ท้องฟ้าสว่างจ้า ประตูร้านริมทางเปิดแล้ว ควันไฟลอยออกมาพร้อมกลิ่นหอมฉุยของเนื้อแพะหมักเต้าเจี้ยวเผ็ด ยั่วยวนคนที่สัญจรผ่านไปมาให้ท้องร้องจ๊อก น้ำลายสอท่วมปาก
“เหลียงเกอเอ๋อร์* เอาเนื้อแพะหมักเต้าเจี้ยวเผ็ดสองชั่ง* กับแผ่นแป้งย่างสามชั่งมาก่อน เร็วหน่อยนะ หิวจะตายอยู่แล้ว!”
“นางหนูอวี้หมี่เอ๋ย ข้าเอาซาลาเปาไส้เนื้อแพะกับต้นหอมสิบลูก แล้วก็แกงเป็ดกับผักดอง อากาศร้อนเป็นบ้าแบบนี้ซดน้ำแกงชามใหญ่ๆ แล้วเจริญอาหารดี”
“หั่นเนื้อวัวเค็มให้สักห้าชั่ง แล้วก็ห่อหมั่นโถวลูกใหญ่ให้ยี่สิบลูก ขอด่วนล่ะ พวกเรายังต้องต้อนล่อเร่งเดินทาง!”
“ได้เลยๆ” ใบหน้ากลมป้อมยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี คิ้วอ่อนโค้ง แม้อวี้หมี่จะเป็นเด็กสาวร่างเล็ก แต่ก็คล่องแคล่วอย่างยิ่ง มีดปลายแหลมที่ลับไว้ขาววับจนส่องประกายสีฟ้าหั่นเนื้อแพะที่ชุ่มเต้าเจี้ยวเผ็ดดังขวับๆ แผ่นแป้งธัญพืชที่ผิงเตรียมไว้ตั้งแต่เช้าเป็นสีน้ำตาลทองน่ากิน นางคว้าแผ่นแป้งปึกหนึ่งมายกขึ้นโต๊ะ รอให้ลูกค้าเอาเนื้อแพะกับต้นหอมวางลงไปแล้วห่อ รับประกันว่าพอกัดกิน กลิ่นหอมจะฟุ้งไปทั้งปาก
นางยกถาดมือละใบ ยังไม่ทันได้วางถาดลงบนโต๊ะให้ดีๆ เหล่าชายหิวโซก็แย่งกันคว้าอาหารไปจนเกลี้ยง หากไม่เพราะนางดึงมือออกเร็วพอ น่ากลัวว่าป่านนี้แขนเสื้อคงถูกกัดแหว่งเป็นรูไปแล้ว
ซาลาเปาที่นึ่งไว้เข่งใหญ่ๆ กับแผ่นแป้งที่ย่างเตรียมไว้เป็นตั้งสูงหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว อวี้หมี่ผู้ยิ่งยุ่งยิ่งคึกรีบหมุนตัวเดินหายเข้าไปในครัวอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ทิ้งลูกค้าที่ร้องขออาหารกันระงมให้น้องชายดูแล
เหนื่อยแทบตายกว่าจะพ้นช่วงที่ลูกค้าแน่นที่สุดในตอนเช้า เมื่อกลุ่มคนที่ต้องออกเดินทางไปค้าขายหรือคุ้มภัยกินอาหารเช้าจนอิ่มหนำและสั่งห่อเสบียงไปกินระหว่างทางเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงคราวที่อวี้หมี่กับน้องชายจะได้นั่งดื่มชา พักขา แล้วกินข้าวด้วยกันบ้างเสียที
“พี่ใหญ่” หลังต้นหอมม้วนแป้งย่างทาซีอิ๊วหวานลงไปอยู่ในท้อง มือสั่นเทาของอวี้เหลียงก็ค่อยๆ กลับเป็นปกติ ใบหน้าที่ซีดจนเขียวเพราะความหิวมีสีเลือดฝาดในที่สุด “เราเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นดีหรือไม่”
ป้าบ!
