Jamsai
ทดลองอ่าน ล่ารักเกมอันตราย ตอนที่ 6
เขารู้ว่านั่นเป็นแค่ภาพในหัว
ผู้หญิงคนนี้ฉลาดมากและรู้ว่าควรจะหลีกเลี่ยงอันตรายยังไง กรณีศาสตราจารย์สารเลวนั่นเป็นแค่เรื่องนอกเหนือการควบคุม
เขาเรียนรู้อะไรมากมาย พบเห็นผู้คนมามาก เขารู้ว่าคนที่ชาญฉลาดอย่างเธอในชีวิตคงไม่ค่อยได้เจอเรื่องนอกเหนือการควบคุม แม้มือเท้าจะงุ่มง่าม แต่สมองกลับปราดเปรียว เขารู้ดีว่าเธอจะได้รับบทเรียนจากประสบการณ์ ที่เธอศึกษาประวัติศาสตร์ก็เพราะตรรกะและเหตุผลเดียวกันนี้
เธอเป็นนักประวัติศาสตร์ที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอก เธอชอบชีวิตที่มั่นคงปลอดภัย แล้วเธอก็รู้ว่าควรทำอย่างไรเพื่อรักษาวันเวลาอันสงบสุข
ขอให้ปลอดภัย…
ถ้าหากว่าเขาไม่คอยแหย่เธอ เธอคงอยู่อย่างสมบูรณ์พูนสุขไปอีกร้อยปี
เขาเคยพยายามที่จะลืมเธอ
แต่เขาลืมไม่ได้ ผู้คนหญิงคนนี้มักปรากฏออกมาในเวลาที่เขาไม่ทันตั้งตัว
แล้วพอเกิดเรื่องนั้นขึ้น เมื่อพี่อู่บอกกับเขาว่า…
กว่าเขาจะได้สติ เขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาจอดที่ประตูหน้าบ้านเธอแล้ว
เขาควรจะหันหัวจากไป แต่ว่าเขาอยากรู้ใจแทบขาด ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจว่าเป็นความจริง
ว่าที่เขารู้สึกเมื่อสามเดือนที่แล้วทั้งหมดเป็นความจริงหรือเปล่า
เธอจะน่ารักขนาดนั้น ชอบทะเลาะกับเขาขนาดนั้น ชอบหัวเราะดังๆ กับเรื่องที่เขาพูดขนาดนั้นจริงหรือเปล่า เฉลียวฉลาดและมีเสน่ห์เหมือนในความทรงจำเขาจริงหรือเปล่า หอมขนาดนั้น หวานขนาดนั้น จริงขนาดนั้นหรือเปล่า
แล้วเธอก็เป็นอย่างนั้นจริง
เขาถอดเสื้อเชิ้ตและเสื้อชั้นในของเธอออก จูบผิวนุ่มนิ่มของเธอ ฟังเสียงเธอครวญครางแล้วสูดหายใจ พอเขาจูบมาถึงสะดือ เธอก็ยื่นมือเล็กบางยึดผมเขาไว้
เขาถอดกระโปรงผ้าขนแกะ กางเกงซับในสีดำ ตามด้วยกางเกงชั้นในผ้าฝ้ายของเธอ
เขารู้สึกได้ถึงความเขินอายและวิตกกังวล รับรู้ว่าเธอพยายามที่จะหลบ แต่รู้ว่าเธอก็ยังสงสัย เขาจูบท้องน้อยของเธอ เธอพยายามจะหุบขาทั้งสอง แต่เขาคั่นอยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว
เธอหอบ เขาจับขาที่เกร็งของเธอขึ้นมาแล้วก้มลงจูบผิวอุ่นๆ
เขารู้สึกถึงร่างที่สะท้านขึ้นเบาๆ ทำให้เขาพลอยสั่นสะท้านไปด้วย
เธอไวต่อความรู้สึกมาก ตอบสนองการสัมผัสจากเขาได้ดีเยี่ยม
เขาใช้นิ้วเคล้นคลึงเธอแบบที่เขาก็เคยทำในความฝัน ค่อยๆ ลูบไล้ส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของเธอไปมาอย่างอ่อนโยน เธอร้องครางออกมา ขาสองข้างเกร็งเข้าหากัน
เขาสะกดความปรารถนา ก้มลงจูบเธอไล่ต่ำลงไปเรื่อยๆ…
อา! สวรรค์!
