บทนำ
ผืนฟ้าคราม หิมะขาว หน้าผาสูงตระหง่าน และท้องทะเลกว้างใหญ่
นกทะเลสีเทาขาวตัวหนึ่งโผบินอยู่กลางอากาศ โบยบินวนไปมาตามกระแสลม
ทันใดนั้นมันพลันเปลี่ยนทิศทาง พุ่งถลาลงไปในทะเลอย่างรวดเร็วจนก่อให้เกิดฟองคลื่นสาดกระเซ็น ก่อนจะทะลวงผืนน้ำกลับขึ้นมาอย่างว่องไวอีกครั้งทั้งที่ฟองคลื่นยังไม่ทันสงบลง ในจะงอยปากแบนยาวปรากฏอาหารเช้าของวันนี้เป็นที่เรียบร้อย นกทะเลตีปีกไปมา คาบปลาตัวน้อยเหินกลับไปบนหน้าผาสูงริมฝั่ง หลังร่อนลงอย่างมั่นคงแล้วก็เริ่มลิ้มรสอาหารอันโอชา
คลื่นลมทะเลซัดสาด ดวงอาทิตย์สาดส่อง
คลื่นสีเขียวอมฟ้าปะทะไปยังริมหน้าผาที่เต็มไปด้วยผืนตะไคร่ระลอกแล้วระลอกเล่า เกิดเป็นเสียงซ่าๆ ในยามที่ทั้งสองผสานกัน กลายเป็นฟองคลื่นกระเซ็นสีขาวอันงดงาม
ไม่ไกลจากริมฝั่งนักมีเรือสำเภาสีดำขนาดใหญ่ลำหนึ่งจอดอยู่ เมื่อเทียบกับความสงบผ่อนคลายทางฟากนกทะเลแล้ว ฟากเรือสำเภาสีดำนั้นดูวุ่นวายมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
นกทะเลยืนอยู่ริมผา ระหว่างที่กำลังกลืนกินปลา มันก็ใช้ดวงตาคู่เล็กมองสำรวจเหล่ามนุษย์ที่กำลังโหวกเหวกอยู่บนเรือสำเภาสีดำลำนั้นไปพร้อมกัน ทันใดนั้นมันก็ได้เห็นเด็กน้อยอายุราวสิบขวบผู้หนึ่งวิ่งมายังริมหน้าผา แล้วตะโกนโบกมือให้กับผู้คนบนเรือสำเภา
“รอก่อน! รอข้าด้วยสิ!” เสียงของเด็กน้อยดังกังวาน แม้จะตัวเล็กกลับวิ่งได้รวดเร็วนัก เพียงชั่วพริบตาก็มาถึงข้างเรือสำเภาสีดำที่กำลังจะออกจากฝั่ง
บนเรือสำเภาสีดำ ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งกำลังใช้รอกหมุนสมอเรือขึ้นมา ส่วนอีกสองคนกำลังเก็บบันไดไม้มาได้ครึ่งทาง ยังมีอีกคนที่ยืนอยู่ท้ายเรือกำลังมองระวังภัยรอบด้าน ครั้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเด็กน้อย คนทั้งสี่ก็ต่างหันมองตามเสียงไปบนฝั่งก่อนจะพากันนิ่งอึ้งไป คนเรือที่มองสำรวจอยู่บนพื้นยกสูงเป็นคนแรกที่ได้สติขึ้นมาพร้อมก้มหน้าลงไปตะโกนเสียงดัง
“หัวหน้า! คุณหนูใหญ่มาหาแล้วขอรับ!”
จั้นเทียนที่เดิมทีอยู่ข้างในเรือรีบวิ่งออกมายังกราบเรือทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะได้เห็นบุตรสาวกำลังตะโกนเรียกเขาอยู่จริงๆ
“ท่านพ่อ ข้าเองก็จะขึ้นเรือเหมือนกัน!”
