อาการวิงเวียนแผ่ลาม จั้นปู้ฉวินพิงหีบสินค้า เบิกตามองชายฝั่งสีเขียวอ่อนถอยหลังไปช้าๆ ด้วยสีหน้าย่ำแย่ ข่มกลั้นอาการคลื่นไส้ที่แผ่ออกมายังหน้าอกและท้องไม่หยุด
เสียทีที่สามวันก่อนหน้านี้เขายังคิดว่ากลับมาจงหยวนก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ใครจะไปรู้ว่ายังไม่พ้นสามวัน จากที่รู้สึกว่าไม่เลวก็กลายเป็นรู้สึกเสียใจแล้ว
เรือขนาดใหญ่ลำนี้คือเรือขนส่งสินค้าของสกุลจั้น สองวันก่อนเรือออกจากเมืองหยางโจวเข้าสู่แม่น้ำฉางเจียงมุ่งหน้าไปทางตะวันตก วางแผนไว้ว่าจะผ่านเจียงโจวไปถึงต้งถิง มีสินค้าบรรทุกอยู่เต็มเรือ ส่วนเขาก็เป็นแค่ของอย่างหนึ่งในนั้น…
ผิวน้ำมีลมเย็นๆ พุ่งขึ้นมา ทำให้เกิดคลื่นน้ำพาให้ตัวเรือโคลงเคลง จั้นปู้ฉวินหยุดความคิดในทันที สีหน้ากลายเป็นซีดขาว ผ่านไปหนึ่งเค่อ* ตัวเรือก็ยังโคลงเคลงอย่างหนัก ในที่สุดเขาก็กลั้นอาการคลื่นเหียนที่คอไม่ไหวอีกต่อไป สาวเท้าพุ่งไปเริ่มอาเจียนที่ข้างเรือ
“คุณชาย ยังไหวหรือไม่ขอรับ” ครั้งนี้หัวหน้าขนส่งสินค้าเห็นเขาอาเจียนหนักมากจึงเดินเข้ามาถามอย่างห่วงใย
จั้นปู้ฉวินไม่มีแรงตอบ ได้แต่หมอบอยู่กับกราบเรือ หน้าซีดฝืนโบกมือ แต่โบกได้แค่สองที คลื่นก็ปะทะเข้ามาอีก…
“แหวะ…” เขาหันไปอาเจียนใส่แม่น้ำฉางเจียงอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตทันที
ไม่ง่ายเลย ตอนที่เขาอาเจียนเอาทุกอย่างออกมาหมดไส้หมดพุง บนผิวน้ำก็กลับมาสงบเงียบไร้เกลียวคลื่น เขาหมอบอยู่บนกราบเรือหน้าตาไร้สีเลือด ในใจด่าสิบแปดชั่วโคตรของหญิงห้าวนั่นไปจนจบตั้งแต่แรกแล้ว แม้อยากจะสาปแช่งให้นางคลอดลูกออกมาไม่มีรูก้น แต่เห็นแก่ที่ลูกชายของนางก็คือหลานชายของเขา จึงได้ฝืนข่มกลั้นไว้
มารดามันเถอะ! ถ้าหากต้องอาเจียนอย่างนี้ไปทุกวัน เรือลำนี้ยังไม่ทันแล่นไปถึงต้งถิง ข้าคงตายไปเฝ้ายมบาลก่อนแล้วล่ะ!
จั้นปู้ฉวินจ้องมองคลื่นน้ำไหลเชี่ยวที่ถอยหลังไปไม่หยุด รู้สึกหมดแรงไปทั้งตัว แต่แล้วก็พลันเกิดอาการคลื่นเหียนขึ้นมาอีกระลอก จึงรีบเบนสายตาไปทางอื่น นั่งพิงอยู่ข้างเรือด้วยใบหน้าซีดขาว
มารดามันเถอะ! หากรู้แต่แรกว่าจะต้องรับกรรมเช่นนี้ ข้าไม่กลับมาหรอก!
จ้องมองเมฆขาวบนท้องฟ้าที่ลอยเคลื่อนช้าๆ เขาก็อดนึกถึงวันนั้นที่ท้องฟ้าสดใสเช่นเดียวกันนี้ไม่ได้…
เพิ่งจะเหยียบย่างเข้าสู่สำนักเดินเรือสี่สมุทรของสกุลจั้นที่เมืองหยางโจว จั้นปู้ฉวินก็เกือบจะชนเข้ากับสตรีท้องโตที่รีบร้อนพุ่งออกมาจากในบ้าน เขารีบยื่นมือออกไปประคองหญิงมีครรภ์ที่เกือบล้มคะมำ
‘บัดซบ เจ้าไม่มีลูกตาหรือ ไม่มีธุระแล้วมาเกะกะอยู่ตรงนี้ทำไม! เจ้ามากับ…’ หญิงท้องโตอ้าปากปุ๊บก็ด่ากราด แต่ตอนที่เห็นคนตรงหน้าชัดก็ถลึงตากว้าง ‘อาฉวิน?!’
