14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน วาสคนเขลา
บทที่สาม
หลี่เสวียนเอ๋อร์รู้จักที่นี่ย่อมไม่แปลก ตอนแรกตามแผนการ เดิมทีควรเป็นนางที่หลอกพี่รองของตนเองมาที่นี่ แต่ตอนนี้ที่นางมาที่นี่กลับไม่ใช่เป็นการทำไปตามแผนของเสิ่นหรูป๋อ
หลี่เสวียนเอ๋อร์พาอิงเถาสาวใช้ประจำตัวมาเพียงคนเดียว โดยใช้ข้ออ้างว่าไปที่ร้านเครื่องแป้งเพื่อเลือกซื้อชาดทาแก้ม ออกจากคฤหาสน์สกุลหลี่แล้วก็จ่ายเงินจ้างรถม้ารับจ้างคันหนึ่งจึงมาถึงที่นี่ได้
ตอนที่เห็นร่างสูงใหญ่ของเสิ่นหรูป๋อปรากฏที่ประตู ดวงตาของนางก็เปล่งประกาย ก้าวเข้าไปหาเขาพลางร้องเรียก “คุณชายรองเสิ่น!”
เสิ่นหรูป๋อยกมือขึ้นขวางกิริยาที่นางคิดจะโผเข้ามากอด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้ใดให้เจ้ามาที่นี่”
ความห่างเหินอย่างไม่ปิดบังของเขาทำให้หลี่เสวียนเอ๋อร์ต้องกัดริมฝีปาก นางพูดด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “คุณชายรอง เหตุใดเสวียนเอ๋อร์จึงรู้สึกว่าท่านเปลี่ยนไป”
เสิ่นหรูป๋อนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง เทน้ำชาให้นางหนึ่งถ้วยแล้วถามว่า “เจ้ามาได้อย่างไร ฮูหยินผู้เฒ่าไม่รู้หรือ ระหว่างทางมีผู้ใดตามมาหรือไม่”
หลี่เสวียนเอ๋อร์รับถ้วยชาไป ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นพลางตอบเสียงเบา “วางใจได้ ไม่มีผู้ใดรู้ ข้าจ้างรถม้าอีกคันมา… ตอนนี้เรื่องของท่านกับข้ามีบทสรุปหรือยัง”
เสิ่นหรูป๋อพูดโดยหลบสายตา “ตอนนี้พี่รองของเจ้าเป็นแบบนี้ ถ้าคนนอกรู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้ากับข้ามีความสัมพันธ์กันจะไม่ถูกคนด่าจนป่นปี้หรือ ต้องให้พี่รองของเจ้าแต่งเข้าบ้านก่อน จึงจะใคร่ครวญเรื่องของเจ้าได้”
หลี่เสวียนเอ๋อร์เม้มริมฝีปากแน่น “ตอนนี้ข้าท้องได้สามเดือนแล้ว ท้องเริ่มมีให้เห็นแล้ว ทำได้เพียงใช้เสื้อตัวหลวมมาอำพราง ถ้าประวิงเวลาต่อไป คนทั้งคฤหาสน์ก็ต้องรู้เรื่องน่าเกลียดนี้อยู่ดี… ตอนแรกพูดกับข้าไว้อย่างไร ขอเพียงจับตัวนางแล้วแกล้งทำเป็นว่าถูกโจรจับไปเป็นตัวประกันแล้วโดนฆ่าก็พอ ถึงตอนนั้นท่านก็สามารถควบคุมการค้าของสกุลหลี่ได้ และสามารถแต่งข้าเข้าบ้านได้อย่างถูกต้อง แต่ตอนนี้เพราะพี่รองป่วย หน้าร้านกับขบวนเรือตกมาอยู่ในมือของท่านกว่าครึ่ง นางกลายเป็นคนไร้ประโยชน์แล้ว ท่านจะเก็บนางไว้ด้วยเหตุใดกัน ตอนแรกท่านทำบัญชีปลอมฮุบเงินสินค้าก้อนใหญ่ของสกุลหลี่เพื่อปูเส้นทางการเป็นขุนนางของพี่ชาย และลอบวางแผนร่วมกับพระมาตุลาไป๋ จงใจถ่วงเวลาการขนส่งสัมภาระการทหารของขบวนสินค้าสกุลหลี่ ถ้าเรื่องทั้งหมดถูกพี่รองรู้เข้า คนที่เคร่งครัดอย่างนางคงจะยกเลิกการหมั้นกับท่าน ท่านก็ยกเลิกไปตามน้ำก็ดีแล้ว เหตุใดต้องดื้อดึงไปแต่งงานกับคนสมองเสื่อมนั้นด้วยเล่า หรือว่าท่านยังชอบนางอยู่อย่างนั้นหรือ”
