14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน ลำนำรักเจ้านาวา ชุด หัวใจเจ้าทะเล
นางมีนามว่าสุ่ยรั่ว อายุสิบแปดปี เป็นบุตรสาวคนแรกของสกุลสุ่ย
มารดาของสุ่ยรั่วก็คือหลี่ซื่อภรรยาเอกที่คลอดยากจนเสียชีวิตผู้นั้น ทางบ้านหลี่ซื่อทำกิจการอู่ต่อเรือมาหลายปี พอถึงสมัยของหลี่ซื่อ นางเป็นธิดาเพียงคนเดียว ดังนั้นตอนที่นางแต่งเข้าสกุลสุ่ย อู่ต่อเรือก็ย่อมเป็นสินเดิม กลายเป็นกิจการของสกุลสุ่ย
แต่สุ่ยอวิ๋นเป็นจอมยุทธ์มาทั้งชีวิต ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับกิจการอู่ต่อเรือเลยสักนิด ฉะนั้นหลังแต่งงาน หลี่ซื่อจึงเป็นคนจัดการงานส่วนใหญ่ในอู่ต่อเรือ สมัยเด็กสุ่ยรั่วก็จะมาเดินเล่นในอู่ต่อเรือกับมารดาเสมอ อาจเพราะได้ยินได้เห็นมามากตั้งแต่เล็ก สุ่ยรั่วจึงวาดภาพโครงเรือได้ตั้งแต่ยังเด็กมาก มีไหวพริบเป็นพิเศษในการออกแบบเรือมาแต่ยังเยาว์ ดังนั้นห้าปีก่อนตอนที่หลี่ซื่อคลอดลูกจนเสียชีวิตไป สุ่ยรั่วก็ตัดสินใจรับช่วงกิจการอู่ต่อเรือ
ยามนั้นสุ่ยรั่วเพิ่งอายุได้สิบสาม แม้ตอนเริ่มต้นจะยังขาดความสามารถ ทว่านางก็พากเพียรเรียนรู้งานทุกอย่างอยู่เสมอ ทุกๆ คืนจะจุดตะเกียงพลิกอ่านตำราโบราณหาวิธีสร้างเรือที่ดียิ่งกว่าเดิม กระทั่งคิดสร้างแบบเรือลำเล็ก เอามันไปวางไว้ในถังน้ำ ให้เฉี่ยวเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ช่วยพัดลมหรือกวนคลื่นน้ำ เลียนแบบสถานการณ์แต่ละแบบที่อาจเกิดขึ้นได้ สถานที่ที่นางลองแบบเรือมีตั้งแต่ถังน้ำไปจนถึงสระเล็กๆ ตั้งแต่สระเล็กๆ ไปจนถึงลำธาร ในที่สุดปีก่อนที่จะอายุสิบห้า นางก็วาดภาพเรือที่ตัวเองออกแบบได้เป็นภาพแรก และเอาไปให้อู่ต่อเรือสร้างตามแบบนั้น
เดิมไม่มีใครมีท่าทีในแง่ดีกับการที่คุณหนูใหญ่ซึ่งอายุยังน้อยนำภาพเรือมาให้ แต่หลังจากที่ทุกคนเห็นภาพเรือที่นางวาดแบบออกมาอย่างยอดเยี่ยมแล้วก็พากันชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าสิ่งที่ทำให้สุ่ยรั่วประหลาดใจที่สุดคือบิดาที่ตลอดมาไม่ค่อยใส่ใจนางถึงกับเป็นตัวตั้งตัวตีสนับสนุนให้นางลงมือทำได้เต็มที่
แน่นอนว่านางประสบความสำเร็จแล้ว
สามปีต่อมา สุ่ยรั่วได้ปรับปรุงเรือขนาดเล็กที่สกุลสุ่ยสร้างมาแต่เดิม ได้แก่ เรือตั๊กแตน เรือเฉาฝ่าง เรือโหลวฉวน กระทั่งเรือออกทะเลที่เดินทางไปทั่วทั้งมหาสมุทรก็ไม่ได้ยากเกินกำลังของนาง ชื่อเสียงอู่ต่อเรือสกุลสุ่ยขจรขจายจากต้งถิงไปไกลถึงเขตปกครองก่วง หยาง เฉวียน ไปถึงกระทั่งเมืองใหญ่ทางเหนืออย่างฉางอัน ลั่วหยาง ก็ยังมีคนรอนแรมมาไกลถึงที่นี่เพื่อขอให้ออกแบบเรือให้ มีชื่อเสียงโด่งดังไร้ผู้ใดเทียบเทียม
แต่คนนอกกลับรู้กันน้อยนักว่าเรือของสกุลสุ่ยนั้นมีสตรีเป็นผู้วาดแบบ สาเหตุคือเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น โชคดีที่ทุกคนในอู่ต่อเรือให้ความร่วมมือกันดี คนนอกจึงไม่ได้รู้กันทั่ว ต้งถิงคือดินแดนของสกุลสุ่ยและไม่มีผู้ใดกล้านินทาส่งเดชด้วย ดังนั้นสามปีมานี้ฐานะของนางจึงไม่เคยถูกเปิดเผย และช่วยลดขี้ปากคนไปไม่น้อยจริงๆ
