หารู้ไม่ว่าผมยาวของนางไปพันเข้ากับเชือกแดงแขวนหยกประดับที่คอเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เขาพลิกกลับไปโดยไม่ให้สัญญาณเตือนล่วงหน้า เกือบจะกระชากผมสลวยของนางหลุดกำใหญ่ โชคดีที่นางปฏิกิริยาโต้ตอบว่องไวจึงพลิกตัวตามไปด้วย กลั้นหายใจหมอบอยู่บนตัวเขา ไม่กล้าขยับอีกพักใหญ่
จนเห็นว่าเขาไม่มีวี่แววว่าจะตื่น นางจึงรีบยื่นมือไปแกะผมและเชือกแดงที่พันกันอยู่อย่างระมัดระวัง แต่นางแกะมาตั้งนานก็แกะไม่ออกเสียที โชคดีที่เขาหลับสนิทราวกับหมูตาย นางก็ยิ่งได้ใจ ตั้งอกตั้งใจแกะผมที่พันอยู่นั้นอย่างสงบนิ่งมั่นคง
ทางจั้นปู้ฉวินก็ต้องร้องโอดครวญอย่างทุกข์ทรมานอยู่ในใจ ร่างกายท่อนบนของนางแทบจะหมอบอยู่บนร่างเขา เนินเนื้อนุ่มทั้งสองขยับย้ายไปพร้อมกับมือทั้งคู่ของนางครั้งแล้วครั้งเล่า คลับคล้ายคลับคลาจะลากผ่านหน้าอกของเขาไปๆ มาๆ อย่างกับจะเอาชีวิตเขาจริงๆ!
เดิมทีเขาอยากลองตะแคงตัว ให้นางแก้ปมนั้นออกได้สะดวก แต่ใครจะไปรู้ว่าพอเขาพลิกไปทางซ้าย อีกฝั่งกลับเป็นผนัง นางข้ามไปไม่พ้นจึงได้แต่คุกเข่าอยู่บนหลังเขาแล้วก้มลงมาแกะเชือก ปรากฏว่าหน้าอกของนางยังคงบดเบียดเสียดสีอยู่กับแขนขวาของเขา กอปรกับร่างของทั้งสองบดบังแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา นางจึงมองเห็นไม่ชัด ปมก็ยังแก้ไม่ออก ผ่านไปพักใหญ่ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป แสร้งพลิกตัวไปทางขวาอีกที ปรากฏว่าเคลื่อนไหวรุนแรงเกินไป เกือบเบียดนางตกเตียง ทำเอาสะดุ้งตกใจจนเหงื่อท่วมตัวไปด้วยกันทั้งคู่
สุ่ยรั่วร้องออกมาแผ่วเบาในชั่วขณะสุดท้ายเพราะชายหนุ่มยื่นมือออกมากันไว้ได้ทันนางจึงไม่ตกเตียง แต่นางเพิ่งจะลูบอกดีใจ ทางจั้นปู้ฉวินกลับเจ็บปวดจนหางตาหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายที่แสนล้ำค่าออกมาหนึ่งหยด เพราะแขนที่เขายื่นออกไปช่วยคนนั้นก็คือแขนข้างซ้ายที่หัวไหล่ถูกฟันบาดเจ็บ!