เสี่ยวหม่านแตกตื่น ความรู้สึกที่ชายคนนี้มอบให้ช่างท่วมท้นอะไรอย่างนี้ เมื่อเขาดึงเธอขึ้นมาจูบ ความคิดสับสนและต่อต้านใดๆ ล้วนปลาสนาการไปสิ้น
ทั้งหัวและตัวเธอร้อนไปหมด หัวใจเต้นรัวราวกับวิ่งมาหนึ่งร้อยเมตร
ท่ามกลางความมืด มือของเขาราวกับอยู่ในทุกที่ แต่ริมฝีปากและลิ้นอันชั่วร้ายของเขา…สวรรค์ สวรรค์! เธอเผยอริมฝีปาก ทั้งร่างร้อนรุ่ม หอบหายใจไม่ทันโดยสิ้นเชิง
ความรู้สึกที่ได้รับจากเขามากเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการ
ความร้อนแผ่ซ่านขึ้นอีกครั้ง ความวาบหวิวมาเป็นระลอก เธอทั้งเขินและกระดากอาย ความร้อนระอุรุนแรงพลุ่งพล่านไปทั้งร่าง เธอครางเสียงเบา ยึดศีรษะเขาไว้โดยไม่ตั้งใจ จิกผมดำของเขาให้ลุกขึ้นมา
เวลานั้นเธอหอบหายใจอยู่บนเตียง ในหัวขาวโพลน แล้วเขาก็ชันเข่าขึ้นนั่ง
ไฟริบหรี่ข้างทางส่องลอดหน้าต่างเข้ามาทาบทับเป็นเงาบนร่างกายแข็งแกร่งของเขา
ท่ามกลางความสับสน เธอเห็นเขาเหงื่อโทรมร่างจนเป็นประกายล้อกับแสงไฟ
เธอมองดูชายตรงหน้าอย่างลุ่มหลง ผมสีดำปอยหนึ่งปรกลงบนหน้าผาก ชีพจรแข็งแกร่งและทรงพลังบนคอหยาบหนาเต้นเป็นจังหวะ
เธอรู้ว่าเขาแข็งแกร่งมาก เธอเห็นแล้ว แต่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน
โดยไม่รู้ตัวเธอก็ลูบคลำเอวและหน้าท้องเขา
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนแผ่นอกนูนยกตัวสูงขึ้น กล้ามมัดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเหงื่อสั่นกระเพื่อมใต้ปลายนิ้วเธอ
ความตื่นเต้นและใคร่รู้ผุดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล เธอทาบฝ่ามือลงไป
ดวงตาดำขลับคู่นั้นจ้องมองเธอ ร่างกายของเขาให้สัมผัสที่ร้อนมาก แผ่ซ่านความร้อนสุดเปรียบปาน
รอยขรุขระบนเอวและหน้าท้องของเขาดึงดูดเธอ นั่นเป็นแผลเป็นของคราวที่แล้ว
รอยจระเข้กัด
ตอนนั้นเขาพันผ้าไว้เธอเลยไม่เคยได้เห็นจนมาถึงตอนนี้
มันสมานตัวเป็นอย่างดี แม้จะเห็นแล้วน่าหวาดหวั่นอยู่ แต่ก็ดีกว่าที่เธอคิดไว้มาก
