14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน ลำนำรักเจ้าสมุทรชุด หัวใจเจ้าทะเล
สตรีที่ยืนอยู่ตรงหัวเรือถอดเครื่องประดับหรูหราที่นางใส่เมื่อคืนนี้ออกแล้ว เรือนผมยาวที่ทอประกายสีทองอ่อนภายใต้แสงอาทิตย์เพียงใช้เชือกเส้นหนึ่งมัดรวบเอาไว้ ชุดสีเขียวที่ทำจากผ้าไหมเนื้อดีก็เปลี่ยนออก กลายเป็นเสื้อผ้าป่านซึ่งทนทานกว่า นางทำแม้กระทั่งม้วนแขนเสื้อขึ้น เปิดเผยท่อนแขนที่ตากแดดจนเป็นสีเข้มหากยังคงดูเนียนนุ่ม นอกจากต่างหูข้างขวาวงสีน้ำเงินขาวแล้ว บนร่างของนางไม่ปรากฏเครื่องประดับอื่นใดอีก มีเพียงใบหน้ากล้าหาญไร้การปรุงแต่งที่มองอย่างแน่วแน่ไปยังเบื้องหน้า ทว่าต่อให้แต่งตัวคล้ายเด็กหนุ่มบนเรือเพียงใด ตลอดทั้งร่างของนางก็ยังแผ่กลิ่นอายสตรีออกมาอย่างชัดเจนอยู่ดี
สตรีที่อาบอยู่ใต้แสงอรุณนั้นทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าเช่นนี้เอง เซียวจิ้งอดตะลึงลานไปบ้างมิได้ เมื่อคืนที่หอสี่สมุทรคุณหนูใหญ่สกุลจั้นได้แสดงออกอย่างน่าตื่นตาตื่นใจถึงเพียงนั้น ทำให้เขาไม่อาจนำสตรีชุดเขียวที่แต่งกายด้วยเครื่องประดับงดงามหรูหรา วาจาฉะฉานเมื่อคืนคนนั้นมาซ้อนทับกับสตรีตรงหน้าที่แต่งกายสามัญ มองไปแล้วคล้ายเด็กหนุ่มผู้นี้ได้เลย จนกระทั่งนางหรี่ตาลง โน้มตัวไปข้างหน้ากะทันหัน จับไปที่กราบเรือแล้วตะโกนเสียงดังหาคนบนเรือสำเภาอีกลำหนึ่ง
“เสี่ยวอู่ เชือกเส้นนั้นไม่ได้มัดแน่น! อย่าดึง!”
สีหน้าของนางคล้ายมีชีวิตชีวาขึ้นมาในเสี้ยวเวลานั้น เสียงที่ดังกังวานทำให้เขานำภาพสตรีฉลาดเฉลียวคนเมื่อคืนมาซ้อนทับกับสตรีตรงหน้าในชั่วพริบตา
มองไปตามสายตาของนาง เซียวจิ้งพบว่าผ้าใบบนเรือสำเภาฝั่งตรงข้ามคล้ายจะเชือกขาดกะทันหัน ใบเรือผืนหนาหนักเกิดเสียงดังลั่นขณะหลุดออกจากเสากระโดงแล้วร่วงหล่นลงมา กำลังจะฟาดโดนร่างของเด็กหนุ่มที่ดึงเชือกผิดเส้นคนนั้นอยู่แล้ว
“เสี่ยวอู่! หลบไป!” ที่ด้านข้างมีคนตะโกนเสียงดัง แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับตกใจจนนิ่งอึ้งไปแล้ว ทำได้เพียงตาโตอ้าปากค้างมองใบเรือที่กำลังจะหล่นลงมา
ไม่ทันแล้ว!
ในหัวของทุกคนต่างมีความคิดนี้วาบผ่าน แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้เห็นเงาร่างสองสายทะยานผ่านไป
“คุณหนูใหญ่!”
ยามมองออกว่าคนที่นำหน้าไปคือจั้นชิง ทุกคนก็ตะโกนพร้อมกันอย่างตกใจ เพียงเห็นนางตัดสินใจดีดตัวไปถึงเสากระโดงเรืออย่างไม่ลังเล มือยื่นออกไปจับเชือกพวนที่หลุดออกจากเสากระโดงเรือและกำลังจะถูกรอกหมุนเข้าไปได้ทัน แต่ยังไม่สามารถหยุดยั้งความเร็วในการหลุดของตัวเชือกได้ ร่างทั้งร่างถูกความหนักของใบเรือดึงรั้งไปอยู่กลางอากาศ
ในตอนที่ทุกคนกำลังส่งเสียงร้องอย่างตกตะลึงนั้นเอง ร่างของจั้นชิงพลันม้วนตัวกลางอากาศกะทันหัน จากนั้นก็ดีดตัวอย่างรุนแรงคราหนึ่ง กลับตัวกลางอากาศอย่างคล่องแคล่วโดยอาศัยแรงจากเชือกที่โบกสะบัด ทิ้งตัวลงบนเสากระโดงรองอย่างรวดเร็ว สองมือของนางจับที่เชือกพวน อาศัยน้ำหนักของตนเองหมุนเหวี่ยงบนเสากระโดงรองไปสองรอบ เชือกพวนถูกมัดเป็นเงื่อนตายในพริบตา เสากระโดงรองเป็นเพราะรับน้ำหนักที่มากไปของใบเรือหลักจึงส่งเสียงร้องน่าหวาดเสียวออกมา ในตอนที่ทุกคนหลงคิดว่ามันจะหักลงมาแล้วนั้น คานเสากระโดงรองขนาดใหญ่กลับเพียงโอนเอนไปมาสักพัก สุดท้ายก็ไม่ได้หักเป็นสองส่วน
เรื่องที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้ แต่เพียงในชั่วพริบตาคุณหนูใหญ่สกุลจั้นก็สามารถหยุดยั้งการหล่นลงมาของใบเรือหลักขนาดใหญ่ได้!
