นางเฝ้าอยู่ข้างกายเขาเช่นนี้ตลอดคืนกระทั่งฟ้าสว่าง โชคดีที่พอถึงตอนเช้าอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวของเขาก็ดีขึ้นมาก และฝนก็หยุดตกตอนที่ฟ้าใกล้สว่าง น้ำในห้องจึงท่วมสูงแค่ข้อเท้าเท่านั้น
สุ่ยรั่วนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียง เคี้ยวอาหารแห้งที่เขาเอากลับมาเมื่อวานนี้ มือก็คลำหน้าผากและชีพจรของเขาอยู่บ่อยครั้ง ดูว่าอุณหภูมิร่างกายเขามีการเปลี่ยนแปลงบ้างหรือไม่
แม้จะไม่ได้นอนทั้งคืน แต่นางกลัวว่าเขาจะตายไปเช่นนี้ จึงไม่กล้ากระทั่งละสายตาและไม่กล้างีบหลับ จนกระทั่งเวลากลางวัน น้ำที่สะสมอยู่บนพื้นก็ค่อยๆ ลดลง เหลือเพียงโคลนเลนอยู่บนพื้น
ลองคิดดูแล้ว หลายวันก่อนนางยังกลัดกลุ้มอยู่ว่าหางเสือเรือควรจะยาวเท่าใด ควรจะกางใบเรือกี่แผ่นอยู่ที่หอรั่วหราน ยามนี้กลับอยู่ในภูเขาที่ไม่รู้ชื่อ สวมใส่เสื้อผ้าของสตรีชาวบ้าน นั่งอยู่บนเตียงเนื้อหยาบ เฝ้าชายที่รู้จักได้ไม่ถึงสามวัน ภาวนาให้เขาไม่ตาย!
ตอนเช้าอาการของเขาเริ่มคงที่ แต่หลังจากนั้นก็นอนหลับสลบไสลไปตลอดโดยไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น
สุ่ยรั่วหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวาน แม้จะไม่มั่นใจว่าเขาเป็นอะไรไปกันแน่ แต่ก็รู้คร่าวๆ ว่าเขาน่าจะบาดเจ็บสาหัสเกินขีดจำกัด และเนื่องจากพานางหนีเอาชีวิตรอดมาสองวันติด เขาจึงได้กลายเป็นเช่นนี้
มองคนที่หลับใหลไม่ยอมฟื้นบนเตียงแล้ว สุ่ยรั่วก็รู้สึกไร้ค่าไปหมด หากรู้แต่แรกก็จะเรียนวิชาแพทย์สมุนไพรกับน้องห้าสักนิด ยามนี้จะได้รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
สีท้องฟ้าค่อยๆ มืดมิด นางลองไปเก็บไม้แห้งๆ นอกบ้านจำนวนหนึ่งมาจุดไฟที่เตา เพราะไม่เคยทำ เริ่มแรกจึงจุดไม่ติด กว่าจะทำสำเร็จก็ช่างลำบากยากเย็น ปรากฏว่าไม้พวกนั้นที่ดูเหมือนแห้งสนิททว่าตรงกลางยังเปียกชื้นทำให้บ้านเต็มไปด้วยควันฟุ้ง นางรีบเอาเตาไฟไปวางไว้หน้าประตูทางเข้า ในบ้านจึงไม่ได้ปกคลุมด้วยควันดำอีก ทว่าเปลวเพลิงที่เตาหน้าประตูยังคงทำให้นางเห็นสภาพในห้องได้ชัดเจน
หลังจากนั้นนางก็กินอาหารแห้งอีกจำนวนหนึ่งแล้วกลับไปเฝ้าเขาที่ข้างเตียง
วันต่อมาอาการของจั้นปู้ฉวินยังไม่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้แย่ลง
