นางเงยหน้ามองไปยังอารอง เมื่อเห็นว่าเขาขยิบตาซ้ายให้ตนเองก็อดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ พร้อมผงกศีรษะตอบตกลง
“เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้ พวกเจ้าสองคนปล่อยบันไดลง” ฉีซื่อเจินสั่งชายฉกรรจ์ทั้งสองที่ยังคงถือบันไดเอาไว้อยู่
บันไดเพิ่งจะถึงพื้น นางก็ปีนป่ายขึ้นมาแล้วอย่างคล่องแคล่ว
รอจนกระทั่งทั้งสองคนยืนอยู่บนกราบเรืออย่างมั่นคง ฉีซื่อเจินจึงยกมือขึ้นเอ่ย
“เอาล่ะ รอข้านับถึงสาม ทันทีที่ลดมือลง พวกเจ้าสองคนก็สามารถออกตัวได้แล้ว…หนึ่ง สอง สาม…”
ทันทีที่เขาโบกมือ เถียนเหล่าชีกับเด็กหญิงก็กระโดดลงไปในทะเลดุจปลาที่แข็งแรงและกระฉับกระเฉงทั้งคู่ ว่ายตรงไปทางหน้าผาอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่นานทั้งสองคนก็ไปถึงครึ่งทางแล้ว ผู้คนบนเรือต่างพากันส่งเสียงร้องประหลาดใจออกมา ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลจั้นกลับตามหลังเถียนเหล่าชีเพียงแค่ครึ่งช่วงตัวเท่านั้น ทำให้ทุกคนล้วนตกตะลึง
“ไม่เสียทีที่เป็นลูกสาวของท่านจริงๆ ร้ายกาจ ร้ายกาจยิ่ง!” ฉีซื่อเจินยกมือขึ้นบังแดด สายตามองตรงไปยังเงาร่างสองสายบนท้องทะเล เอ่ยยิ้มแย้มกับจั้นเทียนที่อยู่ข้างๆ
“นางแขนสั้น ตัวเล็ก เถียนเหล่าชีวาดมือหนึ่งหน นางต้องวาดสองหน รอว่ายไปอีกสักพักก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้ว” จั้นเทียนวิจารณ์ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
เป็นดั่งที่คาดไว้ เพียงไม่นานเด็กหญิงก็เริ่มถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ทว่ารอยยิ้มของฉีซื่อเจินยังคงอยู่
ในตอนที่เถียนเหล่าชีเหลืออีกเพียงหนึ่งจั้ง ก็จะถึงฝั่งนั้นเอง ทุกคนกลับต้องตกใจที่เห็นเขาจมลงไปในทะเลกะทันหัน ถูกกลืนหายไปในทะเลโดยไม่คาดคิด
“ว้าก! แย่แล้ว” ทุกคนต่างส่งเสียงร้องตกใจ คิดไปว่าขาของเถียนเหล่าชีเป็นตะคริว คนเรือสองคนที่อยู่ชิดกราบเรือที่สุดรีบกระโดดลงไปในทะเล ว่ายไปยังหน้าผาสุดชีวิต แต่ระยะห่างนับได้ว่าไกลเกินไปจริงๆ กลัวแต่ว่ากว่าจะไปถึงก็ไม่ทันเสียแล้ว
ในตอนนั้นคุณหนูใหญ่สกุลจั้นได้ปีนขึ้นไปบนหน้าผาอย่างราบรื่นเรียบร้อยแล้ว และกำลังเด็ดดอกไม้สีเหลืองมาใส่ถุงผ้ากันน้ำที่ชุบน้ำมัน จากนั้นก็กลับตัวกระโดดลงไปในทะเล ก่อนจะไม่โผล่ขึ้นมาเป็นเวลาเนิ่นนาน สีหน้าทุกคนบนเรือพากันซีดขาว ต่างหันไปมองทางหัวหน้า ที่ประหลาดก็คือสีหน้าของเขายังคงสงบราบเรียบ มองไม่ออกถึงความกังวล กระทั่งท่านรองฉีเองก็ยิ้มแย้มเต็มใบหน้า
ในขณะที่ทุกคนกำลังอกสั่นขวัญแขวน ตื่นกังวลจนเหงื่อออกมือนั้นเอง พลันมีคนชี้ไปที่ทะเลด้านล่างหน้าผาแล้วตะโกนเสียงดัง
“ดูนั่น! นั่นคุณหนูใหญ่!”