เวลาค่ำ เฉี่ยวเอ๋อร์จุดตะเกียงสองดวง สุ่ยรั่วยังคงมีสมาธิจดจ่อกับการวาดภาพเรือ
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านพักสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ” เฉี่ยวเอ๋อร์ฝนหมึกมาทั้งบ่าย ข้อมือบางเมื่อยจะตายอยู่แล้ว
“หากเจ้าเหนื่อยแล้วก็ไปพักก่อนเถอะ ข้าวาดต่ออีกประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” นางเงยหน้า ยิ้มบอกเบาๆ
เห็นดวงตาคู่นั้นที่อ่อนโยนและแน่วแน่ของคุณหนูใหญ่แล้ว เฉี่ยวเอ๋อร์ทำอะไรนางไม่ได้เลยสักนิดเดียว
คุณหนูคนนี้หนอ ดูเหมือนอ่อนโยนน่ารัก ความจริงแล้วก็อ่อนโยนน่ารักนั่นแหละ ถ้าบอกให้นางไปพักก็คือให้นางไปพักจริงๆ ไม่ได้แค่พูดไปตามมารยาทเท่านั้น
แต่ปัญหาคือนายยังไม่พัก นางซึ่งเป็นสาวใช้จะวิ่งไปกินข้าวนอนหลับได้อย่างไรกันเล่า
หากให้สาวใช้ของคุณหนูคนอื่นๆ มาเห็นเข้า นางก็แย่น่ะสิ ถึงตอนนั้นก็ยังจะติฉินนินทานางอีกด้วย
เห็นคุณหนูใหญ่ก้มหน้าจดจ่อกับการวาดภาพต่อ เฉี่ยวเอ๋อร์ก็ถอนหายใจด้วยความคับแค้นใจ หยิบแท่งฝนหมึกขึ้นมาฝนน้ำหมึกต่อไปตามยถากรรม
ขณะเคลื่อนไหวแบบเดิมๆ ซ้ำๆ อย่างเบื่อหน่าย สายตาของเฉี่ยวเอ๋อร์ก็ไปหยุดอยู่บนใบหน้าของคุณหนูใหญ่ของตนโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความสัมพันธ์ของแซ่สกุลหรือไม่ บรรดาคุณหนูสกุลสุ่ยจึงหน้าตาไม่เลวเลยสักคน แต่ละคนงดงามราวกับดอกบัวแรกแย้มที่โผล่พ้นน้ำ ทั้งยังงดงามยิ่งๆ ขึ้นไป คุณหนูใหญ่ของนางถือว่าเป็นคนที่หน้าตาธรรมดาที่สุดแล้ว
แม้นางจะเห็นคุณหนูโฉมงามเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก แต่นางก็ยังคงจ้องมองจนใจลอยอยู่บ่อยครั้ง แม้คุณหนูใหญ่จะไม่ใช่คนที่งามที่สุด แต่นางกลับรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนที่นิสัยดีที่สุด
อย่างคุณหนูรองที่เป็นคนเฉียบแหลมมากประสบการณ์ มีความน่าเกรงขามมาแต่กำเนิด นางเป็นคนดูแลบัญชีในบ้าน ทุกครั้งที่ทุกคนเห็นคุณหนูรองก็จะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
ส่วนคุณหนูสามแม้จะอ่อนโยนแต่ก็มีนิสัยขี้ขลาด นอกจากนี้ยังชอบอ่านหนังสือ ทุกครั้งที่นางไปชิมชาที่ศาลาริมน้ำกับคุณหนูใหญ่ ไม่นานนักนางก็จะเริ่มง่วงอย่างอดไม่ไหว
คุณหนูสี่หน่วยก้านดีเป็นพิเศษ ฉะนั้นตั้งแต่เล็กจึงฝึกยุทธ์กับนายท่าน หลายปีมานี้ยังติดตามนายท่านเดินทางไปทั่วทิศ แม้แต่สาวใช้ประจำตัวก็ยังต้องติดตามไปทั่วทั้งแผ่นดินจงหยวน
คุณหนูห้าสมัยยังเล็กมักชอบทำหน้าเครียดขรึม เพิ่งจะอายุสิบสองก็ชอบศึกษาค้นคว้าตำราแพทย์ตำรายา เอะอะก็จะเคี่ยวยาปรุงยา ชุนฮวาและชิวเยวี่ยที่ติดตามคุณหนูห้ามักจะมีกลิ่นยาแปลกๆ ติดตัว