เสิ่นหรูป๋อไม่ได้พูดอะไร ดวงตาที่ปิดลงครึ่งหนึ่งกลับฉายไอสังหาร หญิงผู้นี้รู้มากเกินไปแล้ว เก็บนางไว้รังแต่จะเป็นภัย ถึงแม้ในท้องนางจะมีเลือดเนื้อของเขา แต่ก็เป็นผลที่เกิดหลังจากเขากับรั่วอวี๋ทะเลาะกัน และดื่มสุรากับหญิงผู้นี้เมามายจนเกิดเรื่อง
แม้จะเสียดายอยู่บ้าง แต่ภายหน้ารั่วอวี๋ต้องให้กำเนิดลูกได้มากกว่านี้… ฉวยโอกาสเหมาะในตอนนี้ลงมือกำจัดนางเสียจะดีกว่า…
แม้ว่าเขาจะมีความคิดต้องการฆ่า แต่บนใบหน้าหล่อเหลากลับไม่มีความเปลี่ยนแปลง ยังพูดอย่างอ่อนโยนตามเดิม “ตอนนี้กรมโยธาดูแลเรื่องการต่อเรือใหญ่ แต่ภาพผังต่อเรือที่พี่รองของเจ้าให้ข้าในตอนแรกยังไม่สมบูรณ์ กลไกใบพายต้านกระแสน้ำใต้ห้องเครื่องยังว่างเปล่า ย่อมต้องร่วมมือทำงานกับสกุลหลี่ต่อไป ว่าแต่ว่าคนที่ตามเจ้ามา มีแต่สาวใช้ชื่ออิงเถานั่น ไม่มีผู้อื่นแล้วหรือ โจวอี๋เหนียงรู้หรือไม่ว่าเจ้ามาที่นี่”
หลี่เสวียนเอ๋อร์ไม่สังเกตเห็นไอสังหารของเสิ่นหรูป๋อ ได้ฟังคำพูดนี้แล้วในดวงตาก็ฉายความได้ใจ “พูดไปแล้ว สิ่งที่ท่านต้องการก็คือตำราเรือย่ำคลื่นที่ตกทอดจากบรรพบุรุษสกุลหลี่ แต่นางกลายเป็นคนสมองเสื่อมไปแล้ว แม้จะเคยเป็นยอดฝีมือในการต่อเรือมาก่อน ตอนนี้ก็เป็นเพียงเศษสวะผู้หนึ่ง ถ้าท่านจะฝากความหวังไว้ที่นาง สู้มาขอร้องข้าให้มากๆ จะดีกว่า!”
เสิ่นหรูป๋อได้ฟังคำก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย หันมองนางเต็มตาเป็นครั้งแรก “ความหมายของเจ้าคือ?”
“ตำราเรือย่ำคลื่น เคล็ดวิชาที่ตกทอดจากบรรพบุรุษสกุลหลี่อยู่ที่ข้า!” หลี่เสวียนเอ๋อร์เลิกคิ้วขึ้นพลางกล่าวเสียงเน้นหนัก
คำพูดนี้ทำให้เสิ่นหรูป๋อมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาจ้องหลี่เสวียนเอ๋อร์เขม็งแล้วพูดว่า “เคล็ดวิชาสกุลหลี่ไม่ให้ผู้ใดเห็นง่ายๆ แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เองก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด เจ้าจะได้มาง่ายๆ ได้อย่างไรกัน”
