เธอลืมตา มองเห็นแววห่วงใยในสายตาเขา
เธอสูดหายใจลึกๆ เลียริมฝีปาก พยายามพูดว่า
“คุณนี่มัน…น่ากลัวจริง…”
เขาหัวเราะ กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ผมก็ว่างั้น”
เธออดยิ้มไม่ได้
“ให้ตายสิ ผมอยากจะจูบคุณ แต่ก็คิดว่าคุณต้องการอากาศหายใจ”
คำพูดนี้ทำให้เธอยิ้มอีกครั้ง
“พูดแบบนี้…ไม่ช่วย…เลย…สักนิด…”
เขายิ้มก่อนที่จะค่อยๆ ผละออกไปแล้วพลิกตัวเธอขึ้นมาอยู่บนตัวเขา
“อย่างนี้ล่ะ” เขาถาม
น่าแปลกมาก ท่านี้ดีขึ้นมากเลย บางทีอาจเป็นเพราะได้แนบชิดกับตัวเขา ทำให้เธอรู้สึกถึงอุณหภูมิจากผิวกายและจังหวะหัวใจที่แข็งแกร่งและทรงพลัง
หรืออาจเป็นเพราะเธอรู้ว่าถ้าเธอขาดอากาศเป็นลมไปจริงๆ เขาคนนี้จะดูแลเธอ
เธอนอนอย่างผ่อนคลาย หลับตาลงช้าๆ ให้หัวใจเต้นเป็นจังหวะเดียวกับของเขา
“สัตว์ประหลาดน้อย?”
เธอไม่ค่อยอยากจะตอบคำเขา แต่เขาถามซักต่อ
“คุณจะนอนแล้วหรือว่ากำลังจะเป็นลม”
“นอน…”เธอพูดด้วยเสียงงัวเงีย
“เฮ้อ คุณควรจะออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอมากๆ หน่อยนะ ให้หัวใจกับปอดแข็งแรง”
เธอทั้งเขินทั้งโมโห อ้าปากงับเขาหนึ่งที
เขายิ้มแล้วอุ้มเธอขึ้นมา เธอสะดุ้งรีบจับเขาไว้
“คุณจะทำอะไร”
เขาอุ้มเธอเดินทะลุไปยังห้องน้ำ เปิดน้ำร้อนพลางกล่าว “ผมว่าก่อนคุณจะนอนคงอยากอาบน้ำ”
บ้าจริง
เสี่ยวหม่านทั้งเขินทั้งอาย แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้าน เมื่อเขาถ่ายทอดความอบอุ่นให้ร่างกายเธอ มือใหญ่ลูบไล้บนหลังเธอไปมา เธอก็โกรธเขาไม่ลงจริงๆ
อีกอย่างเขาไม่ได้เปิดไฟแล้วก็ไม่คิดจะเปิด ในความมืดมิดได้ยินเสียงน้ำไหลซู่
หัวใจเต้นเป็นจังหวะของเขาและน้ำอุ่นๆ ต่างก็ทำให้เธอคลายความกังวลลง
เสี่ยวหม่านถอนหายใจออกมา เอนศีรษะซบอกเขา หาวช้าๆ อีกทีหนึ่ง
เขาลูบไล้ศีรษะเธอและประทับจูบหนึ่งที
จากนั้น ขณะฟังเสียงหัวใจเขาเต้น เธอก็หลับไปทั้งอย่างนี้
เธอหลับสนิทแล้ว เขาเองก็อยากหลับบ้าง
แต่ตอนที่เขาอุ้มเธอออกมาจากห้องน้ำแล้วเช็ดตัวให้ เธอพึมพำไม่ได้ศัพท์อยู่สองสามคำ
เมื่อวางลงบนเตียงเธอก็เข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์ในทันที
กลางดึก เมื่ออารมณ์คึกค่อยๆ หมดไป เขาได้ยินเสียงหม้อเหล็กบนเตาเดือดและได้กลิ่นหอมโชยมาจากในนั้น
เขาไม่ได้ใช้ไฟแรงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะวางทิ้งไว้ได้ถึงเช้า
ถ้าหากเขาเผาบ้านเธอไหม้เป็นจุณ เธอตื่นมาคงไม่ชอบใจเท่าไร
ดังนั้นเขาจึงรอให้เธอหลับสนิท ค่อยๆ ลุกจากเตียงลงมาปิดเตา
กลิ่นหอมของซุปไก่อบอวลไปทั่วห้อง เขาไม่ได้เปิดหม้อซุปไก่ที่ยังไม่พร้อมเสิร์ฟ แค่เดินไปปิดแก๊ส
