แม่ทัพเยียนจอมหน้าตายผู้มีนิสัยร้ายกาจอย่างเขาจะยิ้มเป็นได้อย่างไรกัน
“อืม” เขาก้มหน้าพุ้ยข้าวต่อ
“เป็นอย่างไร อร่อยใช่หรือไม่” นางถูไม้ถูมือถามอย่างตื่นเต้น
“ในเมืองมีข้าวขาวชั้นดีขายตั้งแต่เมื่อใด”
“เอ่อ…” อวี้หมี่แลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผาก สายตาหลุกหลิกแบบคนร้อนตัว “ไม่กี่วันก่อน”
“ชาวบ้านแถบชายแดนตะวันออกกินแป้งเป็นอาหารหลัก ในเมืองมีร้านขายข้าวสามร้าน แต่ข้าวที่ขายมีอยู่แค่สองพันธุ์ คือข้าวเหนียวเม็ดกลมจากปินโจวกับข้าวกล้องจากอวี้โจว ข้าวเม็ดเหนียวนุ่มอย่างข้าวเจียงหนานไม่ถูกปากคนที่นี่” เขาเลิกคิ้วมองนาง “ในเมื่อไม่มีคนเอาเข้ามาขาย แล้วเจ้าซื้อมาจากที่ใด”
เด็กสาวตัวแข็งทื่อไปทันใด
ตายแน่แล้ว นางลืมไปเสียสนิทว่าทั่วทั้งชายแดนตะวันออก ไม่ว่าจะกิจทหารหรือราษฎร ไม่มีเรื่องใดที่แม่ทัพใหญ่เช่นเขาไม่รู้
“ถูกต้องๆ ไม่มีใครขาย” ยิ่งคิดนางก็ยิ่งอยากจะกระอัก จากที่คาดหวังรอคอยคำชมจากเขานิดๆ เวลานี้ใบหน้ากลมป้อมดำเป็นก้นหม้อ มาถึงขั้นนี้แล้วมีแต่ต้องยอมรับแบบตายเป็นตาย “ครั้งก่อนที่รถเสบียงจากจวนเยียนกั๋วกงของท่านผ่านมาทางนี้ ข้าเอาเนื้อหมูป่าเค็มชิ้นใหญ่ไปแลกข้าวมาจากท่านป้าที่คุมรถ…แต่เป็นเพราะข้าโกหกนางหน้าด้านๆ ว่าตนเองเป็นโรคเหน็บชา หมอบอกว่าต้องใช้ข้าวเจียงหนานมาทำกระสายยาถึงจะหาย ท่านป้าฟังแล้วสงสารเลยยอมแลกของกับข้า ท่านอย่าโทษนางเลย”
อย่างนี้นี่เอง
เยียนชิงหลางฟังแล้วไม่ได้เลิกคิ้วด้วยซ้ำ เขาพุ้ยข้าวใหม่ชั้นดีเหนียวนุ่มเข้าปากอีกคำ แล้วเคี้ยวกินด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ได้”
“หา?” นางอึ้งจนตาค้าง แค่นี้เองหรือ
ผิดหวังถึงเพียงนี้เชียว? เช่นนั้น…
เขาปรายตามองอีกฝ่าย แล้วกลับคำ “พวกเรามากำหนดเงื่อนไขกัน แล้วข้าจะละเว้นบ่าวอวดดีที่แอบเอาข้าวไปขายเข้าพกเข้าห่อตนเองคนนี้”
“เงื่อนไขอะไร ทะ…ท่านจะแลกเปลี่ยนอะไร” นางตื่นตัวขึ้นมาทันที ใบหน้ากลมป้อมมองเขาอย่างฉุนเฉียว “แล้วอะไรคือ ‘แอบเอาข้าวไปขายเข้าพกเข้าห่อตนเอง’ พวกเราก็แค่แลกเปลี่ยนสิ่งของกันเท่านั้น ต้องกล่าวโทษท่านป้าอย่างร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“ข้าวปลาอาหารทั้งหมดบนรถเสบียงเป็นของจวนเยียนกั๋วกงกับจวนแม่ทัพ ใช้อำนาจในหน้าที่เบียดบังของเหล่านี้เพื่อประโยชน์ส่วนตนก็ต้องมีโทษตามนั้น” เขาพูดอย่างเย็นชา “จวนแม่ทัพใช้กฎทหารปกครองคน เจ้าว่าบ่าวคนนั้นโทษหนักหรือไม่เล่า”
อวี้หมี่ใจเต้นแรง พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“หากจะสืบสาวราวเรื่องกันจริงๆ เจ้าเองก็มีความผิดฐานรับของโจรมาเก็บซ่อนไว้เช่นกัน” เขาเสริมเนิบๆ อีกประโยค
“นึกแล้วเชียว” นางพึมพำ ริมฝีปากซีดเผือดสั่นระริก
นึกแล้วเชียวว่าคนอย่างเขาไม่เข้าใจอะไรง่ายๆ หรอก
ปกติก็ชอบมาหาเรื่องนางอยู่แล้ว วันนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะนางเป็นคนส่งหลักฐานเอาผิดให้เขาเองกับมือ อวี้หมี่อยากจะร้องไห้ให้สาแก่ใจแล้วแทงมือตนเองให้ยับ…อยากมือบอน อยากขี้อวดดีนัก ไม่ได้อวดแล้วจะตายหรือไร!
เยียนชิงหลางก้มหน้าคีบเนื้อปลาใส่ปากอย่างสุภาพเรียบร้อยราวกับไม่เห็นใบหน้าขมขื่นกลัดกลุ้มเสียใจของนางอยู่ในสายตา
หลังจากนั้นไม่นาน…