14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน ลำนำรักเจ้านาวา ชุด หัวใจเจ้าทะเล
รุ่งอรุณพลันปรากฏ อุณหภูมิค่อยๆ สูงขึ้น ลมยามเช้าพัดโชย ใบไม้สั่นไหวตามแรงลม ไอน้ำชั้นบางไหลซึมออกมาจากใบไม้เขียวสดช้าๆ แล้วไหลรวมเป็นหยดน้ำเล็กๆ มาตามเส้นลายใบไม้ ใบไม้สีเขียวโน้มตัวลงช้าๆ เพราะน้ำหนักของหยดน้ำ จากนั้นหยดน้ำก็ไหลผ่านแสงอรุณสีเหลืองอร่ามหล่นร่วงลงมาในพริบตา…
แหมะ!
เขาลืมตาทั้งสองข้างในพริบตาที่น้ำเย็นเฉียบหยดลงตรงหว่างคิ้ว
แสงแสบตาทำให้เขาหรี่ตาทั้งคู่ทันที แต่ยังไม่พลาดใบไม้สีเขียวที่ยังคงสั่นไหว
นี่คือที่ไหน
ความคิดแวบผ่าน สมองของเขาก็สืบค้นความทรงจำของเมื่อคืนนี้ด้วยตัวเอง
มารดามันเถอะ! โชคร้ายแปดชั่วโคตรจริงๆ! จั้นปู้ฉวินพ่นสบถความเจ็บใจออกมา ลอบด่าสาปแช่งอยู่ในใจพลางลุกนั่งอย่างลำบากยากเย็น
น่าตายจริงๆ! สวี่จื่อฉีถูกคนทำร้าย เขาถูกคนสกุลสุ่ยเข้าใจผิดตามฆ่าอย่างน่าอนาถ แล้วยังหนีตายจับตัวคุณหนูใหญ่สกุลสุ่ยเป็นตัวประกันมาด้วย เขาจำได้ว่าเขาปล่อยนางไปได้ไม่นานเท่าไร พอหมุนตัวเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หมดสติ…
ความคิดและการเคลื่อนไหวหยุดชะงักในพริบตา เขาเพิ่งจะลุกนั่งได้ครึ่งทาง พอก้มหน้าก็กลับเห็นว่ามีใครเอาผ้าเช็ดหน้าของสตรีมาพันแผลบนหัวไหล่ไว้ให้อย่างดี เขาถลึงตามองผ้าเช็ดหน้าที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ผืนนั้นอย่างคนโง่งม จากนั้นพอหันกลับมาก็เห็นนาง!
ถลึงตาจ้องสตรีที่พิงต้นไม้ใหญ่นอนหลับสนิท จั้นปู้ฉวินไม่อาจขบคิดไปชั่วขณะ ได้แต่เบิกตากว้าง มองใบหน้าสงบนิ่งยามนิทราของนางตาค้าง
นานแสนนานเขาจึงพลันได้สติ ข่มความเจ็บลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ถอยหลังไปสองก้าว แต่ดวงตาทั้งคู่ยังไม่ละเลื่อนจากร่างของนาง ถลึงตากว้างจ้องใบหน้างามล้ำ อดสบถคำหยาบในก้นบึ้งหัวใจออกมาหลายประโยคไม่ได้
น่าตายนัก! เหตุใดนางจึงมาอยู่ตรงนี้ได้ แล้วยังหลับไปข้างกายข้าอีก? ข้าปล่อยนางไปแล้วมิใช่หรือ
หรือว่าข้าไม่ได้ปล่อยนางไปตั้งแต่แรก ข้าจำผิดหรือ
ไม่สิ! เขาก้มหน้ามองบาดแผลที่มือและไหล่ของตัวเองอีกครั้ง มั่นใจยิ่งนักว่าเขาได้ปล่อยนางไปแล้ว เพราะหากไม่ได้ปล่อยนางไป แล้วนางจะเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาช่วยพันแผลให้ผู้ร้ายฆ่าคนอย่างเขาได้อย่างไร หรือในช่วงที่เขาไม่รู้ตัวเขาบังคับให้นางทำ?
ยังไม่ทันได้ข้อสรุปก็ได้ยินเสียงสุนัขหอนดังแว่วอยู่ไกลๆ
จั้นปู้ฉวินตื่นตระหนก รู้ว่าคนของสกุลสุ่ยส่งสุนัขล่าเนื้อมาตามหาเขา ตามหลักแล้วเขาไม่ควรคิดแตะต้องนางอีก แต่ตอนนี้กำลังภายในของเขายังไม่ฟื้นคืน จะหนีพ้นพี่น้องสกุลสุ่ยพวกนั้นที่ไม่แยกแยะถูกผิดเอาแต่ไล่ฆ่าเขาได้อย่างไร
เขาสบถสาปแช่งอีกสองสามประโยคอย่างหัวเสีย จั้นปู้ฉวินค่อนข้างหงุดหงิดว่าเหตุใดเมื่อคืนนี้นางถึงไม่จากไป เสียงเห่าของสุนัขใกล้เข้ามาทุกที ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก ชายหนุ่มกัดฟัน ยื่นนิ้วออกไปสกัดจุดนางแล้วแบกนางไว้บนบ่าข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บ
เพื่อความปลอดภัย เอานางเป็นยันต์ป้องกันตัวถึงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แม้การทำเช่นนี้จะต่ำช้า แต่ตอนนี้ใกล้จะรักษาชีวิตไว้ไม่อยู่แล้ว ยังจะมาพูดเรื่องต่ำหรือไม่ต่ำช้าอะไรอีกเล่า จะว่าไปเขาก็ไม่ได้เป็นคนต่ำช้าครั้งแรกเสียหน่อย…แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดพอคิดว่าจะใช้นางมารักษาชีวิตตัวเองไว้ ลึกๆ ในจิตใจก็รู้สึกไร้ค่านัก อีกทั้งยังหงุดหงิดชะมัด!