ว่าไปแล้วเขาก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าอยู่ดีๆ ทำไมถึงอยากต้มซุปไก่
แต่พอเขากลับเข้าห้องนอนเธอไปเห็นเธอนอนอยู่บนเตียงหลังนั้น เขาก็นึกออกว่าทำไม
เมื่อสามเดือนก่อนตอนที่เขาอยู่กับเธอที่นี่ได้คุยกับเธอระหว่างดูรายการทำอาหาร เธอบอกว่าเธอคิดถึงซุปไก่ที่เธอเคยกินในสมัยเด็กมากเลย น้ำซุปนั้นสีออกเข้ม เป็นน้ำซุปเคี่ยวสมุนไพร แต่หลังจากมาเรียนหนังสือที่อเมริกาก็ไม่เคยได้กินอีก
ทีแรกเขาคิดว่าเป็นซุปสี่สมุนไพร แต่เธอบอกว่าไม่ใช่ ซุปสี่สมุนไพรไม่ได้สีเข้มขนาดนั้นและกินแล้วจะมีรสชาติหวานอ่อนๆ
เขากลับบ้านไปถามแม่กับน้าเถาฮวา ถึงได้รู้ว่าที่เธอพูดอาจหมายถึงซุปไก่ตุ๋นเซียนเฉ่า
ก่อนออกมาเขาเลยขอใบเซียนเฉ่าแห้งจากน้าเถาฮวา
พืชชนิดนี้ปรุงไม่ง่าย ต้องใช้เวลากว่าหลายชั่วโมงในการต้ม แต่ว่าเขาอยากจะขอโทษเธอ
เขาไม่ควรจะมาหาเธอ ทว่าก็ห้ามใจไม่อยู่
เดินมาถึงข้างเตียงก็ปีนขึ้นมานอนอยู่ข้างตัวเธอ ค่อยๆ รั้งเธอเข้ามาในอ้อมแขน เธอไม่ขัดขืนที่จะอยู่ในอ้อมกอดเขา ราวกับว่าตรงนี้เป็นที่ของเธอตั้งแต่แรก
เขาหอมใบหน้าเล็กนุ่มนิ่มของเธออย่างอดเสียไม่ได้
เธอไม่ได้รู้สึกตัวตื่น แต่ว่าขมวดคิ้วเล็กน้อยทั้งที่หลับอยู่
เขาหัวเราะเงียบๆ และไม่รบกวนเธออีก
เขาไม่ควรจะมาหาเธอ แต่หลายปีที่ผ่านมาที่เขาออกเผชิญโลกภายนอก ไม่ง่ายเลยที่เขาจะได้เจอกับผู้หญิงที่จะหัวเราะไปกับเขา น่ารักและเฉลียวฉลาด กล้าหาญและจิตใจดีงาม หัวเราะเฮฮาไปกับมุกฝืดของเขา
เขาจะไม่กลับมาได้อย่างไร
อย่างน้อยเขาก็แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้ใส่ใจเขา เป็นห่วงเขา แล้วยังคิดถึงเขา
เขาควรจะทำเหมือนอย่างอาวั่น หาผู้หญิงที่สามารถปกป้องตัวเองและแกว่งมีดสามสิบหกเล่มฟาดฟันมือดีอันดับต้นๆ ของโลกไปพร้อมๆ กันได้
อย่างเช่นฮั่วเซียง
แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นหัวเราะไม่เป็น เสี่ยวหม่านหัวเราะเป็น
แถมยังหัวเราะเฮฮาเสียงดังซะด้วย
แม้ว่าเธอจะหลับอยู่ แต่เขาก็ยังนึกถึงเวลาเธอหัวเราะเสียงดังตอนที่เขาพูดจาไร้สาระ แล้วก็ยิ้มขึ้น
เขาลูบใบหน้าเล็กของเธออย่างแผ่วเบา ลูบไล้คางและใบหูกลมมน
เธอละเมอบ่นพึมพำ เขาเห็นแล้วก็ยิ้มอีกครั้ง แต่ทีนี้เขาเก็บมือกลับมา ถอนใจเบาๆ กอดอกแล้วหลับตาลง
เอาเถอะ ชีวิตคนเราออกจะสั้น สั้นเกินไป
หลังจากผ่านวันคืนที่นอนหลับได้ไม่สนิทมาหลายวัน เขาก็หวงแหนช่วงเวลานี้มาก
เมื่อเธอเป็นฝ่ายเอามือโอบรอบเอวของเขา เขาก็นำเอารอยยิ้มพึงพอใจเข้าสู่ห้วงหลับลึก