จั้นเทียนขมวดคิ้ว ตอบปฏิเสธเสียงดังกังวานดุจกลองลั่น
“พ่อบอกไปตั้งหลายหนแล้วว่าเด็กหญิงไม่อาจขึ้นเรือได้”
“ทำไมกัน” ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ถามกลับเสียงดัง
“ให้สตรีขึ้นเรือจะเกิดเภทภัย!” จั้นปู้ฉวินที่เพิ่งอายุเพียงแปดขวบแย่งตอบขึ้นมาข้างบิดา ทั้งยังทำหน้าพิลึกพิลั่นใส่พี่สาวที่อยู่บนฝั่ง ส่วนคนเรือคนอื่นๆ หลังได้ยินประโยคนี้แล้วก็ต่างพากันผงกศีรษะ
“ไม่มีทาง!” นางถลึงตาใส่ท่าทีอวดดีของน้องชายอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็กำหมัดแน่นเอ่ยกับบิดาเสียงดัง “สิ่งที่น้องชายทำได้ ข้าเองก็ทำได้ เมื่อวานท่านยังเพิ่งพูดว่าข้าผูกเงื่อนเก่งกว่าน้องชายมากนัก เช่นนั้นเหตุใดเขาสามารถขึ้นเรือได้ แต่ข้ากลับทำไม่ได้กัน”
จั้นเทียนมองสีหน้าไม่ยินยอมของบุตรสาวแล้วเอ่ยปลอบ
“เจ้าเป็นเด็กหญิง เรี่ยวแรงค่อนข้างน้อย ส่วนพวกเราออกทะเลก็ล้วนไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกัน”
“ท่านพ่อไม่ยุติธรรม!” นางข่มกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจแล้วเอ่ยเสียงดังอย่างโมโห “ทั้งๆ ที่ข้าว่ายน้ำเก่งกว่าน้องชาย กลั้นหายใจใต้น้ำได้นานกว่าเสี่ยวโจวเสียด้วยซ้ำ แต่พวกเขาล้วนสามารถขึ้นเรือได้ หากข้ากลับทำไม่ได้ ท่านเคยพูดเองว่าการเดินเรือไม่ได้อาศัยเพียงแค่พละกำลังก็ใช้ได้นี่!”
บุคคลที่ยืนชมอยู่ด้านข้างอายุเท่าคุณหนูใหญ่และวันนี้ก็ได้ขึ้นเรือเป็นครั้งแรกอย่างเสี่ยวโจวใบหน้าแดงขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วน คนเรือคนอื่นๆ ก็ต่างยิ้มเยาะขึ้นมา มีชายฉกรรจ์หลายคนพากันตบบ่าผอมกะหร่องของเสี่ยวโจว ต้องการให้เขาพยายามให้มากเข้าหน่อย
ทว่าทุกคนก็ต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่าคุณหนูใหญ่ได้รับพรสวรรค์มาจากหัวหน้า แทบจะเติบโตมาในทะเลตั้งแต่เด็ก เกือบทุกๆ ด้านล้วนเก่งกว่าคุณชายน้อย อย่าว่าแต่เสี่ยวโจวเลย คนเรืออายุสิบเจ็ดสิบแปดบางคนเรื่องกลั้นหายใจใต้น้ำก็ยังแพ้ให้แก่คุณหนูใหญ่
นอกจากนี้คุณหนูใหญ่ยังพูดไม่ผิด หัวหน้ามักพูดเองจริงๆ ว่าการเดินเรือไม่ได้อาศัยเพียงแต่พละกำลัง คุณหนูใหญ่เป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างยิ่ง น่าเสียดายตรงที่เป็นสตรี ทุกคนมักต่างคิดกันอยู่เสมอว่าหากนางเป็นบุรุษก็คงดี หัวหน้าจะต้องดีใจมากแน่ๆ
จั้นเทียนขมวดคิ้วแน่นกว่าเก่า ยายหนูนี่ชักจะไม่ได้ความใหญ่แล้ว คำพูดเช่นนี้ก็ยังพูดออกมาได้!