ความจริงเป็นเพราะพวกอันธพาลถึงคราวเคราะห์ด้วย เนื่องจากตอนนั้นนางเพิ่งเรียน ‘ฝ่ามือพิชิตวัวข้ามภูผาผนึกกำลังไร้เทียมทาน’ จากบิดามาหมาดๆ สบโอกาสทั้งทีจะไม่ลองมือได้อย่างไรเล่า
ตอนนั้นนางเพิ่งจะอายุสิบสี่ แต่กลับเล่นงานบุรุษตัวโตๆ หลายคนจนเบาเรี่ยเบาเล็ด ฟันร่วง กระดูกหัก แม้แต่เจ้าหน้าที่ทางการยังตกใจ สุดท้ายท่านพ่อต้องออกหน้าช่วยนางจนเรื่องสงบลงได้ เฮ้อ…นับจากนั้นมานางก็ไม่กล้าลงมือหนักถึงเพียงนั้นอีกเลย อมิตาภพุทธ
ซูเสี่ยวเตาลืมความทรงจำที่ตน ‘ซัด’ พี่โจวจื่อในค่ายเมื่อวานไปจนหมดสิ้นโดยไม่รู้ตัว
“เสี่ยวเตาเป็นยอดหญิงเลื่องชื่อของชายแดนตะวันตกเรา แม้เป็นหญิงแต่ก็ไม่ยอมแพ้บุรุษ ฝีมือระดับเจ้าน่ะ ลงสมรภูมิไปสู้กับพวกเผ่าอี๋ตะวันตกได้สบายๆ”
พอคิดถึงเรื่องราวในอดีต หญิงชราก็รู้สึกเหมือนเลือดในกายสูบฉีดแรง สองตาเป็นประกายเหมือนจะบอกว่า ‘ข้าสนับสนุนเจ้านะ’
“จริงหรือ ท่านย่าหวัง ท่านเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันใช่หรือไม่” เด็กสาวลิงโลดอยู่ในใจ ขณะตบโต๊ะโดยแรงด้วยความตื่นเต้น “ได้! ด้วยแรงสนับสนุนของท่าน รับประกันว่าข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน”
“หา?” ท่านย่าหวังตามไม่ทัน
ซูเสี่ยวเตายกชาข้นของท่านย่าหวังขึ้นมาซดรวดเดียวหมดแบบไม่กลัวร้อน ก่อนจะวางชามลงกับโต๊ะดังปึ้ก ยกมือเช็ดหน้าขาวเนียนราวกับหยกของตนเองสองที แล้วประกาศดังลั่น “ข้าไปล่ะ!”
ท่านย่าหวังอยากจะพูดอะไรอีกคำสองคำก็สายเกินการณ์ เพราะเด็กสาวเดินอาดๆ จากไปเรียบร้อยแล้ว
“เอ่อ…” หญิงชรารู้สึกเย็นวาบตรงต้นคออย่างไร้สาเหตุ แล้วอดกลืนน้ำลายไม่ได้ “เมื่อครู่ข้าไม่ได้พูดอะไรผิดใช่หรือไม่”
เวลาเดียวกันนั้น ในค่ายกองทัพสกุลหร่วนที่อยู่ห่างออกมานอกตัวเมืองห้าสิบลี้ คมอาวุธกำลังปะทะกันอย่างดุเดือดจนเสียงดังสนั่น เพราะผู้บัญชาการสูงสุดคนใหม่ของกองทัพสกุลหร่วนจำนวนสามแสนนายกำลังยืนอยู่บนแท่นบัญชาการ ใช้ดวงตาคมกริบดุจอินทรีมองลงมายังการโรมรันของเหล่าทหารกล้าจากสิบสองค่ายย่อย
“ทัพปีกซ้าย กระบวนทัพงูหางยาวแถวเดียว!” เขาสั่งเสียงเข้ม
“ขอรับ!” ทหารกล้าหนึ่งพันนายรับคำดังกึกก้อง แล้วรีบแปรกระบวนทัพเป็นงูตัวยาวอย่างคล่องแคล่ว อาวุธในมือสะท้อนแสงแดดวูบวาบบาดตา
“ทัพปีกขวา กระบวนทัพอินทรีเหินเวหา!” เขายกมือขวาขึ้น
“ลุย!” ทหารทัพปีกขวาเคลื่อนไหวอย่างฮึกเหิมน่าเกรงขามภายใต้การนำของซูเถี่ยโถว
วันนี้ทัพปีกซ้ายขวาซ้อมรบด้วยยุทธวิธีใช้คนน้อยจู่โจมคนมาก ภายใต้การบัญชาการของนายทัพหนุ่มแน่น ทัพปีกซ้ายแปรกระบวนอย่างคล่องแคล่วเป็นระเบียบ ราวกับงูหลามยักษ์ที่เลื้อยจากสวรรค์ลงมาพันรัดศัตรูทุกหัวระแหงให้หักเป็นท่อนๆ
ฝ่ายทหารฝีมือดีห้าร้อยนายที่มีซูเถี่ยโถวนำทัพก็เป็นประดุจอินทรียักษ์แกร่งกล้า แบ่งออกเป็นจะงอยปาก กรงเล็บ ปีกที่พร้อมเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ ต่อให้งูยักษ์เจ้าเล่ห์น่ากลัวเพียงไรก็สามารถพุ่งเข้าไปจู่โจมจุดอ่อนได้ในจังหวะแยบยล ผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยาม กระบวนทัพงูหางยาวแถวเดียวก็ถูกตีเสียจนแตกพ่ายจนหัวหางต่อกันไม่ติด
ไต้อวี้เป็นหนุ่มเลือดร้อน พอเห็นดังนั้นใบหน้างามสง่าก็แดงก่ำพลางเหลือบมองแม่ทัพใหญ่ที่ยืนกอดอกบนแท่นด้วยท่าทางครุ่นคิดอย่างกระวนกระวาย ก่อนจะตั้งสติกระชับมือเข้ากับทวนด้ามทอง แล้วล้วงมือเข้าไปดึงธงเล็กจากในอกเสื้อออกมาสั่งการเปลี่ยนกระบวนทัพอย่างรวดเร็ว
“เปลี่ยน กระบวนทัพกุญแจทอง!”