ฝ่ามือเพชฌฆาตโบกใส่ศีรษะเขาอย่างไร้ปรานีจนอวี้เหลียงแทบหัวทิ่มลงไปในชามโจ๊กเบื้องหน้า
“เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นกับผีน่ะสิ!” อวี้หมี่ทำหน้าหงุดหงิดที่น้องชายไม่ได้ดังใจ พลางใช้หมั่นโถวที่กัดไปครึ่งหนึ่งอุดจมูกอีกฝ่าย “ไหนบอกซิ งานที่แค่เปิดร้านตอนเช้าตรู่ก็มีเงินไหลมาเทมาแบบนี้ยังจะไปหาที่ไหนได้อีก”
“พี่ใหญ่ระวังคำพูดด้วย ระวังคำพูดหน่อย!” อวี้เหลียงสูดหายใจพร้อมละล่ำละลักบอก “เป็นสตรีแต่พูดจาหยาบคาย หากใครมาได้ยินเข้า…”
“ตอนนี้ในร้านมีแค่เจ้ากับข้า แม้แต่หนูสักตัวยังไม่มี จะกลัวอะไรเล่า” นางโต้กลับอย่างไม่แยแส
พริบตาต่อมา ท่าทางฮึดฮัดขัดใจของอวี้เหลียงก็เปลี่ยนไป นางยังไม่ทันรู้สึกตัว ความโมโหของเขาก็กลายเป็นความปรีดา ขณะส่งสายตาเป็นประกายวิบวับมองข้ามไหล่นางไปด้านหลัง
“คารวะท่านแม่ทัพใหญ่!”
แผ่นหลังของอวี้หมี่แข็งทื่อ ไอหนาวแล่นจากฝ่าเท้าขึ้นมาถึงกระหม่อมทันที
ใครหน้าไหนกันนะที่บอกข้าว่าแม่ทัพเยียนนำทัพไปซ้อมรบกลางหุบเขา จะไม่กลับเข้าเมืองภายในสามเดือนห้าเดือน!
“เหลียงเกอเอ๋อร์ เหมือนเดิมนะ” เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นข้างหลังยังเฉียบขาดหนักแน่นเหมือนทุกครั้ง
นางค่อยๆ หันกลับไป เนื้อตัวแข็งทื่อจนแทบได้ยินกระดูกตนเองลั่นกร๊อบๆ
ความฉุนเฉียว ความหงุดหงิด ความพรั่นพรึงสะท้อนอยู่ในดวงตากลมโตที่กะพริบปริบๆ มองไปตรงกลางร้านเห็นผมดกดำถูกมัดไว้ด้วยเชือกดำ ชุดดำที่สวมใส่ช่วยเน้นไหล่กว้าง เอวสอบ และท่อนขายาวของเขาได้เป็นอย่างดี บุคลิกองอาจสง่างามสมชายชาตรีอวลอยู่ทั่วร่าง
ลมหายใจนางสะดุดไปเฮือกหนึ่ง
ฮือ ข้าจะต้อง…จะต้องจับเจ้าทหารโรงครัวที่ปล่อยข่าวเท็จส่งเดชผู้นั้นมาสับเป็นพันๆ ชิ้นให้จงได้!
“น้อมรับบัญชา!” ความฮึดฮัดขัดใจเมื่อครู่ของอวี้เหลียงระเหยกลายเป็นไอไปหมดแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษร่างสูงสง่า คำว่า ‘บูชา’ วาววาบอยู่ในตาซ้าย คำว่า ‘วีรบุรุษ’ เป็นประกายอยู่ในตาขวา ใบหน้าหมดจดคมสันมีแต่ความตื่นเต้นแกมชื่นชม ขณะเช็ดโต๊ะเช็ดเก้าอี้อย่างขมีขมัน “ข้าจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้ ท่านแม่ทัพเชิญนั่งก่อน”
ใบหน้าหล่อเหลาทว่าไร้อารมณ์ของเยียนชิงหลางเหมือนจะนุ่มนวลขึ้นเล็กน้อย
หากหลงตนเองหน่อย น่ากลัวคงได้ทึกทักไปว่ามีรอยยิ้มส่องประกายอยู่ในดวงตาคู่นั้นด้วยกระมัง
อวี้หมี่มุมปากกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่
บุรุษผู้นี้ได้ชื่อว่าเป็นเทพสงครามผู้สัตย์ซื่อเที่ยงตรงแห่งชายแดนตะวันออก เป็นยอดชายชาตรีในหมู่ชายชาตรี เป็นยอดนักรบผู้ห้าวหาญในหมู่ขุนศึก เป็นหนึ่งในสี่ยอดบุรุษที่เหล่าสาวไร้คู่ตลอดจนหญิงที่ออกเรือนแล้วทั่วทั้งอาณาจักรฉางชิงใฝ่ฝันว่าจะได้อาจเอื้อมหรือกระทั่งลดตัวลงมาแต่งงานด้วย แต่ไม่มีใครรู้ดีไปกว่านางว่าภายใต้ประกายเจิดจรัสในดวงตาคู่นั้นซุกซ่อนนิสัยหยาบช้า โสมม กักขฬะไร้ที่เปรียบแบบใดเอาไว้!
เขานี่แหละที่ฉีกภาพลักษณ์สวยหรูของวีรบุรุษผู้กล้าในสายตานางลงอย่างย่อยยับ และเขาอีกเหมือนกันที่สร้างเงามืดขึ้นบนกิจการร้านอาหารริมทางอันแสนรุ่งโรจน์ของนาง…