ทุกคนพากันเพ่งมองไปจึงได้เห็นที่ทะเลด้านล่างหน้าผาปรากฏหัวคนสองหัวและ…ปลาตัวใหญ่หนึ่งตัว? จริงๆ ส่วนสองคนที่กระโดดลงไปช่วยคนนั้นก็เพิ่งไปถึงแค่ครึ่งทางเท่านั้น
“นั่นมันอะไรกัน” มีบางคนมองเห็นไม่ชัด ชี้ไปที่ปลาตัวนั้นแล้วเอ่ยถาม
“ทึ่ม นั่นคือโลมาอย่างไรเล่า!” คนที่อยู่ด้านข้างเคาะศีรษะเขาไปทีหนึ่ง
โลมาตัวใหญ่ตัวนั้นพาเด็กหญิงกับเถียนเหล่าชีว่ายผ่านชายฉกรรจ์สองคนที่อยู่ครึ่งทางกลับมายังข้างเรืออย่างรวดเร็ว คนเรือบางส่วนรีบร้อนกระโดดลงทะเลไปช่วยเหลือเถียนเหล่าชีกับคุณหนูใหญ่ขึ้นเรือ
“เป็นโลมาที่ฉลาดนัก” ใครบางคนเอ่ยอย่างอดรนทนไม่ไหว “รู้ด้วยว่าจะต้องพาพวกเขากลับมายังเรือ”
ทันทีที่ขึ้นเรือเถียนเหล่าชีก็สำลักน้ำทะเลออกมาคำแล้วคำเล่า ผิดกับคุณหนูใหญ่ที่ไม่เป็นอะไรสักนิดเดียว นางตบๆ ศีรษะโลมาอยู่ในทะเล จูบปลายจมูกของมันครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงปีนเชือกขึ้นมาบนเรืออย่างว่องไว
คนเรือคนหนึ่งมองดูจนตาโตอ้าปากค้าง เอ่ยถามขึ้นมาอย่างตกตะลึง
“โลมาตัวนั้นเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณหนูใหญ่หรือ”
“ไม่ใช่ ข้าแค่เล่นกับมันอยู่บ่อยๆ” นางตอบคำถามด้วยดวงตากลมโตเป็นประกาย ทำคล้ายกับว่านั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างยิ่ง
“เป็นโลมาตัวนั้นหรือที่ช่วยพวกเจ้า” เถียนเหล่าชีเพิ่งจะสำลักน้ำทะเลออกมาหมด เหล่าพวกพ้องที่อยู่ด้านข้างก็รีบร้อนถามคำถาม
เถียนเหล่าชีกระอักไอสองหน จากนั้นก็ส่ายศีรษะ สายตามองไปยังเด็กหญิงที่ยืนใบหน้าสงบนิ่งอยู่ด้านหน้าแล้วเอ่ยเสียงแหบแห้ง
“เป็นคุณหนูใหญ่ที่ช่วยข้าไว้ ที่ใต้หน้าผานั่นมีน้ำวนอยู่ ข้าไม่ทันระวังจึงถูกมันดูดลงไป เป็นคุณหนูใหญ่ที่ดำลงไปในทะเลแล้วเรียกโลมาตัวนั้นมาช่วยดึงข้าออกจากก้นน้ำวน”
ทุกคนเพียงได้ยินก็ยิ่งพากันพึมพำว่ามหัศจรรย์ด้วยความประหลาดใจ
ส่วนเด็กหญิงเดินไปที่เบื้องหน้าจั้นเทียนกับฉีซื่อเจิน แล้วหยิบดอกไม้สีเหลืองดอกนั้นที่ใส่อยู่ในถุงชุบน้ำมันออกมา
“ตอนนี้ข้าสามารถขึ้นเรือได้แล้วหรือยังเจ้าคะ”
จั้นเทียนมองบุตรสาวอย่างนิ่งเงียบ ผ่านไปสักพักใหญ่จึงเอ่ยขึ้น
“เจ้าขึ้นมาบนเรือเรียบร้อยแล้ว”
“เอ๋?” นางมองบิดาตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เด็กโง่ พ่อเจ้าอนุญาตแล้วยังไม่รีบขอบคุณอีก” ฉีซื่อเจินยิ้มเตือนนาง
สีหน้าของเด็กหญิงค่อยๆ เปลี่ยนจากจริงจังกลายเป็นยิ้มกว้าง นางตื่นเต้นจนร้องออกมาเสียงดัง กระโดดโผเข้าหาจั้นเทียน
“ว้าว! ขอบคุณ! ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ!”
จั้นเทียนรวบกอดบุตรสาวที่ตัวเปียกไปทั้งตัว มุมปากปรากฏรอยยิ้มจางๆ ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มที่ริมหูนาง
“ขอบคุณอารองของเจ้าเถิด”
อ่า ที่แท้ท่านพ่อก็รู้ว่าข้าโกง! นางหน้าแดงด้วยความละอายใจพร้อมแลบลิ้นออกมาน้อยๆ ตั้งแต่เด็กนางก็เที่ยวเล่นอยู่แถวนี้ จึงรู้แต่แรกแล้วว่าที่ใต้หน้าผานั้นมีน้ำวนอยู่ ในเมื่ออารองรู้ บิดาก็ย่อมต้องรู้ด้วย