ทันทีที่เสียงดังสนั่นของใบเรือที่ร่วงหล่นหยุดลง รอบด้านก็พลันตกอยู่ในความเงียบสงัด
สายตาของทุกคนเคลื่อนจากร่างของจั้นชิงที่ห้อยอยู่กลางอากาศมายังดาดฟ้าหัวเรือ ได้เห็นใบเรือที่ขาดอีกเพียงสองฉื่อ* เท่านั้นก็จะตกลงมาถึงพื้นทั้งใบ ตอนนี้กลับห้อยอยู่เพียงครึ่งอย่างไม่มั่นคงยิ่ง ในอากาศฟุ้งกระจายไปด้วยฝุ่นละอองที่กระเทือนหล่นลงมา
ช่างเป็นวิกฤตอันตรายอย่างใหญ่หลวงจริงๆ!
ลมหายใจที่ทุกคนกลั้นเอาไว้ถึงได้ถูกปล่อยออกมาในยามนี้
จั้นชิงปีนตามเชือกพวนไปยังเสากระโดงรอง มัดเชือกให้แน่นขึ้นชั่วคราว ก่อนกระโดดลงมาทันที คิดอยากตามหาเสี่ยวอู่ซึ่งตกตะลึงจนนิ่งอึ้งอยู่ใต้ผ้าใบ แต่เท้าของนางเพิ่งจะแตะดาดฟ้าหัวเรือ กลับเห็นเสี่ยวอู่ถูกคนช่วยออกมาอย่างปลอดภัยก่อนนานแล้ว ใบหน้าซีดเผือดยืนอ้าปากค้างอยู่ข้างใบเรือ เห็นได้ชัดว่ายังคงอยู่ในสภาพตกใจ
ในตอนที่นางเห็นชัดว่าใครเป็นคนช่วยเสี่ยวอู่ คิ้วก็ขมวดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เป็นเขา? เขามาทำอะไรที่นี่กัน
“ฝีมือดียิ่ง” เซียวจิ้งปรบมือเบาๆ อย่างชื่นชม ผงกศีรษะให้นางพร้อมรอยยิ้ม
“ให้คุณชายเซียวได้เห็นเรื่องตลกเสียแล้ว” นางตอบกลับอย่างเกรงใจ ที่หว่างคิ้วกลับไม่ได้ปรากฏความยินดีที่ถูกชื่นชม เพียงแค่เดินไปหาเสี่ยวอู่ สำรวจว่าเขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่
“เสี่ยวอู่ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
“คุณ…คุณ คุณหนูใหญ่ ขอ…ขอ…ขออภัย…” เสี่ยวอู่ใบหน้าไร้สีเลือด เอ่ยตะกุกตะกัก สองขายังสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ใบเรือเองก็ไม่ได้เสียหาย หนหน้าระวังให้มากกว่านี้ก็พอ” ดูท่าแล้วร่างกายของเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน เพียงแค่ได้รับความตกใจเท่านั้น จั้นชิงตบบ่าเสี่ยวอู่ ต้องการให้เขาสบายใจ
“ข้า…ข้าๆ…” เสี่ยวอู่คิดอยากจะพูดอะไร หากสติยังไม่กลับเข้าร่างดี
จั้นชิงยิ้มให้เขาบางๆ จากนั้นก็หันกลับไปเอ่ยกับคนเรือที่เร่งรีบมาหา
“พี่ใหญ่เฉิน รบกวนพาเขาลงไปดื่มน้ำสักแก้ว ระงับความตกใจ”
“ขอรับ” บุรุษสกุลเฉินผู้นั้นผงกศีรษะ จากนั้นก็พาเสี่ยวอู่ที่สองขาอ่อนแรงจากไป ส่วนคนอื่นๆ ปีนขึ้นไปบนเสากระโดง คิดหาวิธีนำเชือกพวนลงมาแล้วนำใบเรือดึงกลับไปอยู่ที่เดิมให้เรียบร้อย
จั้นชิงหันกลับมา ที่เผชิญหน้าด้วยยังคงเป็นเซียวจิ้งซึ่งยืนอยู่ข้างๆ นางเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ขอบคุณคุณชายเซียวที่ยื่นมือช่วยเหลือ”
“เป็นเรื่องที่ข้าสมควรกระทำอยู่แล้ว” เขายิ้มน้อยๆ ก่อนเอ่ยขึ้นมากะทันหัน “คุณหนูจั้น ข้าขอเสียมารยาทถามเจ้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่”
จั้นชิงเลิกคิ้วรอฟัง
“เหตุใดเจ้าจึงไปดึงผ้าใบก่อนค่อยช่วยเหลือคน” สุ้มเสียงของเซียวจิ้งราบเรียบ ฟังไม่ออกว่าแฝงไปด้วยการตำหนิหรือไม่ กระทั่งบนใบหน้าก็ยังคงมีรอยยิ้มบางๆ
ได้ยินแล้วจั้นชิงตัวเกร็งขึ้นมาทันที เอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชาอย่างระมัดระวัง
“ขอเพียงหยุดใบเรือได้ ก็ไม่มีทางมีใครได้รับบาดเจ็บเช่นกัน”