สุ่ยรั่วลืมดวงตาคู่งาม จ้องคนเลวตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง ในใจด่าตัวเองโง่งมไม่หยุด เหตุใดนางจึงเชื่อใจเขาง่ายดายเพียงนี้ จะต้องเสียเปรียบซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกหลายครั้งถึงจะตาสว่าง ช่างโง่งมจริงๆ!
คนสารเลวผู้นี้พานางไปยังบ้านไม้ในป่าที่รกร้างมานาน หลังจากนั้นก็หายไปครึ่งชั่วยาม ตอนที่เขาปรากฏตัวอีกครั้ง ในมือของเขาก็มีเสื้อผ้าสะอาดสองชุด อาหารแห้งจำนวนหนึ่งและสุราหนึ่งไห ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปปล้นชิงมาจากบ้านใด นางแค่หวังว่าเขาจะไม่ทำร้ายสตรีชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่พวกนั้น
จั้นปู้ฉวินแค่มองแววตานางก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไร ได้แต่ยิ้มเจื่อนอธิบาย
“ใช้เงินซื้อมาน่ะ”
สุ่ยรั่วทำหน้าระแวง แสดงให้เห็นชัดว่าไม่เชื่อเขา
“เชื่อหรือไม่ก็ตามใจเจ้า” เขายักไหล่และไม่เสียเวลาอธิบายอีก เพียงแค่เอาเสื้อผ้าสตรีสะอาดๆ วางไว้บนตักนางแล้วบอก “หากเจ้ารับรองว่าจะไม่ร้องโวยวายเสียงดัง ข้าจะคลายจุดให้เจ้า ให้เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง ถ้าหากเจ้าคิดจะลองหนีหรือกรีดร้องอีก ข้าจะช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจ้า เข้าใจหรือไม่ เจ้าน่าจะรู้นะว่าเจ้าหนีไม่พ้นข้าหรอก”
นางหน้าแดงทันที ไม่รู้ว่าเพราะโมโหหรือขัดเขิน
มองดวงหน้างามของนางแล้ว เขาก็สติหลุดลอยไปอีกชั่วขณะ แต่ก็ได้สติคืนกลับมาทันที ล้วงยาวิเศษที่ช่วยรักษาบาดแผลตลับนั้นออกมา
“นี่ให้เจ้า จะได้ไม่มีแผลเป็น”
สุ่ยรั่วจ้องตลับยาที่เขาส่งมาให้ แล้วช้อนตามองเขาด้วยความฉงน
“แขนซ้ายของเจ้า” เขาเอาตลับยาวางไว้ข้างเสื้อผ้า
นางตระหนักรู้ในทันที แต่กลับยิ่งไม่เข้าใจคนคนนี้มากขึ้นไปอีก นางถูกการกระทำที่ขัดแย้งกันซ้ำไปซ้ำมาของเขาทำให้สับสนแล้ว
รู้ว่านางไม่น่าจะเสี่ยงตายหนีไป จั้นปู้ฉวินจึงคลายจุดให้นางแล้วหันไปหยิบชุดของบุรุษเดินออกไปข้างนอก
ครั้นพ้นสายตานางแล้ว เขาก็แสดงท่าทางอ่อนล้าออกมาทันที พิงประตูไม้หอบหายใจกุมความเจ็บปวดที่หัวไหล่ ต่างจากท่าทางกระฉับกระเฉงแข็งแรงยามอยู่ในห้องเมื่อครู่นี้ราวฟ้ากับเหว
จั้นปู้ฉวินเหงื่อเย็นไหลโซมทั่วตัว คลี่ยิ้มขมขื่น
