ฮูหยินกวนกั๋วกงบอกมาในจดหมาย เกรงว่าข้ารับใช้ในจวนแม่ทัพปกปักทักษิณจะมีแต่พวกคนหยาบกระด้าง ปรนนิบัตินายท่านได้ไม่ดี จึงสั่งมาเป็นพิเศษให้เพิ่มสาวใช้อีกสองคน ผู้น้อยบังอาจเลือกสองคนที่ผิวพรรณขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะ นุ่มเนียนประหนึ่งนวลไขมาให้ คนหนึ่งชื่อ ‘เจียวฮวา’ คนหนึ่งชื่อ ‘เนิ่นหรุ่ย’…”
“อำนาจในการจัดหาข้ารับใช้ของจวนเป็นของหัวหน้าพ่อบ้าน เจ้าแย่งงานของลุงฉีทำจนติดใจแล้วหรือ” สีหน้าของกวนหยางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ให้ข้าสลับตำแหน่งหน้าที่ของพวกเจ้าสองคนดีหรือไม่”
ตันจื่อผู้มีวรยุทธ์สูงส่งแต่เยิ่นเย้อเป็นนิสัยฟังแล้วขนทั่วตัวชี้ตั้ง กลืนน้ำลายอย่างว้าวุ่นใจ รีบยิ้มประจบ “ไม่ๆ ผู้น้อยทำผิดกฎไปแล้ว ผู้น้อยบังอาจนัก ผู้น้อยจะรีบกลับจวนไปรับโทษจากหัวหน้าพ่อบ้านฉี ผู้น้อยอยู่ข้างกายนายท่านตั้งแต่อายุห้าขวบ ความจงรักภักดีของผู้น้อยตะวันจันทราเป็นพยานได้ นายท่าน ท่านอย่าทิ้งผู้น้อยนะ…”
กวนหยางหางตากระตุก เจ้าคนผู้นี้…
หากไม่เพราะเห็นแก่ที่เขาซื่อสัตย์ภักดีและทำงานได้เก่งกว่าคนอื่นๆ ด้วยนิสัยพูดมากปากเปราะเช่นนี้ คงถูกถีบกลับเมืองหลวงไปกวาดคอกม้านานแล้ว
เห็นหัวหน้าองครักษ์ลับของกองทัพสกุลกวนขาดแค่ไม่ได้กระดิกหาง ‘น้ำตาคลอ’ ให้ตนเท่านั้น สีหน้าของกวนหยางก็บึ้งตึงขึ้นทุกที สุดท้ายยกเท้าขึ้นกะทันหัน ถีบเขากระเด็นออกไปไกล
“นายท่านโปรดบรรเทาโทสะด้วย…” เสียงของตันจื่อลอยห่างออกไปเรื่อยๆ
อืม เงียบเสียที