14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน วาสคนเขลา
ฉู่จิ้งเฟิงนั่งเอื่อยอยู่ด้านข้าง มองดูมือขาวสองข้างที่โผล่ออกมานอกแขนเสื้อนั้นอย่างไม่ตั้งใจ
หลังจากที่ชงชานั้นเสร็จแล้ว นางไม่ได้ยกขึ้นดื่ม แต่เลียปากก้มหน้าลง ทำท่าทางเหมือนลูกสุนัขดื่มจากข้างถ้วย นางคงจะกระหายมากเกินไป คุณหนูรองหลี่ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจึงดื่มน้ำเสียงดังสนั่น ไม่นานน้ำชาสีแดงนั่นก็แห้งจนเห็นก้นถ้วย
พอหลี่รั่วอวี๋ช้อนตาขึ้นก็เห็นดวงตาเรียวยาวนั่นจ้องนางนิ่ง… อ้อ เข้าใจแล้ว! เป็นโรคเดียวกับน้องชาย ชอบจ้องอาหารรสเลิศของนาง… ตอนนี้ภายในท้องมีความอุ่นแล้ว มีอารมณ์จะเล่นสนุกแล้ว หลี่รั่วอวี๋จึงคาบลูกบ๊วยในถ้วยเอาไว้ครึ่งลูก ก่อนจะจงใจคาบขยับเข้าใกล้ริมฝีปากของชายหนุ่ม
นี่เป็นการเล่นที่นางเล่นบ่อยครั้งและใช้แกล้งเสียนเอ๋อร์ได้ผลดีมาก ทุกครั้งที่นางได้ขนมประหลาดอะไรมาก็จะล่อให้เขาเข้ามาแล้วก็จะบิดเอวเล็กน้อยและขยับตัวออก ทำให้ใบหน้ากลมดูตะกละของเสียนเอ๋อร์เหมือนบัวลอยที่ใกล้จะระเบิด ก่อนจะร้องไห้โฮเสียงดัง
น่าเสียดายที่นางเหมือนจะลืมไปว่าคนตรงหน้าไม่ใช่เด็กน้อยน่ารักไร้เดียงสา ในตอนที่ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ หลี่รั่วอวี๋ก็เตรียมจะขยับถอยหลังอย่างได้ใจ แต่ท้ายทอยกลับถูกมือใหญ่ยึดไว้แน่น ไม่อาจขยับถอยหลังได้เลย ทำได้เพียงเบิกตาโตมองดูริมฝีปากบางใต้จมูกเป็นสันโด่งนั้นขยับเข้าหาตนเองอย่างช้าๆ
ถึงตอนนี้หลี่รั่วอวี๋จึงได้รู้สึกกลัว นางถูกดวงตานั้นจ้องจนรู้สึกหวาดหวั่น นึกอยากจะกลืนบ๊วยลงไปก็ไม่กล้า ทำได้เพียงมองหน้าเขาอย่างทำอะไรไม่ได้
ฉู่จิ้งเฟิงมองดวงตาสั่นไหวคู่นั้นแล้วก็พลันได้สติคืนมาทันที สีหน้านิ่งงันไปเล็กน้อย ก่อนจะผลักหญิงสาวลงบนเสื่อด้วยความรังเกียจอย่างแรง ไม่อยากเห็นท่าทางการกินของนางอีก
แรงจากการผลักนี้ทำให้ท้ายทอยของหลี่รั่วอวี๋กระแทกพื้นเสียงดังตึง นางถูกการกระทำอย่างฉับพลันของชายหนุ่มผู้นี้ทำให้ตกใจและทำให้รู้สึกเจ็บ จึงได้แต่มองตะลึงไป ยังไม่ทันคืนสติดีก็ถูกดึงตัวขึ้นมาแล้ว มือใหญ่ข้างนั้นนวดท้ายทอยของนางอย่างกักขฬะ
มองดูใบหน้าเย็นเยือกของเขาแล้ว หลี่รั่วอวี๋ก็ตัดสินใจว่าจากนี้ไปจะเกลียดชายผู้นี้ ดังนั้นจึงผลักอกของเขาอย่างแรง
ความอดทนของฉู่จิ้งเฟิงเดิมทีก็มีไม่มาก เมื่อถูกนางผลักเช่นนี้ก็ยิ่งรำคาญใจ เพราะออกแรงที่มือมากเกินไปจึงสัมผัสเรือนร่างงดงามของคนในอ้อมกอดได้ชัดทุกอณู
สัมผัสที่อ่อนนุ่มทำให้เลือดทั่วกายของเขาร้อนระอุขึ้นอย่างไร้สาเหตุ ความรู้สึกเช่นนี้สำหรับฉู่จิ้งเฟิงแล้วเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคย แต่กลับเกิดขึ้นกับหญิงสาวที่ไม่รู้อะไรเสียเลยผู้นี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาเป็นสุภาพบุรุษมาพอแล้ว! นางเป็นคนยั่วยวนเขาหลายต่อหลายครั้ง ต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตนเองบ้างจึงจะดี