หลี่เสวียนเอ๋อร์ได้ฟังคำพูดนี้แล้วยิ่งมั่นใจว่าตนเองวางเดิมพันด้วยของที่ถูกต้องแล้ว เสิ่นหรูป๋อไปสอบถามฮูหยินผู้เฒ่าหลี่มาแล้วจริงๆ เขาต้องร้อนใจอยากได้ตำรามหัศจรรย์ในการต่อเรือเล่มนี้แน่นอน ในตอนนี้นางจึงสบายใจขึ้น นั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างพลางพูดเสียงเบาว่า “พี่รองมีกุญแจดอกหนึ่งคล้องคอไว้ตลอด แม้ตอนอาบน้ำก็ไม่ยอมถอดออก ข้าบังเอิญเห็นกุญแจดอกนั้น รูปแบบแปลกประหลาดของกุญแจนั่นทำให้คนเห็นยากจะลืมได้ จึงได้คิดไปถึงตอนเด็กที่อยู่ในห้องหนังสือท่านพ่อ บังเอิญได้เห็นรูกุญแจกล่องเหล็กประณีตใบหนึ่งที่ซ่อนอยู่ข้างหลังภาพบรรพชนสกุลหลี่ วันที่พี่รองตกม้าบาดเจ็บ ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ร้อนใจจะไปตามท่านหมอ ข้าจึงหาข้ออ้างไล่สาวใช้และบ่าวหญิงอาวุโสข้างกายออกไป หยิบกุญแจดอกนั้นมาเปิดกล่องลับ และในนั้นก็เป็นตำราเรือย่ำคลื่นของสกุลหลี่ของพวกเราจริงๆ”
ฟังถึงตรงนี้ แววตาของเสิ่นหรูป๋อก็สั่นไหว “ตำราเรือย่ำคลื่นนั่นตอนนี้อยู่ที่ใด”
หลี่เสวียนเอ๋อร์อมยิ้มชี้ไปที่หน้าผากของตนเอง “อยู่ที่นี่หมดแล้ว ผู้ใดก็มาขโมยไปไม่ได้แล้ว”
เสิ่นหรูป๋อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดนาง เขารู้ดีว่าเรือที่อยู่ในตำราเรือย่ำคลื่นนั้นมีเกือบร้อยชนิด ขนาดและกลไกของเรือแต่ละอย่างแตกต่างกัน นางจะจำทั้งหมดได้อย่างไร
หลี่เสวียนเอ๋อร์ยืดอกขึ้นเล็กน้อย “ข้าวาดแบบผิดๆ เล่มหนึ่งวางกลับเข้ากล่องลับในห้องหนังสือ กุญแจก็เอากลับไปคล้องที่คอพี่รองแล้ว… สกุลหลี่ไม่ได้มีเพียงหลี่รั่วอวี๋ที่ฉลาดเป็นเลิศ ความจำของข้าดีกว่าผู้อื่นมาตั้งแต่เกิด แค่ผ่านตาก็ไม่มีวันลืม ตำราเล่มนั้นข้าตั้งใจใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ ในการจดจำ มั่นใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดจึงทำลายตำราเล่มนั้นไป”
นางหลี่เสวียนเอ๋อร์ก็เป็นลูกหลานสกุลหลี่เช่นกัน ไม่มีที่ใดด้อยไปกว่าหลี่รั่วอวี๋ เพียงเพราะนางเป็นลูกภรรยารอง จึงกำหนดว่านางต้องต้อยต่ำกว่าลูกภรรยาเอกทั้งสองอยู่หนึ่งขั้นอย่างนั้นหรือ นางไม่ยินยอม!
สวรรค์มีตา ถึงได้เกิดเคราะห์กรรมของหลี่รั่วอวี๋ในครั้งนี้ ส่วนนางหลี่เสวียนเอ๋อร์ในที่สุดก็จะได้เชิดหน้าชูตาแล้ว หลี่รั่วอวี๋ตกม้าสมองเสื่อมไปแล้ว แต่ในสมองของนางหลี่เสวียนเอ๋อร์กลับมีตำราเรือย่ำคลื่นที่สมบูรณ์อยู่หนึ่งเล่ม ขอเพียงนางไม่ยินยอม ผู้ใดก็ขโมยไปไม่ได้ แย่งไปไม่ได้!
นางในตอนนี้กุมชัยชนะไว้ในมือ หลี่รั่วอวี๋อย่าหวังจะมาแย่งกับนางอีก ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือไม่ว่าจะได้ชื่อเรียกว่าเป็นผู้สืบทอดสกุลหลี่…
เสิ่นหรูป๋อลุกขึ้น เรียกบ่าวร่วมเรียนให้ไปหยิบสำเนาภาพผังเรือรบที่หลี่รั่วอวี๋วาดให้กรมโยธาก่อนหน้านี้ในกล่องหนังสือประจำตัวของเขามา จากนั้นพูดว่า “ในเมื่อเสวียนเอ๋อร์จำได้หมด เจ้าลองดูสิว่าจะวาดส่วนที่ขาดไปออกมาได้หรือไม่”
Comments