ถูกนางดึงไว้เช่นนี้ ทั้งๆ ที่เจ็บจนจะสิ้นใจอยู่รอมร่อ เขาก็ยังหลับตาแสร้งทำเป็นหลับ
โอ้สวรรค์ ใครก็ได้ ได้โปรดรีบมาช่วยข้าทีเถอะ
ภูเขาเขียวขจี น้ำใสกระจ่าง นกร้องจิ๊บๆ เป็นการมาถึงของอีกวัน
ดวงตาทั้งคู่ของจั้นปู้ฉวินเต็มไปด้วยเส้นเลือด เขาลองเคลื่อนไหวร่างกายบนที่โล่งหน้าบ้านไม้แต่เช้ามืด เพิ่งเริ่มออกหมัดยกขาก็ยังคงรู้สึกเจ็บ แต่พอเตะต่อยไปได้หลายชุด เลือดลมร่างกายยืดคลายแล้วก็ยิ่งออกหมัดได้คล่องมือขึ้น
จนกระทั่งเช้าตรู่ของวันนี้นางจึงได้แก้ปมหลุดหมด เขาถูกกระตุ้นจนเลือดลมพลุ่งพล่าน อีกทั้งไม่มีที่ให้ระบาย อีกนิดเดียวก็เกือบจะเลือดกำเดาไหลตายไปแล้ว
แย่แล้ว พอคิดถึงภาพเมื่อคืนนี้ก็เลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมาอีก…
จั้นปู้ฉวินรีบใช้หมัดมังกรสมุทรเจ็ดสิบทองท่าที่สืบทอดมาจากตระกูลอีกหนเพื่อคลายความร้อนรุ่ม
เขาออกหมัดมวยอย่างมีพลังอยู่ทางนี้ ไม่รู้สุ่ยรั่วมาอยู่ข้างประตูยืนมองเขาฝึกมวยอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร เมื่อแรกนางแค่สงสัย แต่พอเห็นแล้วก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ
แม้นางจะไม่เป็นวรยุทธ์ แต่บิดานางเป็นจอมยุทธ์ ทั้งยังรับลูกศิษย์ลูกหามากมาย อย่างน้อยๆ ตั้งแต่เล็กจนโตก็เคยเห็นผู้คนใช้ดาบ ใช้กระบี่ ใช้ไม้พลอง รำหมัด ดังนั้นจึงรู้ว่าเมื่อเรียนวรยุทธ์ในระดับหนึ่งแล้วก็จะฝึกพลังปราณได้สูงต่ำแตกต่างกันไป ยามนี้นางอยู่ห่างจากเขาอย่างน้อยสองถึงสามจั้ง แต่กลับสัมผัสได้ถึงลมหมัดที่ร้อนไหม้ของเขา!
ซึ่งก่อนหน้านี้นางเคยสัมผัสได้แค่จากร่างกายบิดาของนางเท่านั้น!
ตอนนี้นางเพิ่งรู้ว่าที่แท้วรยุทธ์ของเขาไม่อ่อนด้อย หลายวันก่อนนั้นมักจะเห็นแค่เขาถูกบรรดาศิษย์ของบิดาไล่ตาม นางยังนึกว่าวรยุทธ์ของเขาอยู่ในระดับพื้นๆ เสียอีก
ลมหมัดของเขาซัดถูกลำต้นของต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ จนสะเทือนใบไม้ร่วงหล่นลงมาไม่น้อย ใบไม้ใหญ่เล็กปลิวร่อนร่ายระบำอยู่กลางลมหมัดของเขาช่างงดงามยิ่งนัก คล้ายเรือลำเล็กที่แล่นอยู่ท่ามกลางพายุฝนโหมกระหน่ำ ถูกลมบงการจนเคลื่อนไปทางซ้ายขวา ขึ้นสูงและลงต่ำ
ใบไม้บางใบค่อนข้างใหญ่ ได้รับผลกระทบจากแรงลมค่อนข้างมาก ใบไม้บางใบค่อนข้างยาวเรียว ปะทะลมน้อย ได้รับผลกระทบจากลมก็น้อยตามไปด้วย นางมองอยู่อย่างนั้น ในสมองก็แวบแสงสว่างขึ้นมาฉับพลัน นางขมวดคิ้ว มองใบไม้ที่ร่ายระบำพวกนั้น ลองจับรายละเอียดที่แวบผ่านมาแล้วหายไปมาประมวลความคิด
ชุดหมัดมวยมังกรสมุทรจบลงแล้ว จั้นปู้ฉวินเก็บหมัดแล้วปรับลมหายใจให้เป็นปกติ