เพราะวันก่อนในห้องมีน้ำขังจนชื้น นางจึงเปิดหน้าต่างให้ลมผ่านเข้ามา ทั้งเอาผ้าที่เปื้อนเลือดก่อนหน้านี้ไปซักที่ลำธารใกล้ๆ โชคดีที่นางออกไปข้างนอกอยู่บ่อยครั้ง เคยเห็นว่าผู้คนเขาซักผ้ากันอย่างไร รู้ว่าต้องขัดบนหิน แต่บนเขาน้ำในลำธารเย็นเฉียบยิ่งนัก พอนางซักผ้าเสร็จ มือขาวผ่องทั้งสองข้างที่ถูกความเย็นจัดก็แดงก่ำขึ้นมา
หลังจากนั้นนางก็ตักน้ำในลำธารไปกลับสองถังเพื่อเติมน้ำในอ่างให้เต็ม
เขายังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ทำให้นางอดเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้
คืนเดียวกันนั้น ในที่สุดนางก็นอนคุดคู้หลับไปข้างเขาเพราะเหนื่อยล้าเหลือเกิน
คืนนั้นนางฝัน ฝันถึงบิดามารดาและตัวนาง ทั้งสามคนนั่งเรือเที่ยวชมต้งถิง นางในวัยเยาว์เล่นอย่างมีความสุขอยู่บนเรือ เรือลำนั้นเป็นเรือที่มารดาออกแบบ ทั้งลำใหญ่และงดงามยิ่ง
ฉับพลันนั้นมีหมอกปกคลุมบนผืนทะเลสาบ นางเห็นชายผู้หนึ่งยืนอยู่บนฝั่งที่อยู่ไกลออกไป
ชายผู้นั้นร่างสูงกำยำ เขาอุ้มเด็กหญิงคนหนึ่งไว้ ข้างๆ ยังมีสตรีผู้หนึ่งยืนอยู่ ตอนที่นางจะโน้มตัวไปมองให้ชัดว่าพวกเขาหน้าตาเป็นเช่นไร จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งตบบ่านางแล้วร้องเรียกชื่อนาง
สุ่ยรั่วหันกลับไปมองก็พบว่าชายผู้นั้นอยู่ข้างกายนาง และนางไม่เพียงขึ้นฝั่งในพริบตา ยังกลายเป็นสตรีนางหนึ่งด้วย เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็คือชุดที่เหมือนกับสตรีที่เห็นบนฝั่งเมื่อครู่นี้ และชายผู้นั้นก็ยังอุ้มเด็กน่ารักเอาไว้ด้วย
นางรีบมองไปบนทะเลสาบ เห็นมารดาแต่กลับไม่เห็นบิดา และไม่เห็นนางในวัยเยาว์ มารดายิ้มโบกมือให้นาง เรือลำใหญ่ค่อยๆ จางหายไปท่ามกลางสายหมอก
สุ่ยรั่วหัวใจบีบรัด ร้องลั่นอย่างร้อนรน
“ท่านแม่!”
ขณะเดียวกับที่นางอยากจะวิ่งไปข้างหน้าเพื่อตามเรือไป กลับมีคนข้างหลังกอดนางไว้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็สลัดไม่หลุด ได้แต่มองเรือลำใหญ่หายไปต่อหน้าต่อตา
นางอยากหันกลับไปมองให้ชัดว่าคนผู้นั้นท่าทางเป็นอย่างไร แต่ในพริบตาที่หันกลับไปนั้นนางก็พลันตื่นขึ้น
สุ่ยรั่วกะพริบตา พบว่าร่างของตัวเองกว่าครึ่งห้อยอยู่นอกเตียง พอนางหันกลับมาก็เห็นใบหน้าหนวดครึ้มของชายหนุ่ม ไม่รู้ว่ามือใหญ่ของเขาโอบเอวนางไว้ตั้งแต่เมื่อไร และเพราะเหตุนี้นางจึงไม่หล่นจากเตียง
ฟ้าสว่างแล้ว ข้างนอกมีเสียงนกร้องจิ๊บๆ
นางตะกายลุกขึ้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นความเข้าใจผิดหรือไม่ นางจึงรู้สึกว่าสีหน้าของเขาวันนี้ดีขึ้นมากแล้ว…