มือใหญ่ของจั้นปู้ฉวินยังคงวางอยู่รอบเอวกลมกว้างของสตรีตรงหน้า ดวงตาสองข้างถลึงจนกว้างยิ่งกว่านาง ชายหนุ่มจ้องท้องที่ใหญ่ราวกับลูกหนังด้วยสีหน้าประหลาด เอ่ยพึมพำ
‘สวรรค์ นี่มันอะไร’
‘ท้องของข้า’ นางสงบสติอารมณ์แล้วตอบอย่างหัวเสียพลางปัดมือใหญ่ออก แล้วผลักเขาไปอยู่ข้างๆ ‘เอามือของเจ้าออกไป แล้วก็อย่ามาขวางทางข้า!’
นางพูดจบแล้วก็รีบร้อนเดินออกไปข้างนอกต่อโดยไม่สนใจเขาเลย สั่งกำชับคนที่ตามหลังมาเป็นพรวนเสียงดัง
‘เสี่ยวอู่ ไปดูที่ท่าเรือว่าเอ้อร์ซูมาถึงหรือยัง! เสี่ยวชี เจ้าไปร้านสกุลฉินตรวจดูสินค้าที่จะเอาขึ้นเรือวันรุ่งขึ้นอีกรอบ!’ ตอนที่นางเดินมาถึงข้างนอกก็พอดีกับที่หลัวอันอุ้มไหสุรากลับมา นางรีบเรียกเขาไว้ ‘หลัวอัน เจ้ากลับมาพอดี รีบไปหอสี่สมุทร ดูว่าลุงไช่เตาต้องการให้ช่วยอะไรหรือไม่ วันนี้ที่นั่นรับจัดโต๊ะเลี้ยงแขกสามสิบโต๊ะ อาจจะยุ่งหัวหมุน ถ้าหากคนไม่พอก็ไปโยกย้ายคนมาจากท่าเรือ’
‘ทราบแล้วขอรับ’ สองสามคนที่ถูกระบุชื่อตอบรับ แต่ละคนรีบแยกย้ายกันไปทำงาน
‘ฮูหยิน เถ้าแก่หวังยังติดหนี้เราเดือนที่แล้ว เขาอยากจะเลื่อนจ่ายเงินออกไปเดือนหน้าขอรับ เถ้าแก่โจวก็จ่ายค่าสินค้าของเดือนนี้เรียบร้อยแล้ว แต่เขาอยากจะคุยเรื่องขึ้นค่าขนส่งกับท่าน’ เหล่าอู๋ที่รับหน้าที่ดูแลบัญชีบอกอยู่ข้างหลังนาง
หญิงท้องโตผู้เฉียบแหลมมากความสามารถมาถึงข้างรถม้า เลิกม่านรถม้าขึ้น ได้ยินแล้วก็หันกลับไปถามโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
‘ปีที่ผ่านมานี้สถานะการจ่ายเงินของเถ้าแก่หวังเป็นอย่างไรบ้าง’
‘ปกติทุกอย่างขอรับ’
‘ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาติดไว้เดือนหน้าได้ ส่วนโจวอวี้เฉิง บอกเขาว่าค่าขนส่งของเราสมเหตุสมผลที่สุด ถ้าหากเขามีปัญหาก็ไปหาเจ้าอื่น’
‘ขอรับ’ เหล่าอู๋พยักหน้า รีบเอาพู่กันจดไว้ในสมุด
‘ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่’ นางยืดท้องโตๆ กระโดดขึ้นรถม้าอย่างคล่องแคล่วปราดเปรียว ทำเอากลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังตกใจจนเหงื่อท่วม โดยเฉพาะจั้นปู้ฉวินที่เมื่อครู่ยังคอยมองท้องกลมดิกของนางตาค้าง
เหล่าอู๋ปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากที่ตกใจเพราะนาง ก่อนจะรีบบอก
‘สกุลสุ่ยแห่งต้งถิงส่งจดหมายมาอีกแล้วขอรับ บอกว่าจะเพิ่มเงินค่าต่อเรืออีก’
คิ้วงามขมวดมุ่นเล็กน้อย นางพึมพำกับตัวเองครู่หนึ่งแล้วบอก
‘รู้แล้ว เรื่องนี้เอาไว้ก่อน พรุ่งนี้ข้าค่อยจัดการ’
‘ขอรับ’
‘เอาล่ะ ข้ากลับเคหาสน์ก่อน หากมีธุระก็ส่งคนไปแจ้งข้า’ นางพูดจบแล้วก็ปล่อยม่านลง บอกคนขับรถม้าที่อยู่ข้างหน้าว่ากลับเคหาสน์สี่สมุทรที่อยู่นอกเมือง