สายตาของนางทำให้อวี้หมี่ขนหัวลุก ความคิดหนึ่งผ่านเข้ามาในหัวอย่างห้ามไม่อยู่…หากทุกคนในจวนแม่ทัพพิทักษ์บูรพาหน้าตายเหมือนเยียนชิงหลางหรือแม่นมเหยียน หนึ่งเดือนต่อไปนี้จะให้คนนิสัยร่าเริงเบิกบานเช่นนางมีชีวิตอยู่อย่างไร
“เจี้ยนหลัน” แม่นมเหยียนเอ่ยเรียก
“เจ้าคะ” สาวใช้หน้าตางดงามรูปร่างสะโอดสะองนางหนึ่งสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว บุคลิกแช่มช้อยสง่างามแบบหญิงที่ได้รับการอบรมจากตระกูลใหญ่
อวี้หมี่กะพริบตาปริบๆ แล้วอดริษยาอยู่ในใจไม่ได้…โอ้โห ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจวนแม่ทัพพิทักษ์บูรพาที่แข็งทื่อหนาวเหน็บจะมีสาวใช้งามหยาดเยิ้มถึงเพียงนี้ ต่อไปหากข้าเปิดร้านขายของจนร่ำรวย เห็นทีต้องหาเด็กสาวๆ หน้าตาแฉล้มแช่มช้อยมาเป็นสาวใช้บ้าง จะต้องดูมีอำนาจบารมีอย่างมากแน่
“พาแม่นางอวี้ไปที่เรือน”
“เจ้าค่ะ” เจี้ยนหลันย่อตัวคำนับนาง แล้วใช้น้ำเสียงสุภาพที่ไม่แสดงตัวว่าสูงกว่าหรือต่ำกว่าพูดขึ้นว่า “แม่นางอวี้ เชิญตามมาทางนี้”
“เอ่อ…” นางมองกิริยาอ่อนช้อยของหญิงงามอย่างเคลิบเคลิ้มอยู่ครู่หนึ่งถึงค่อยได้สติ แล้วยกมือเกาแก้มเขินๆ “ขอบคุณมาก”
เจี้ยนหลันเพียงแค่ยิ้มบาง แล้วเดินนำหน้าอย่างสง่างาม
อวี้หมี่ที่เดินตามอยู่ข้างหลังเงยหน้ามองอีกฝ่าย ก่อนจะก้มหน้ามองตนเองแล้วให้รู้สึกอดสูใจเมื่อพบว่าความจริงคนที่เหมือนสาวใช้คือตนต่างหาก
ระหว่างที่คิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น นางก็ถูกพาเข้ามาในเรือนขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กหลังหนึ่งที่เก็บกวาดไว้อย่างสะอาดสะอ้าน ที่จริงต้องบอกว่าเป็นห้องนอนห้องหนึ่ง แต่มีเฉลียงรับแขกเล็กๆ วางโต๊ะกับม้านั่งทรงกลมที่ทำจากไม้หลี* ตู้ลิ้นชักห้าชั้นสองใบทำจากไม้เนื้อดีที่น่าจะมีอายุพอควร ด้านหลังฉากบังตาไม้ฉลุลายเรียบง่ายคือเตียงนอนสีแดง แขวนผ้าแพรสีฟ้าเป็นม่านหน้าเตียงแบบสมถะ ผ้าปูเตียงเป็นสีเดียวกัน นอกจากนั้นยังมีผ้าห่มที่ดูนุ่มฟูน่าสบาย
ห้องนี้แตกต่างจากความหรูหราอลังการแบบตระกูลใหญ่ที่นางคิดภาพไว้ แต่ก็สมเป็นเรือนในจวนแม่ทัพพิทักษ์บูรพาเพราะสมถะเรียบง่ายไม่ต่างจากเยียนชิงหลาง
“แม่นางเชิญพักผ่อนตามสบาย บ่าวขอตัวก่อน”
“ขอบคุณมาก ไปทำงานเถิด”
เมื่อเจี้ยนหลันเดินออกไปแล้ว ประสาทที่ตึงเครียดตั้งแต่เช้าของอวี้หมี่ก็ได้ผ่อนคลายเสียที นางโยนห่อสัมภาระทิ้ง แล้วกระโจนเข้าใส่ผ้าห่มนุ่มนิ่มบนเตียง
เหนื่อยเหลือเกินๆ เพิ่งจะย่างเท้าเข้าจวนแม่ทัพได้ไม่ถึงชั่วยาม แต่เหตุใดจึงรู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าทำอาหารเลี้ยงลูกค้าสักร้อยแปดสิบคนอีกนะ
จะว่าไป…
“เสี่ยวเหลียงคงรับศึกไหวกระมัง” นางพึมพำกับตนเอง
เสียดายที่จวนแห่งนี้อยู่ไกลจากร้านริมทางมากเกินไป จึงไม่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของอวี้เหลียงผู้กำลังถูกรุมกลุ้มด้วยเหล่าลูกค้าที่กำลังอารมณ์ขึ้นจนตาเป็นประกายวาววับด้วยความหิว