หึ ถ้าหากตอนนี้นางวิ่งหนีไป ความจริงเขาก็ไม่มีแรงจะไล่ตามนางแล้ว แต่นางคงไม่เสี่ยงให้เขามีโอกาสช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้าถึงจะถูก
จั้นปู้ฉวินสูดหายใจเข้าลึก ถอดเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งมานาน ใส่กางเกงขายาวที่แลกมาจากนายพรานอย่างเชื่องช้า เดินเปลือยท่อนบนไปนั่งที่ท่อนไม้ใหญ่ข้างกองฟืนแล้วล้วงเอายารักษาบาดแผลสองสามขวดออกมาจากกระเป๋าในเสื้อ จากนั้นจึงใช้มือข้างเดียวแกะแผลที่หัวไหล่ที่นางพันไว้เมื่อคืน
เดิมเมื่อคืนตอนที่เขาหนีเอาชีวิตรอดมาได้ก็รีบกลืนยาเม็ดช่วยชีวิตที่พี่ใหญ่ให้ไว้เม็ดหนึ่ง ดังนั้นแม้แผลเมื่อวานจะฟันลึกเข้ากระดูกสามส่วน แต่ยาวิเศษนั้นผนวกกับพลังปราณของเขาที่โคจรรักษาตัวเองทั้งคืน วันนี้แผลจึงสมานพอสมควรแล้ว แต่ตอนนี้ที่เขาแกะผ้าพันแผลและผ้าเช็ดหน้าอย่างเงอะงะ ดึงถูกบาดแผลอยู่หลายครั้ง จึงทำให้แผลฉีกเล็กน้อย เลือดสดไหลซึมผ้าเช็ดหน้าทั้งผืน
เลือดสดๆ ไหลลงมาตามแขนแข็งแรงของเขารวมกันเป็นสายแล้วหยดลงพื้นช้าๆ
จั้นปู้ฉวินกัดฟันข่มความเจ็บปวด ลองแกะผ้าเช็ดหน้าที่ผูกปมไว้ต่อ ไม่นานมือใหญ่ทั้งมือก็ชุ่มไปด้วยเลือด นิ้วมือที่เปื้อนเลือดทั้งเปียกและเหนียวลื่น ยิ่งกว่านั้นปมยังแกะออกยากยิ่งนัก แม้เขาจะสามารถฉีกผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นทิ้งไปให้รู้แล้วรู้รอดก็ย่อมได้ แต่ไม่รู้เหตุใดเขาจึงไม่อยากจะฉีกมัน จึงใช้นิ้วมือเปื้อนเลือดเหนียวลื่นจัดการกับปมนั้นต่อไป
ตอนที่สุ่ยรั่วเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเปิดประตูออกมา สิ่งที่เห็นก็คือภาพฉากนี้
เห็นเขาเลือดไหลทะลักเช่นนั้น นางก็แทบหมดสติไป กระทั่งนางเห็นชัดว่าเขากำลังทำอะไรก็รู้สึกว่าตนไม่อาจเข้าใจพฤติกรรมประหลาดของชายผู้นี้ได้เลย
“ท่านกำลังทำอะไรน่ะ” นางหน้าซีดขาวร้องถามเสียงตระหนก รีบเข้าไปแล้วย่อตัวลงช่วยชายหนุ่มแกะผ้าเช็ดหน้า
“ข้า…” มองดวงหน้าที่เป็นกังวลระคนร้อนรนของนาง จั้นปู้ฉวินทำหน้าเคอะเขิน พูดไม่ออกอยู่เป็นนาน
สุ่ยรั่วเองก็ไม่ได้อยากจะเข้าใจเขาแล้ว รีบหยิบผ้าที่เขาเอากลับมาเมื่อครู่นี้ช่วยกดที่แผลของเขา จากนั้นก็เข้าไปตักน้ำสะอาดจากอ่างในห้องมาเล็กน้อย ช่วยล้างแผลให้เขาแล้วเช็ดคราบเลือดที่ตัวตลอดจนที่มือของชายหนุ่ม อาจเป็นเพราะมีประสบการณ์จากเมื่อคืนแล้ว ครั้งนี้นางจึงเริ่มคล่องมือขึ้นมาก