หลังจากลอบสบถออกไปอีกที เขาจึงได้ออกแรงเหาะไปจากตรงนั้น ข้ามลำธารมุ่งหน้าไปยังภูเขาอย่างรวดเร็ว
แต่เพิ่งจะไม่นานเท่าไรเขาก็เหงื่อโซมกาย บาดแผลที่หัวไหล่เหมือนจะมีเลือดซึมออกมาอีก พอเผลอก็เกือบจะร่วงลงพื้นไปทั้งตัว
สุนัขล่าเนื้อที่ตามมาข้างหลังส่งเสียงร้องตื่นเต้น เห็นชัดว่ามันพบที่ที่พวกเขาหยุดพักเมื่อครู่นี้ ตอนนี้คนพวกนั้นจะต้องไล่ตามมาเต็มกำลังแน่
จั้นปู้ฉวินฝืนเหาะหนีด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้า แต่เขาเองก็รู้ว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้การ ถ้าหากไม่คิดหาวิธี ช้าเร็วก็ต้องถูกไล่ตามทัน!
และในตอนนี้เอง เขาคล้ายจะได้ยินเสียงน้ำซู่ซ่าดังมาจากข้างหน้า พลอยรู้สึกลิงโลดใจโดยไม่รู้ตัว รีบแบกสุ่ยรั่วมุ่งหน้าไปทางเสียงน้ำ จริงดังคาด ผ่านป่าไปแล้วก็เป็นน้ำตกสีขาวสายยาวไหลลงมาจากฟ้าอย่างที่เขาคิดไว้
ใต้น้ำตกคือสระน้ำลึก เขาสำรวจผืนดินรอบทิศ คิดใคร่ครวญอย่างรวดเร็วแล้วตัดสินใจทันที
ผาน้ำตกยาวมีต้นไม้ใบหญ้า ปีนขึ้นไปไม่ยาก เขาวางสุ่ยรั่วลงแล้วกระโดดขึ้นไปบนผานั้นรวดเร็วปานสายฟ้า ไม่นานนักก็ปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุด แล้วฉีกเสื้อที่ขาดรุ่ยมาแต่แรก เอาผ้าที่ฉีกขาดชิ้นเล็กๆ นั้นเกี่ยวไว้กับกิ่งไม้ แสร้งสร้างสถานการณ์หนีเอาชีวิตรอดอย่างตื่นตระหนกไม่ทันระวังถูกเกี่ยวเสื้อ จนกระทั่งออกมาจากป่าแล้วถึงถนนเล็กๆ ที่ชาวบ้านใช้เดินเป็นประจำจึงได้ถอยกลับทางเดินไปที่น้ำตก จากนั้นเขาก็อุ้มสุ่ยรั่วกระโดดลงไปในสระลึก อยู่อย่างสงบนิ่งไม่ขยับเขยื้อนใต้น้ำตกที่โหมกระหน่ำ ให้ละอองน้ำที่ฟุ้งกระเซ็นกลบบังพวกเขาทั้งสอง
ไม่นานนักกำลังคนของสกุลสุ่ยที่พาสุนัขล่าเนื้อมาด้วยก็มาถึงที่นี่
เสียงคนและสุนัขเอ็ดอึงอยู่ข้างน้ำตก นานพักใหญ่คนพวกนั้นจึงมั่นใจว่าคนที่ตามจับตัวนั้นหนีไปแล้ว สองสามคนเหาะขึ้นไปที่หน้าผา คนอื่นๆ ก็พาสุนัขอ้อมขึ้นเขา
นานแสนนาน ทุกสรรพเสียงจึงได้ค่อยๆ ไกลออกไป แต่จั้นปู้ฉวินยังคงนั่งนิ่งอยู่ใต้น้ำตกไม่ยอมขยับ
นานพักใหญ่ จู่ๆ ใครคนหนึ่งก็วกกลับมา พอเห็นที่บ่อน้ำไม่มีคนอยู่จริงๆ จึงขมวดคิ้วแล้วปีนหน้าผาจากไป
จนกระทั่งตอนนี้จั้นปู้ฉวินจึงได้โล่งอกจริงๆ เมื่อมั่นใจว่าบนน้ำไม่มีใครอีกแล้วจึงพาสุ่ยรั่วลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ
ให้ตายสิ อันตรายจริงๆ! โชคดีที่หลายปีมานี้เรียนรู้จากตอนที่นำทัพไปทำศึกกับพี่ใหญ่มาไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงถูกเจ้าบ้าที่วกกลับมาจับตัวได้แน่ๆ!