ถ้าหากเป็นข้าจะต้องทนไม่ไหวแน่…คิดมาถึงตรงนี้เฉี่ยวเอ๋อร์ก็ลอบยินดีที่ตัวเองไม่ได้ถูกส่งไปปรนนิบัติคุณหนูท่านอื่นอย่างอดไม่ได้
คิดๆ ดูแล้วคุณหนูของนางเหมือนจะมีส่วนที่ประหลาดกันทุกคน พอนึกถึงคุณหนูสองสามท่านหลังที่อายุยิ่งน้อยลดหลั่นกันไป เฉี่ยวเอ๋อร์ก็หนังศีรษะชาหนึบขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ลอบชำเลืองมองคุณหนูใหญ่แวบหนึ่ง แล้วก็นึกเห็นใจคุณหนูใหญ่ที่มีน้องๆ ที่รูปโฉมงดงามแต่นิสัยประหลาดชอบกลเหล่านี้
ความจริงแล้วตั้งแต่คุณหนูใหญ่อายุได้สิบห้าก็มีคนมาสู่ขอถึงบ้าน แต่คนเหล่านั้นพอเห็นคุณหนูรองที่งามล้ำชนิดพรากวิญญาณแล้วก็ลืมจุดประสงค์เดิม หันมาเกี้ยวพาคุณหนูรองแทน หรือไม่ก็ได้ยินเสียงพึมพำหวานนุ่มแสนเสนาะของคุณหนูสามแล้ว ยอดวีรบุรุษก็กลายเป็นคนอ่อนระทวยในชั่วพริบตา อยากจะอุทิศทั้งหัวใจให้แก่คุณหนูสามใจแทบขาด แต่คุณหนูสามเป็นคนตาขาวตั้งแต่เกิด ทุกครั้งที่มีคนคิดจะล่วงเกินก็จะถูกบรรดาศิษย์ที่วรยุทธ์สูงส่งของนายท่านไล่ออกไป
กาลเวลาผันผ่านไป น้องๆ ของคุณหนูใหญ่แต่ละคนก็ยิ่งงดงามล้ำเลิศ งามจนต้องตกตะลึง อีกทั้งเวลาที่นายท่านไม่อยู่ คนที่คอยดูแลพวกนางก็จะเป็นคุณชายสวี่ศิษย์คนโตของนายท่าน หรือไม่ก็คุณหนูรอง เมื่อเวลาผ่านไปคนอื่นๆ ก็นึกว่าคุณหนูใหญ่แห่งสกุลสุ่ยออกเรือนไปแล้ว ปรากฏว่าพอคุณหนูใหญ่อายุสิบเจ็ดก็ไม่ค่อยมีใครมาสู่ขอแล้ว
ฮือๆ…พอจ้องมองสุ่ยรั่วที่แต่งกายเรียบๆ ด้วยชุดกระโปรงสีขาวทั้งตัวแล้ว เฉี่ยวเอ๋อร์ก็อดขมวดคิ้วงามไม่ได้ ความจริงแล้วนางก็ไม่ได้กลัวว่าคุณหนูใหญ่จะไม่ได้แต่งออกไปหรอก…แม้คุณหนูใหญ่จะไม่ได้งามล้ำอย่างน้องๆ แต่ก็งามยิ่งกว่าแม่นางทั่วๆ ไปมากนัก ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ได้แต่งออกไปเลย!
ปัญหาคือคุณหนูใหญ่อายุสิบแปดแล้ว ครึ่งปีมานี้ยังไม่มีใครมาสู่ขอ นางกำลังเป็นกังวลแทนเจ้านาย แต่ตัวคุณหนูใหญ่นั้นไม่ได้ตระหนักเลยสักนิด ทั้งยังก้มหน้าก้มตาวาดภาพเรือทั้งวัน นางคิดอยากช่วยเกล้าผมมวยทรงที่นิยมกันให้คุณหนูใหญ่ อีกฝ่ายกลับกลัวว่านางจะเมื่อยมือเลยบอกว่าไม่ต้องทำ นางได้ยินแล้วก็แทบลมจับ
คุณหนู…คุณหนูไม่ร้อนใจเลย ทำเอาบ่าวคนนี้ร้อนใจแทบตาย!
ทุกครั้งที่คิดอยากช่วยแต่งตัวงามๆ กว่านี้ให้สักหน่อย คุณหนูใหญ่ก็จะพยักหน้ารับคลี่ยิ้มอ่อนโยน แต่พอหันกลับไปก็ยุ่งอยู่กับงานอู่ต่อเรืออีก ลืมว่าต้องลองชุดใหม่ ลืมว่าต้องเกล้าผม ลืมว่าต้องไปเลือกชาดทาปากและแป้งผัดหน้าที่ร้าน ทุกครั้งก็จะลืมสาวใช้อย่างนางไว้ข้างหลังไกลๆ ทำให้นางต้องอัดอั้นจุกอก
เห็นคุณหนูใหญ่ที่ก้มหน้าก้มตาตั้งอกตั้งใจวาดภาพแล้ว เฉี่ยวเอ๋อร์ก็ลอบตัดสินใจจากก้นบึ้งของหัวใจ…
ข้าจะต้องคิดหาวิธีดีๆ ให้ได้ ให้คุณหนูแต่งออกไปในปีที่อายุสิบแปดนี้! หากยังเสียเวลาต่อไป คุณหนูจะพ้นช่วงวัยที่เหมาะสมแก่การออกเรือนแล้วกลายเป็นหญิงทึนทึก!
เฉี่ยวเอ๋อร์ฝนหมึกพลางใช้ความคิดปราดเปรื่อง นางจะต้องวางแผนให้ดีๆ…