เมื่อคิดเช่นนี้ ร่างเล็กบางของหลี่รั่วอวี๋ก็ถูกผลักให้นอนลงบนพื้นอีกครั้ง จากนั้นริมฝีปากบางที่เย็นเฉียบก็ทาบมาบนริมฝีปากของนาง…
เมื่อครู่ชายหนุ่มดื่มชาอยู่ บนริมฝีปากยังเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของใบชา สัมผัสเย็นเฉียบและชุ่มชื้นทำให้รู้สึกสบายมาก แต่หลี่รั่วอวี๋ยังคงนึกดูถูกอยู่ในใจ เทียบเสียนเอ๋อร์ไม่ได้เสียเลย! เสียนเอ๋อร์ยังรู้ว่าของที่เข้าปากแล้วเอาคืนอีกไม่ได้ แต่ชายหนุ่มผมขาวผู้นี้กลับไม่ลดละ แม้แต่ลิ้นก็ยังยื่นเข้ามาด้วย…
หลี่รั่วอวี๋รู้สึกว่าตนเองเสียเปรียบ ต้องพยายามทวงคืนมาสักนิดก็ยังดี จึงยื่นปลายลิ้นไปเลียบ้างอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ สุดท้ายก็งับริมฝีปากหอมกรุ่นของชายหนุ่มเอาไว้ไม่ยอมปล่อย พยายามดูดดึงเหมือนลูกสุนัขที่อ้าปากกินอาหาร…
ชายหนุ่มส่งเสียงครางเข้มผ่านลำคอ ร่างแข็งแรงนั้นทาบลงบนร่างนุ่มนั้นทั้งตัว
เพียงชั่วครู่นี้หลี่รั่วอวี๋ก็ตกเป็นรอง รู้สึกเพียงว่าหายใจไม่ทัน จึงผลักชายหนุ่มจะให้เขาลุกขึ้น
กว่าชายหนุ่มจะลุกขึ้นก็ไม่ง่ายนัก แต่คอเสื้อของหลี่รั่วอวี๋พลันถูกกระชากเปิดออก เผยให้เห็นลำคอระหงและเนินอกนูนสูงที่ถูกบังทรงรัดไว้แน่น ผิวขาวเนียนเป็นมัน เครื่องหอมรมควันกลิ่นมะลิที่กระจายออกมาระหว่างเนินอกที่กระเพื่อมช่างยั่วยวนให้คนจมอยู่ในเนินหิมะขาวผืนนี้…
ในยามนี้ความหอมนุ่มตรงหน้าทำให้เขาลืมไปว่านางเป็นคนสมองเสื่อม มีเพียงเสียงเลือดในหลอดเลือดไหลพล่านที่ดังสะท้อนอยู่ในส่วนลึกของหู…
“คน… คนเลว…” เสียงพูดปนสะอื้นนี้ทำลายบรรยากาศประหลาดในห้องนี้ลง หลี่รั่วอวี๋ถูกเขาทำให้ตกใจ พอเห็นในดวงตาของเขาปรากฏสีแดงจางๆ ขึ้นอีกครั้งก็ร้องไห้ออกมาทันที
ฉู่จิ้งเฟิงกลับเข้าสู่ความรังเกียจตนเองที่หิวโซจนไม่เลือกอาหารครั้งแล้วครั้งเล่า นี่เป็นคนสมองเสื่อมผู้หนึ่ง ความชื่นชอบของเขาฉู่จิ้งเฟิงตกต่ำถึงขั้นไปล่วงเกินหญิงสมองเสื่อมที่เป็นว่าที่ภรรยาผู้อื่นแล้วหรือ
คิดถึงตรงนี้ เขาก็ตะคอกเสียงเข้ม “หุบปาก!”
แต่น้ำตาของนางใช่บอกว่าหยุดก็หยุดได้ เสียงตะคอกทำลายขวัญศัตรูของซือหม่าต้าฉู่อยู่ต่อหน้าคุณหนูรองสกุลหลี่กลับใช้ไม่ได้ผล
หลังจากตะคอกรุนแรงดุดันแล้ว ก็เห็นน้ำตามารวมตัวกันมากขึ้น ฉู่จิ้งเฟิงที่ถูกเสียงร้องไห้ดังสนั่นทำให้สมองตื้อก็สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่ร้องไห้ ข้าจะให้เจ้าจับไก่ป่าดีหรือไม่”
หลี่รั่วอวี๋ได้ฟังคำพูดนี้แล้ว เสียงสะอื้นก็ค่อยๆ เบาลง นางคิดสักครู่หนึ่งก็ยื่นมือออกไปช้าๆ เตรียมกลั้นหายใจจะดีดอย่างแรงสักที
ฉู่จิ้งเฟิงกุมข้อมือของนางที่คิดจะทำการอุกอาจแล้วสูดหายใจเข้าลึก หลุบตาลงแล้วพูดว่า “ความหมายของข้า คือไปจับไก่ในป่า…”
Comments