เธอลูบคลำหน้าท้องแข็งแกร่งของเขา สัมผัสได้ถึงกล้ามที่ขึ้นเป็นมัด รู้สึกได้ถึงร่างกายที่สะท้อนขึ้นลงกับบ่ากว้างแข็งแรง ยอดอกสีเข้มของเขาตั้งชันขึ้น พอเธอลูบไล้ผ่านเขาก็กลั้นหายใจ มือใหญ่คว้าจับขาเธอแน่น
เธอรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อร้อนลวกใต้ฝ่ามือกระเพื่อมไหว ทั้งร้อนรุ่มและเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิต
แต่ที่ดึงดูดสายตาเธอมากที่สุดก็คือสิ่งที่อยู่ตรงหว่างขาเขา
ไม่รู้ว่าเขาปลดกระดุมและซิปถอดกางเกงยีนออกตั้งแต่เมื่อไร
ความเป็นชายที่ชูชันซ่อนอยู่ในความมืดแต่ก็ทำให้คนไม่อาจเมินมองได้
เธอเอื้อมมือลงไป แต่เขาคว้ามือเธอไว้
เสี่ยวหม่านเงยใบหน้าแดงฉานขึ้นมา เห็นเขายิ้มให้
“ไม่ได้…” เสียงเขาแหบพร่ายิ่งกว่าอะไร “สัตว์ประหลาดน้อย คุณจะทำให้ผมคลั่งไม่มีสติสัมปชัญญะหลงเหลือตั้งแต่ครั้งแรกไม่ได้นะ…”
ได้ยินแล้วความร้อนในตัวเธอก็แผ่ซ่านขึ้นมาอีก เธอยังไม่ทันว่าอะไรเขาก็หยิบถุงยางสวมตัวเองต่อหน้าเธอ จากนั้นก็ก้มลงมา ถอดแว่นตากรอบดำออกแล้วจูบเธอ
นิ้วมือหยาบหนาของเขากลับมาไล้ที่หว่างขาเธออีกครั้งทำให้เธอสะท้าน
เวลานั้นเธอรู้สึกเปลือยเปล่าและไร้เรี่ยวแรง ร่างกายไม่อาจควบคุม เธอเผยอปากหอบหายใจเบาๆ มือเล็กโอบรอบไหล่ของเขา เอาเท้าจิกเตียงแล้วยกตัวขึ้น
เธอรู้สึกถึงด้านหน้าของเขาที่แนบสนิทกับเธอ ร้อนรุ่มและแข็งแรง ทันใดนั้นเธอก็นึกกลัวขึ้นมา แต่ริมฝีปากและมือใหญ่ที่ร้อนลวกของเขาเบี่ยงเบนความสนใจเธอไป
ถัดมาเขาก็ยกเอวและสะโพกเธอขึ้นแล้วแทรกเข้ามา
ความเจ็บปวดจากการฉีกขาดแผ่ไปทั่ว เธอกรีดร้องพร้อมกับรับรู้ถึงความแข็งขึ้งของเขาที่อยู่ในร่าง
“สวรรค์…” เขาพึมพำขณะแนบปากกับเธอ แล้วก็หัวเราะแผ่วเบาพูดอีกว่า “สวรรค์…”
เธอเกาะเขาแน่นและหอบหายใจ กัดไหล่เขาหนึ่งที
เขาตอบสนองด้วยการก้มลงมาจูบหน้าอกเธอ ใช้นิ้วลูบไล้ส่วนที่ไวต่อความรู้สึกที่หว่างขาเธอ ทำให้เธอครางกระเส่า
“เดี๋ยว…เดี๋ยวก่อน…”
แต่เขาไม่หยุด แล้วรุกมาข้างหน้าอีกครั้ง
“เกิ่ง…เกิ่งเนี่ยนถัง…” เธอเอามือยันเขาออก
ทว่าเขาก็รุกเข้ามาอีก
“เรียกอาถัง”
เขาพูดเสียงพร่า จากนั้นก็เริ่มอีกครั้ง
เธอพ่นลมหายใจ เปลี่ยนคำพูดอย่างเชื่อฟัง “อาถัง…เดี๋ยว…คุณ…อ๊า…”
สิ่งที่เธอสัมผัสจากเขาทั้งมากและเร็วเกินไป เธออยากให้เขาช้าลงอีกหน่อย แต่ชายคนนี้กลับหัวเราะอย่างเบิกบานใจแล้วก็ทำอีกรอบ การไปมาแต่ละครั้งทำให้เธอไม่หลงเหลือสติจะคิด ลืมว่าตัวเองจะพูดอะไร
ความเจ็บความวาบหวามและความสั่นสะท้านแผ่ซ่านเข้ามาเป็นระลอก แต่ไม่รู้ทำไมความเจ็บค่อยๆ ถูกความรู้สึกอื่นหันเหไป สัญชาตญาณดิบเอาชนะทุกสิ่ง
ท่ามกลางความพร่าเลือน เสี่ยวหม่านร้องครวญคราง แอ่นร่างขึ้นหาเขา
ทำให้เขายิ่งได้ใจ ออกแรงมากขึ้น
ระหว่างที่เขารุกอย่างแข็งขัน เธอเกาะเขาไว้แน่นและร้องออกมา ถูกผลักขึ้นสู่จุดสูงสุดของความร้อนรุ่ม
แต่เขายังไม่สมใจอยาก ยังคงไปต่อ ทั้งเร็วและรุนแรง
สวรรค์…สวรรค์…เธอจะไม่ไหวแล้ว…
เสี่ยวหม่านถูกผลักขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง ความรู้สึกเช่นนั้นหลั่งไหลซ้ำๆ รวดเร็วสุดเปรียบปาน แต่ละครั้งท่วมบ่าไปทั่วร่าง การโรมรันที่รุนแรงเกิน กับประสาทสัมผัสที่ถูกปลุกเร้า ทำให้เธอใกล้จะทานทนไม่ไหว
ตอนที่เธอถูกโยนขึ้นไปถึงยอดคลื่นอีกครั้งก็ใกล้จะทนไม่ไหวอยู่รอมร่อ เขาเองก็ครางเสียงหนัก โก่งร่างแทรกเข้าไปในร่างเธอ ปลดปล่อยทุกอย่างออกมา
เธอทิ้งตัวอ่อนยวบลงบนเตียง เวลานั้นรู้สึกหัวสมองขาวโพลนนึกคิดอะไรไม่ออก ทั่วทั้งตัวไร้เรี่ยวแรงและอ่อนปวกเปียก ได้แต่พยายามสูดหายใจสุดชีวิต
จากนั้นเธอค่อยรู้สึกถึงเขา
ชายตรงหน้ายังคงอยู่เหนือร่างเธอ ใช้ศอกยันร่างตัวเองไว้ เขาจ้องมองเธอ มือใหญ่แตะชีพจรที่ต้นคอ
“คุณโอเคมั้ย”
เธอไม่รู้ แววตาเธอสั่นสะท้าน ริมฝีปากชมพูเผยอแต่กลับพูดอะไรไม่ออก หาคำพูดไม่เจอ รับรู้เพียงริมฝีปากที่ด้านชาเล็กน้อย
เธอหลับตาและรู้ว่าเขายังคาอยู่ในร่างเธอ เธอรู้สึกได้ว่าสองขาโอบล้อมเขาไว้ รู้สึกถึงแม้แต่ชีพจรของเขา
“มองผม นี่ สัตว์ประหลาดน้อย คุณช่วยมองผมได้มั้ย”
เสียงของเขาแตกซ่าน มือใหญ่ลูบไล้ใบหน้าชุ่มเหงื่อของเธอด้วยความอ่อนโยนที่สุด ห่างไกลจากความแข็งขันและหยาบกระด้างเมื่อครู่นี้มาก